อย่าปล่อยให้เหลิง

ท่านไม่ฟันธงว่าพฤติกรรมแบบไหนขัดหรือไม่ขัดกฎหมาย ก็ถือว่าถูกต้อง แต่มันต้องมีหลัก ไม่ใช่กั๊กไปเสียหมดทุกเรื่อง

อย่างที่ "ทักษิณ" ไปปราศรัยที่ อุดรธานี

"...ขอพี่น้องอย่าลืมผม ผมกลับมาแล้ว อย่าลืมกาเบอร์ ๒ หากไม่รู้ว่าเบอร์ ๒ ชื่ออะไร ก็ขอให้นึกถึงชื่อทักษิณแล้วกัน กาทักษิณแล้วกัน..."

นี่คือการสร้างความเข้าใจผิดในคะแนนนิยม

ไม่รู้จะชัดอย่างไรแล้วครับ

ต้องเลือกนายก อบจ.อุดรธานีใหม่

มันไม่ใช่เวทีเดียวนะครับที่ "ทักษิณ" ปราศรัยเอาเปรียบผู้สมัครนายก อบจ.คนอื่นๆ ที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้สนับสนุน

มันเป็นพฤติกรรมต่อเนื่อง

ทีนี้มาดูว่า "อิทธิพร บุญประคอง" ประธาน กกต. ให้ความเห็นไว้อย่างไรบ้าง

"...การหาเสียงอยากให้แยกเกี่ยวกับการพูดถึงนโยบาย ระดับชาติกับการหาเสียงระดับท้องถิ่น ซึ่งเป็นเรื่องที่บางครั้งเชื่อมโยงกันได้ แต่จะเข้าข่ายเป็นการหาเสียงที่ผิดกฎหมายหรือไม่ มีอยู่ ๒ ข้อหลัก คือ

๑.หาเสียงว่าจะให้หรือเสนอให้

๒.หาเสียงหลอกลวง

ถ้าหาเสียงว่าจะให้มันก็เข้าข่ายผิดกฎหมายแน่นอนตามมาตรา ๖๕ (๑)

แต่ถ้าเป็นการหาเสียงหลอกลวงเพราะมันไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ อบจ.นั้นๆ ก็เข้าข่ายหลอกลวงได้ เพราะฉะนั้นการกล่าวถึงเวลาเราพูดถึงบริบททั่วๆ ไป บางครั้งกล่าวไปทางนั้นทางนี้ มันจะใช่ถึงขนาดหาเสียงหลอกลวง สัญญาว่าจะให้หรือไม่ ต้องดูบริบทแต่ละอันเป็นรายกรณีไป รวมถึงดูรายละเอียดด้วย..."

ทำท่าจะดีแล้วเชียว มาพลิกเอาประโยคท้าย

เอาเป็นว่า กกต.วินิจฉัยไว้อย่างไรหลังจากนี้ถือเป็นบรรทัดฐานการหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.ในครั้งถัดๆ ไป

หากสิ่งที่ "ทักษิณ" เอาไปปราศรัย ไม่ว่าจะเป็น แจกเงินหมื่น ลดค่าไฟ บ้านไม่ต้องดาวน์ สามารถทำได้ในการเลือกตั้งนายก อบจ. ผู้สมัครที่พรรครัฐบาลสนับสนุนก็จะได้เปรียบผู้สมัครอิสระคนอื่นๆ

ประธาน กกต.บอกว่า ผู้สมัครนายก อบจ.ต้องเสนอนโยบายที่อยู่ในกรอบ อำนาจหน้าที่ของ อบจ. การหาเสียงก็ควรจะมุ่งเน้นในกรอบตรงนั้น

แต่ก็ติ่งไว้ว่า "จะพูดเลยไปบ้างส่วนตัวมองว่าก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร"

เป็นซะยังงี้!

ไปกั๊กไว้ทำไมครับ

ไอ้พูดเกินเลยไปบ้างนี่แหละครับตัวดี 

ขอบเขตมันอยู่ตรงไหน

กฎหมายก็มีอยู่แล้ว กำหนดชัดๆ ว่า อบจ.มีหน้าที่อะไรบ้าง ก็หาเสียงไปตามนั้น

เช่นจัดสร้างระบบสาธารณูปโภค ที่เทศบาล และ อบต. ทำไม่ได้ เพราะขาดงบประมาณ

จัดทำโครงการที่เกี่ยวข้อง ทั้งเทศบาล และ อบต. เช่น การก่อสร้างถนนสายหลัก

ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เช่น จัดรถบรรทุกน้ำ ช่วยเหลือพื้นที่แห้งแล้ง

ดูแลการใช้ที่ดินเพื่อประโยชน์ของท้องถิ่น เช่น จัดให้มีสถานที่พักผ่อน สวนสาธารณะ

บำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเรื่องจารีตประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่น

มีแค่นี้ครับที่ อบจ.ทำได้

ไม่เกี่ยวกับแจกเงินหมื่น

ฉะนั้นการจูงใจโดยใช้นโยบายของรัฐบาลมาหาเสียงก็เท่ากับเอาเปรียบผู้สมัครนายก อบจ.คนอื่นๆ

มันแฟร์หรือครับ

ส่วนอำนาจหน้าที่ของตัวนายก อบจ. กฎหมายก็เขียนไว้ชัดจนไม่รู้จะชัดอย่างไรแล้ว

มีอำนาจหน้าที่ควบคุมและบริหารกิจการของ อบจ.

กำหนดนโยบายโดยไม่ขัดต่อกฎหมาย และรับผิดชอบในการบริหารราชการขององค์การบริหารส่วนจังหวัด ให้เป็นไปตามกฎหมาย และระเบียบข้อบังคับต่างๆ

สั่ง อนุญาต และอนุมัติเกี่ยวกับราชการขององค์การบริหารส่วนจังหวัด

วางระเบียบเพื่อให้งานขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

รักษาการให้เป็นไปตามข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด

ปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติและกฎหมายอื่นๆ

เอา แจกเงินหมื่น ปราบ Call Center ขึ้นเงินเดือน ลดค่าไฟ มาหาเสียง มันใช่หน้าที่ อบจ.หรือครับ

"ทักษิณ" ไปหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรคเพื่อไทย ด้วยนโยบายรัฐบาล และสิ่งที่ตัวเองอยากทำ จนไม่มีใครจำได้ว่า ตัวผู้สมัครนายก อบจ.ตัวจริงมีนโยบายอะไรบ้าง

ถือว่าเข้าข่ายหลอกลวงให้ได้มาซึ่งคะแนนนิยมในการเลือกตั้ง ผิดกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น มาตรา ๖๕(๕) หรือเปล่า

ถ้าใช่ มีโทษอาญา กกต.แจกใบเหลือง หรือใบแดงได้

ถามม้าตอบช้างอีกเช่นเคย นักข่าวถาม นายกฯ แพทองโพย เรื่องคำปราศรัยของพ่อว่าสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมาย

คำตอบฟังแล้วงงๆ!!!       

"...ท่านทักษิณ ไม่ได้ดำรงตำแหน่งอะไร แต่ไปในฐานะผู้ช่วยหาเสียง และนโยบายของพรรคเพื่อไทยกับรัฐบาล ก็มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว..."

ประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

พูดไม่รู้เรื่องครับ

เขาเลือกนายก อบจ. ก็บอกซิครับว่า พรรคเพื่อไทยมีนโยบายสำหรับท้องถิ่นต่างๆ อย่างไรบ้าง จะเพิ่มระบบสาธารณูปโภคอะไรบ้าง จะสร้างถนนอีกกี่สาย

ไม่ใช่เพิ่มเงินเดือนปริญญาตรี ๒๕,๐๐๐ บาท หรือแจกเงินประชาชนทั่วประเทศหัวละหมื่นบาท 

อยู่ที่ กกต.แล้วครับ หากมองว่า "ทักษิณ" พูดเกินเลยไปบ้าง ไม่เสียหายอะไร การหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.เดิมทีการเมืองระดับชาติจะไม่เข้าไปจุ้นจ้านนัก แต่หลังจากนี้ได้บรรทัดฐานแล้ว ผู้สมัครจากพรรครัฐบาลจะได้เปรียบอย่างมาก

เพราะหาเสียงได้ครอบจักรวาล

ต่อไปเลือกตั้งท้องถิ่นคงได้เห็นนโยบาย ระดับอินเตอร์ เช่นทำ FTA กับต่างชาติกระมัง.