ใคร 'เจ้าภาพบ้านเมือง'?

ดูคลิปและฟังคำที่....

"ทักษิณ" ทอล์กกับบรรดา "หมาในคอก" ของเขาวันก่อนแล้ว

ต้องบอกว่า

สมควรต้องสถาปนาท่านขึ้นเป็น "สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ทักษิณ" เสมอเหมือนกับ "สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน" แห่งกัมพูชาแล้วละ

เพราะที่ท่านพูดวันนั้น มันใหญ่โตคับประเทศ จนทำให้คำเรียกขานว่า "นายทักษิณ" ดูไม่เหมาะสมกับบทบาทที่ท่านกำลังทำเพื่อชาติอยู่ขณะนี้เลย

คนไทยกว่า ๖๕ ล้านคน จะหาซักคนก็ทั้งยาก ที่กล้าด้วยเหิมเกริม อหังการ ยืดอก จับไมค์ประกาศ

"ผมรับตำแหน่งใหม่คือ สทร.

ก็ต้อง "เสือกทุกเรื่อง"

ถ้าไม่เสือก

บ้านเมืองก็ไม่มีเจ้าภาพแก้ปัญหา"

ต้องตบเข่าฉาด แล้วร้องโอ้โฮ...กันเลยทีเดียว!

ก็เพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าที่ผ่านมา "บ้านเมืองไม่มีเจ้าภาพ" จนสมเด็จเดโชทักษิณผุดขึ้นจากนรกหรือลงมาจากสวรรค์มาเป็นเจ้าภาพนั่นแหละ

ถือเป็นบุญของประเทศและเป็นวาสนาของคนไทยนะเนี่ย ที่ตะไลเมืองกลับเสือกให้ทุกเรื่อง

ไม่งั้นบ้านเมืองไทยพินาศล่มจมแน่ เพราะไม่มีใครเป็นเจ้าภาพคอยแก้ปัญหาให้!

แล้วปัญหาบ้านเมืองอะไรบ้างล่ะ ที่สมเด็จเดโชทักษิณแก้

ผมลองประมวลที่เขาพูดที่นั่น-ที่นี่ อันที่จริง มันก็เปรอะไปหมด จำไม่หวาด-ไม่ไหว

นอกจากกู้สร้างหนี้ให้คนไทยทุกคน เอาเงินไปแจก "ตกเบ็ด" คะแนนนิยมให้พรรคล่วงหน้าแล้ว เท่าที่นึกได้ ก็...เช่น

-จะเปิดคอมเพล็กซ์มีบ่อนกาสิโนทั่วประเทศ

-จะให้พนันออนไลน์ เป็นเรื่องถูกกฎหมาย

-จะออกเหรียญคริปโตเป็นเงินอีกระบบของประเทศ

-จะเอาที่ดินรถไฟ ที่ราชพัสดุทำคอนโดฯ ให้เช่า ๙๙ ปี

เห็นแบบนี้แล้ว....

ขอเสนอให้ "สมเด็จเดโชทักษิณ" ยกธุรกิจขายยาบ้าขึ้นมาบนดินด้วย

ในเมื่อปราบไม่ได้ รัฐบาลเพื่อไทยก็เปิดให้เป็น "ธุรกิจการค้าเสรี" ถูกกฎหมายซะเลย

จะได้มีเงินมาดำเนินนโยบาย "โกงแบ่งกัน" ไงล่ะ!

คนไทยเนี่ย ปกติเป็นคนไม่มีปาก-มีเสียง (ในเรื่องมีสาระ) แต่...ตั้งแต่เพื่อไทยเป็นรัฐบาลและทักษิณกลับมา ชาวบ้านเริ่มมีปาก

จนถึงเศรษฐาไป พ่อเสือก...ส่งลูกสาวขึ้นเป็นนายกฯ นับแต่นั้น ปากชาวบ้านเริ่มมีเสียง

ถึงตอนนี้ จากบทบาทลูก "ผนงรจตกม." ไปถึงบทบาทพ่อ "สทร." ชาวบ้าน-ชาวเมืองทั้งประเทศ มีทั้งปากและเสียงประสานไปทางเดียวกัน

"มรพมจปซท." ซึ่งมาจากคำเต็มว่า "เมื่อไหร่พวกมึงจะไปซะที" กระหึ่มเมือง!

ผมจับ "ปฏิกิริยาสังคม" นี้ ทำให้ได้คำตอบอย่างหนึ่งว่า

ทักษิณคุยโว โอ้อวดคุณวิเศษอันไม่มีอยู่ในตัวเอง แล้วสถาปนาตัวเองเป็น "เจ้าภาพแก้ปัญหาบ้านเมือง"

ซึ่งไม่ใช่ ไม่จริง เป็นการประทับตราเกี๊ยะใส่หน้าตัวเองอวดที่ต้องบอกว่า ท่านไม่อาย แต่ผมอาย!

ผมโม้มั่ง ท้ายคอลัมน์ "คนปลายซอย" ในยูทูบ ในเว็บเปลว สีเงิน ผ่านตาคนอ่าน รวมแล้วกว่า ๒๐  ล้านคู่  ๔๐ ล้านข้างลูกตา เขาคอมเมนต์ "ด่า" กันสนั่นลั่นเมือง

เปล่าๆๆๆ เขาไม่ได้ด่า "สมเด็จเดโชทักษิณ" หรอก

แต่เขาเรียกหา เรียกแล้ว...เรียกอีก คนที่เขาเรียกก็ไม่มา เมื่อเรียกไม่มา เจ็บใจ เขาก็ด่าประชดไปซะเลย!

ใครรู้มั้ย?

"ทหาร" ไงล่ะครับท่าน!

"ทหาร" คือ "ส้วมสาธารณะประชาชน" ยามไม่ปวด คือชีวิตและสังคมชาติไม่มีปัญหา แค่จะเดินผ่าน ยังรังเกียจว่า "ส้วม"

แต่พอปวด คือชีวิตและสังคมมีปัญหา

รู้เลย...ว่า "ที่พึ่ง" ที่ประชาชนฝังซ่อนไว้ใต้จิตสำนึกเขามาตลอดนั้น คือ "ทหาร" โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว

จนเมื่อยามใด รู้สึกว่าชีวิตไม่เป็นสุขและบ้านเมืองมีภัยมากล้ำกราย

ประชาชนจะเรียกหา "สิ่งซ่อน" อยู่ใต้จิตสำนึกคือ "ทหาร" ให้ออกมาแก้ปัญหานั้นเองโดยอัตโนมัติ!

อย่างตอนนี้ จากคอมเมนต์ท้ายคอลัมน์ แรกๆ  เห็นเรียกหาทหารให้ออกมาจัดการ

แต่ทหารเขาก็รู้....

"ประชาชนเป็นผู้เลือกคนไปเป็นรัฐบาล" เท่ากับประชาชนเป็น "เจ้านายรัฐบาล"

ฉะนั้น เมื่อคนที่เจ้านายเลือกเข้าไป ทำงานโหลยโท่ย ก็เป็นหน้าที่เจ้านายต้องจัดการเอง

จะจิกหัวไปตบกลางตลาด หรือจะเฉดหัวมันออกไป

คนเลือก ก็ต้องเป็นคนไล่

ส่วนทหาร เขามีหน้าที่ป้องกันรักษาประเทศชาติ สถาบัน ประชาชน ให้ปลอดภัยจากศัตรูผู้รุกราน

ไม่มีหน้าที่โดยตรงในทางไล่รัฐบาลที่ "ทำลายสุข-สร้างทุกข์" ให้ประชาชน

เมื่อมันไม่ใช่เรื่องของทหาร เขาก็เป็น "นายสง่า  ห้อยสงบ" อยู่ในที่ตั้ง

จะ สทร.ให้ชาวบ้านที่เหมือน "ผัวเมีย" กับ "นักเลือกตั้ง" ซึ่งพอเขาดีกันแล้ว ก็รวมหัวกันมารุมกระทืบไปเพื่ออะไร?

ทหารเขาก็มี "บทเรียน" เหมือนเรานั่นแหละ แต่เราไม่จำกันเอง บทเรียนพวกเราชาวบ้านคือ ตอนเลือก เขาหลอกให้เลือก เราก็เต็มใจให้เขาหลอก

เลือกพวกมันให้เข้าไปโกงบ้าน-กินเมือง ครั้งแล้ว-ครั้งเล่า ก็ไม่เคยเข็ด

แต่ทหารเขาเข็ด และเขาจำบทเรียนขึ้นใจ แรกๆ  ร้องหา ทหาร ทหารก็ออกไปจัดการให้

ไปซักพัก...เอาแล้ว ถูกพวกนักการเมืองจูงจมูก-ดึงหู ก็เฮละโลด่า...

ทหารมีไว้ทำไม...เผด็จการทหาร กลับเข้ากรมกองไป ทุกครั้งมันเป็นอย่างนี้

"ทำคุณได้โทษ-โปรดสัตว์ได้บาป" อย่างนี้ ทหารเขาก็มีหัวใจ เขาไม่แค้น เพียงแต่เจ็บแล้วเขาจำ

หมายความว่า "ชาตินี้ยันชาติหน้า จะไม่มีทหารออกมาแก้ปัญหาบ้านเมือง "ทางการเมือง" ให้ประชาชนอีกแล้วใช่มั้ย?"

ในความเห็นผม มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอก...โยม!

"ตราบใด ประชาชนยังไม่ถึงที่สุดแห่งสุข ตราบนั้น ทหารก็จะห้อยสงบ ไม่หุนหัน"

ต่อเมื่อชาวประชา "ระงมเมือง" กันจริงๆ บ่งบอกว่า "ทุกข์สุดที่จะทน" แล้วขวัญของเรียมเจ้าขา

ทั้งประเทศชาติถูกกัดกร่อนบ่อนเซาะมีโอกาสกลายเป็นทรายให้คลื่นหายนะซัดหายลงท้องทะเล  แบบนั้นแหละ

สถานการณ์เข้าโซน "เขตแดนอำนาจทหาร"

เขาต้องออกปกป้องรักษาประเทศชาติ สถาบัน  และประชาชน ตามหน้าที่ของเขา ไม่ใช่ตาม "ความปวด" ชั่วครั้ง-ชั่วครู่ ของชาวบ้าน!

และนี่ตะหากคือ "เจ้าภาพแก้ปัญหาให้บ้านเมือง" ตัวจริง-เสียงจริง ของบ้านเมืองและประชาชน

ส่วนเสียง "หัวหน้าคอกหมา" เห่า นั่นเสียงประเภทคอลเซ็นเตอร์!

แต่ผมว่านะ การปฏิวัติรัฐประหาร ถึงเป็นยาชุดสามัญประจำบ้าน ที่มันเชยไปนานแล้วก็จริง

แต่...ต้องมีติดไว้ประจำบ้าน ส่วนจะใช้-ไม่ใช้ หรือจะใช้ตอนไหน มันตอบไม่ได้ ขึ้นอยู่กับอาการน่ะ!

ทุกอย่างล้วนปรับสภาพไปตามยุคสมัย รูปแบบจัดการรัฐบาลที่ไม่ตอบโจทย์ประชาชนก็เหมือนกัน

ตัวยาแก้โรคตัวเดิม แต่การพัฒนาประสิทธิภาพ การผลิต การปรุงยา สัดส่วนผสมยา รวมถึงแพ็กเกจจิ้ง และข้อความในฉลากข้างขวด-ข้างกล่อง

ต้องหรูหราหมาเห่าให้พ้นคำว่า "ยาโบราณ" นั่นแหละ คำว่า "ปฏิวัติรัฐประหาร" จะสลายกลายเป็น "อำนาจอภิวัฒน์ประชาธิปไตย" สู่ศตวรรษใหม่

ก็โปรดรอสักครู่ แล้ว (อาจ) จะได้เห็น!

ว่าจะคุยต่อจากวาน เรื่องแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่เชื่อมโยงถึงการทำประชามติ ผมก็เรื่อยเปื่อย

งั้นลอง "ทำประชามติ" กันซัก ๒ หัวข้อกันเองดีมั้ย ตอนนี้

๑.ต้องการให้แพทองธารเป็นนายกฯ ต่อหรือไม่?

๒.ต้องการให้ทักษิณได้รับโทษคุกจริงๆ หรือไม่?

ตอบถูก (ใจ) ไปรับรางวัลที่ สทร.โน่น!

-เปลว สีเงิน

๑๐ มกราคม ๒๕๖๘

 

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไอ้เสือถอย 'รอล้มล้าง'

ขบวนการ "ล้มล้างรัฐธรรมนูญ" ถอยซะแล้ว! "ประธานวันนอร์" แถลงหลังประชุมวิป ๓ ฝ่าย เมื่อวาน (๘ ม.ค.๖๘)

คนพันธุ์ 'ปากเปราะ'

ผมหายไปวัน... ไปร่วมยก "หลวงพ่อทวดครึ่งบน" ส่วนเศียร ขึ้นประกอบกับ "ส่วนล่าง" ที่ร่วมกันหล่อถวาย พร้อมสร้างอาคารฐานสถิต ที่วัดทรายขาว ทุ่งหวัง สงขลา

'พูดจาภาษาคนรวย'

"ลมเพ-ลมพัด" ส่งท้าย "หยุดยาว" ปีใหม่อีกซักวัน ต้องบอกว่า.... คนไทยนี่ "ผ้าขี้ริ้วห่อทอง" จริงๆ! ยืนยันได้จากเทศกาลปีใหม่ เท่าที่สดับตรับฟัง "ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด" แทบจะเหยียบกันตาย