อหังการ-ขี้โม้เป็นนิสัย

เกิดอะไรขึ้น?

เพื่อนคนหนึ่งถามผมหลังเห็นข้อความที่ “เสก โลโซ” โพสต์.. “ประกาศจากพี่เสก โลโซ เรื่องลิขสิทธิ์เพลงที่นักดนตรีประจำสามารถนำเพลงไปร้องได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์

และในขณะนี้ลิขสิทธิ์เพลงทั้งหมดได้เป็นของนายเสกสรรค์ ศุขพิมาย และครอบครัวโดยสมบูรณ์ จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ตอนเย็น!

ให้มันรู้กันไป ถ้าจะเอาเปรียบกันขนาดนี้”

ก่อนที่ “กานต์ วิภากร” ภรรยาของคุณเสก จะเดินขึ้นตึกแกรมมี่ ตอกย้ำ..“ลิขสิทธิ์ทั้งหมดของเสก ใครอยากร้องก็ร้องกันไปเลย ใครไปเก็บบอกได้เลย

คิดได้ไง เก็บลูกค้าเพลงละ 4 แสน ค่าตัวกูยังไม่ถึงเลย ถ้าไม่เรียบร้อย จะเดือดจัดทั้งตึกแกรมมี่เลย..”

ซึ่งผมก็ได้แต่ส่ายหน้า ไม่มีคำตอบให้เพื่อนถึงที่มา-ที่ไปเป็นอย่างไร ได้แต่พูดเปรยๆ.. “ถ้าทำได้อย่างที่เสกประกาศ ก็เป็นเรื่องดีที่นักดนตรีตามสถานบันเทิงต่างๆ จะได้ไม่ต้องหลบซ่อน

หมายถึง สามารถเอาเพลงของเสกโลโซมาร้อง-มาเล่นได้อย่างเปิดเผย ไม่ต้องกลัวโดนฟ้องลิขสิทธิ์เหมือนที่เป็นอยู่

แต่ก็ไม่รู้เสกจะเอาจริง-เอาจังแค่ไหน ไม่ใช่โหวกเหวกโวยวายไปตามอารมณ์ชั่ววูบ หลังจากนี้ก็กลับไปอี๋อ๋อเออออกับแกรมมี่เหมือนเดิม พูดตามตรงไม่ค่อยมั่นใจ”

ก่อนที่ผมจะย้อนถาม.. “ว่าแต่มึงจะสงสัยไปทำไม สู้หันไปสนใจ-สงสัยเรื่องนู่นจะไม่ดีกว่าเหรอ”?

“เรื่องไร”? เพื่อนถาม.. “ก็เรื่องที่นายทักษิณ ชินวัตร พูดว่า..หมู่คนแอฟริกา ดำก็ดำ จมูกก็แหมบ หายใจก็ยาก โดนเขาจ้างไปเป็นนางแบบ เดินแบบครั้งหนึ่งเป็นล้านบาท

เด็กบ้านเรายังหน้าตาดีกว่า ไม่ต้องไปทำจมูก เสริมกราม ต่อไปนี้ เราจะคัดคนบ้านเรา ที่เป็นชนชาติไทย คนดอย คนกะเหรี่ยง ที่สวยธรรมชาติ

ไม่ต้องไปเสียเงิน ทำจมูก เสริมนม ใครบุคลิกดีก็ส่งไปเป็นนางแบบระดับโลก นั่นไง ได้ยินคนเขาวิจารณ์ (ปาก) นายทักษิณกันขรม ว่าเหยียดสีผิว เหยียดเชื้อชาติ” "แล้วมึงว่าอย่างไง”?

“กูน่ะไม่ว่าอะไรหรอก” เพื่อนตอบก่อนจะพูดต่อ.. “นายทักษิณแกเหยียด แกบูลลี่ แกด่าคนอื่นมาตลอด แต่แกไม่น่าย้ำเรื่องไปทำจมูก เสริมกรามว่ะ”

“ทำไม” ผมถาม.. “ก็นายกฯ ลูกสาวของแกแต่ก่อนหน้าตาเป็นอย่างไรก็เห็นๆ กันอยู่ โดยเฉพาะภาพจำครั้งหนูอุ๊งอิ๊งนั่งเบะปากหน้าบัลลังก์ศาลครั้งกระโน้น” เพื่อนว่า

“อือ มึงกำลังจะบอกว่าลูกสาวนายทักษิณก็ทำจมูก เสริมกราม-เหลาคางมาเหมือนกันใช่ไหม”? ผมแหย่

“ต้องให้กูย้ำอีกเหรอว่ะ” เพื่อนชักไม่พอใจ ผมเลยบอก.. “เออๆ แต่ประเด็นเหยียดสีผิว เหยียดเชื้อชาตินี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นะโว้ย และยิ่งฟังคนเป็นลูกตอบคำถามนักข่าวที่ว่า..

“มั่นใจเลยว่าพ่อไม่เคยเหยียดเรื่องนี้ พ่อเป็นคนที่ไม่ได้เหยียดคนอยู่แล้ว ถ้าได้ยินหรือเข้าใจผิดอย่างนั้น คิดว่าไม่ใช่แน่นอน” ด้วยแล้ว

นี่ อาจทำให้ประชาคมโลกเขาเกิดความรู้สึกไม่ดี-รังเกียจเอาได้ แล้วต่อไปนายกฯ ที่ตอหลดตอแหลจะออกนอกประเทศไปสัมผัส-จับมือกับใครเขาได้ล่ะ”?

“นี่ พูดถึงทักษิณ” ผมมีประเด็นต่อ.. วันก่อนได้ยินแกพูดกับ สส.พรรคเพื่อไทยว่า “ยืนยันรัฐบาลอยู่ครบเทอม โดยจะมีการเลือกตั้งปี 2570

และยืนยันว่าเราจะชนะเลือกตั้งให้ถล่มทลาย ขอให้ทุกคนทำงานให้หนัก ช่วงที่ตนอยู่ต่างประเทศทำให้ฐานเสียงล่างหายไปมาก

ดังนั้นการเลือกตั้ง อบจ.ที่พรรคเพื่อไทยส่ง เราจะยึดกลับมาให้หมด โดยเฉพาะ จ.เชียงใหม่ โดยหลังจากนี้พรรคเพื่อไทยจะกลับมายิ่งใหญ่เหมือนยุคไทยรักไทย”.. "มึงมองไง”?

“ก็มอง..ก็คิดเหมือนมึงนั่นแหละ..อหังการ-ขี้โม้”..

รู้ได้ไงวะ!?.

สันต์ สะตอแมน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เก็บเชือกไว้ใช้เองเถอะ

“เส้นกูใหญ่.. ใครก็ทำกูไม่ได้ ใครก็เอากูไม่ลง เพราะกูใหญ่ ใหญ่ยิ่งกว่านายพล ใหญ่กว่านายกรัฐมนตรี ใหญ่กว่า... ใหญ่กว่าทั้งหมด กูแบ็กดี

คิดถึงนักรบลุง

กองเชียร์ กองหนุน กองรักลุงตู่.. มีใครพอจะทราบไหมว่า ตั้งแต่ปีเก่าจนลุเข้าปี 2568 บุคคล 2 ท่าน คุณแรมโบ้ คุณอ้น ทิพานัน ที่เคยร่วมรบเคียงบ่า-เคียงไหล่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หายหน้า-หายตาไปไหน?

เรื่องเล่าที่ชวนขนลุก

เห็นตัวเลขแล้วตาลาย.. งั้นสรุปเอาจากข่าวโปรย “ผู้จัดการออนไลน์” ก็แล้วกัน.. “ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน ‘นายกฯ แพทองธาร’ พร้อมสามี มั่งคั่งแตะ 1.4 หมื่นล้าน หนี้ 4 พันกว่าล้าน มีกระเป๋า 217 ใบ รถ 23 คัน

นักการเมืองไม่ใช่อาชญากร?

ก่อนจะสิ้นปี.. นายทักษิณ ชินวัตร นักโทษคดีทุจริต บิดานายกรัฐมนตรีแพทองธาร ผู้นอบน้อมถ่อมตน (ยามอยู่ไกลบ้าน)..จะกลับมาเลี้ยงหลาน เลิกข้องแวะยุ่งเกี่ยวกับการเมือง..

ประชาชนควรพึ่งประชาชน

วันนี้-1 มกราคม.. เริ่มต้นปฏิทินหน้าแรกของปีใหม่ พ.ศ.2568 ก็ขออนุญาตกล่าวคำอำนวยพรให้ท่านผู้อ่านทุกท่านจงมีแต่ความสุข ความสมหวัง ไม่เจ็บ ไม่จนกันนะครับ!

ผลพวงจาก 'ฉายา'

หยิกแกมหยอก หรือเหน็บแนมทีเล่นทีจริงพอได้ยิ้มหัว นั่นคือ เจตนารมณ์ ความตั้งใจแรกในการมอบฉายาให้กับ “ดารา นักร้อง คนบันเทิง” ที่ผม (สันต์ สะตอแมน) ได้เสนอต่อนายกสมาคมนักข่าวบันเทิงในยุคนั้น