'พูดจาภาษาคนรวย'

"ลมเพ-ลมพัด" ส่งท้าย "หยุดยาว" ปีใหม่อีกซักวัน

ต้องบอกว่า....

คนไทยนี่ "ผ้าขี้ริ้วห่อทอง" จริงๆ!

ยืนยันได้จากเทศกาลปีใหม่ เท่าที่สดับตรับฟัง "ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด" แทบจะเหยียบกันตาย

แสดงว่า "เป๋าตุง" กันทั้งนั้น

ถ้าไม่ตุงจะตะลุยฉลองปีใหม่กันข้ามปีเป็นสัปดาห์ได้ยังไง จริงมั้ย?  

เพราะออกจากบ้านปุ๊บ ต่อให้เขียมเต็มที่ ขี้หมู-ขี้หมา ก็ต้องวางไว้เลย ๑,๐๐๐ บาท

แล้วไปไหนๆ ก็ใช่ว่าไปคนเดียว มันต้องไปกันหลายๆ คนถึงจะม่วน หลายคน มันก็หลายปาก-หลายท้อง หมายถึงมันก็ต้องวันละหลายพันตามไปด้วย

เงินมีไว้ให้ใช้นี่เนอะ งานมันใช้เรามาทั้งปี เมื่อมีโอกาส เราก็ต้องใช้มันซะให้เข็ด

ก็เที่ยวกันพอหอมปาก-หอมคอ จันทร์หน้า ก็อีบัด-อีโรย กลับสู่ที่ตั้ง ไปให้งานมันใช้ตามเดิมเน้อ

และนี่คือ ตัวอย่างยืนยัน คนไทย "ผ้าขี้ริ้วห่อทอง" ของจริง มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีจริง

ป.ป.ช.กางบัญชี "ทรัพย์สิน-หนี้สิน" รัฐมนตรี หลายคน แต่ผมจะเอาที่ "จนน้อยที่สุด" มาให้อิจฉากัน

"นายกฯ แพทองธาร" แห่งตระกูลชิน รับตำแหน่ง เมื่อ ๖ กันยา.๖๗ แจ้งรายการ ดังนี้

"แพทองธาร ชินวัตร-ปิฎก สุขสวัสดิ์" ผู้อยู่กินฉันสามีภริยาตาม ป.ป.ช.กำหนด และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ

แจ้งมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 13,993,826,903 บาท 

หนี้สินทั้งสิ้น 4,441,159,711 บาท

น.ส.แพทองธาร แจ้ง มีเงินสดจำนวน 7,272,743 บาท เงินฝาก 1,081,187,216 บาท

เงินลงทุน 11,007 ล้านบาท กับอีก 772,574 บาท เงินให้กู้ยืม 15,238,714 บาท

ที่ดิน 724,922,982 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 168,615,386 บาท ยานพาหนะ 66,770,000 บาท

สัมปทาน 358,789,334 บาท ทรัพย์สินอื่น 415,639,500 ล้านบาท

รวมทรัพย์สินของนายกฯ แพทองธาร 13,846 ล้านบาท

ทรัพย์สินอื่น ยังประกอบไปด้วย....

นาฬิกา 75 เรือน มูลค่า 162 ล้านบาท, กระเป๋า 217 ใบ มูลค่ากว่า 76,650,000 บาท

เครื่องประดับ กำไลข้อมือ 69 เส้น มูลค่า 28,559,700 บาท, เครื่องประดับสร้อยคอ 67 เส้น มูลค่า 35,675,400 บาท

ทองคำแท่ง 75 บาท มูลค่า 3 ล้านบาท, ของสะสมตุ๊กตาแบร์บริค 9 ตัว มูลค่า 1,900,000 บาท 

แหวน 108 วง มูลค่า 31,773,900 บาท, ต่างหู  205 ชุด มูลค่า 49,330,500 บาท

เครื่องแต่งกาย 167 ชุด มูลค่า 26,750,000  บาท

นายปิฎก สุขสวัสดิ์ "คู่สมรส" มีทรัพย์สิน  147,118,452 บาท ประกอบด้วยเงินสด  4,436,236 บาท

เงินฝาก 4,899,580 บาท, เงินลงทุน  14,096,874 บาท, เงินให้กู้ยืม 12,770,000 บาท, ที่ดินมูลค่า 12,198,216 บาท

โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 8,273,784 บาท, สิทธิ์และสัมปทาน 1,143,760 บาท ทรัพย์สินอื่นมูลค่า 69,300,000 บาท

รายการทรัพย์สินอื่น นาฬิกา 39 เรือน มูลค่า 69 ล้านบาท และแหวน 2 วง มูลค่า 300,000 บาท

นี่คือ ทรัพย์สินเงินทองเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดจาก "น้ำพัก-น้ำแรง" การประกอบ "สัมมาชีพ" คืออาชีพที่สุจริต อาชีพที่ชอบธรรมของ "นายกฯ หญิง" ของเรา

วันนี้ ต้องโทษ ที่ผมใช้ "เลขฝรั่ง"

ไม่ใช่อะไรหรอก ทรัพย์สินท่านมาก จึงมีตัวเลขมากมาย อีกอย่าง ผมตาลาย เลยต้องเอาตามต้นฉบับ ป.ป.ช.

ขืนไปแปลงเป็นเลขไทย ผิดไปซักตัว ความร่ำรวยเขาลดลง ผมซวยตายห่ะ!     

ความจริงก็ไม่มากมายอะไรนะ เมื่อเทียบกับความเป็นนายกฯ "ทายาททักษิณ" ที่ถูกศาลพิพากษาให้ติดคุก ๘ ปี ใน ๓ คดีทุจริตคอร์รัปชัน

-สั่งการให้ EXIM BANK อนุมัติเงินกู้ 4,000 ล้านบาทแก่รัฐบาลเมียนมา ในอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าต้นทุน

เพื่อให้นำไปซื้อสินค้าและบริการบริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) เป็นการเอื้อประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่น

-ทุจริตโครงการออกหวยเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว ของสำนักงานสลากฯ ที่เรียกกันว่าคดี "หวยบนดิน"

-ให้นอมินีถือหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แทน โดยบริษัท ชินคอร์ป เป็นคู่สัญญาต่อหน่วยงานของรัฐ

และเข้าไปมีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นในกิจการโทรคมนาคม

พ่อนายกฯ รับ "สารภาพ" ต่อศาลว่า "ทุจริตจริง" ใน ๓ คดีนี้

จึงไม่จำเป็นต้อง "สงสัยในเศษความรวย" ของทายาทครอบครัวนี้

จะว่าไปแล้ว ก็มากกว่าผมนิดหน่อยเท่านั้นเอง!

ที่ผมชอบใจ ก็ตรงเธอมี "นาฬิกา-กระเป๋า" เป็น"ซอฟต์ พาวเวอร์"

นาฬิกา 75 เรือน มูลค่า 162 ล้าน ถือว่าจิ๊บๆ  กระเป๋า 217 ใบ กว่า 76,650,000 บาท เทียบจำนวนกับราคา มันก็จิ๊บๆ อีกนั่นแหละ

เครื่องแต่งกาย 167 ชุด มูลค่า 26,750,000 บาท นี่ซี

เซอร์ไพรส์!

กว่า 26 ล้าน แต่งแล้วมันจะอลังการขนาดไหน อยากเห็นนายกฯ แต่งให้ชาวบ้าน-ชาวเมืองได้เห็นเป็นบุญตาจังเลย

หรือที่แต่งทุกวันนี้ก็ใช่อยู่แล้ว?

ถ้าใช่ละก็ ภาษิตโบราณที่บอก "ไก่งามเพราะขน-คนงามเพราะแต่ง" น่าจะเพี้ยน!

แต่เอาเถอะ แค่เครื่องแต่งกายยังตั้งกว่า ๒๖ ล้าน

เทียบกับงบ 5,000 ล้าน ที่เธอเอาไปทำ "ซอฟต์  พาวเวอร์" ดูมันกระจ้อยร่อยไปเลย

งบปี ๖๙ ที่กำลังทำ เห็นทีต้องเพิ่มอีกซัก 5,000 ล้านแล้วละ นายกฯ จะได้มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มากขึ้นอีกหน่อย

"คนที่ประชาชนเลือก" เปิดบัญชีทรัพย์สินไปแล้ว ทีนี้เรามาเปิดบัญชี "คนเลือก" กันบ้าง

ตัวเลขหยาบๆ เท่าที่ผมดูจาก Finnomena เขารายงานไว้ว่า

"ข้อมูลจากธนาคารเพื่อการชำระบัญชีระหว่างประเทศ (BIS) ระบุว่า สัดส่วนหนี้ครัวเรือนของไทยอยู่ที่ 90% ของ GDP

สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศตลาดเกิดใหม่เกือบ 2 เท่า

อีกทั้งยังเกินระดับ 80% ซึ่งเป็นระดับที่ BIS ระบุว่า “น่ากังวล”

"นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา" นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำประเทศไทยของธนาคารโลก ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Bloomberg ว่า

“ระดับหนี้สินครัวเรือนของไทย อยู่ในระดับที่น่ากังวล

อาจมีผลต่อการใช้จ่ายของภาคธุรกิจและการเติบโตของเศรษฐกิจ ภายใต้บริบทที่ประชาชนและภาคเอกชนยังคงเผชิญผลกระทบมาจากการระบาดของโควิด-19”

ทั้งนี้ จากการสำรวจของ "มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย" คาดการณ์ว่า

หนี้ต่อครัวเรือนในปีนี้ จะเพิ่มขึ้น 8.4% ไปอยู่ที่ 606,378 บาท ต่อครัวเรือน

และหากนับรวม "หนี้นอกระบบ" อาจทำให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนทั้งหมด "สูงกว่า" มูลค่าของ GDP

เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา "ดร.เศรษฐพุฒิ  สุทธิวาทนฤพุฒิ" ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ยังได้กล่าวกับ Bloomberg ว่า

"ปัญหาหนี้ครัวเรือนเป็น “ปัญหาที่ร้ายแรงมาก” โดยเปรียบว่าเหมือนโรคเบาหวานที่จะส่งผลต่อสุขภาพอย่างเรื้อรังเป็นเวลายาวนาน"

หนี้สินครัวเรือนของคนไทย 90-91% ต่อจีดีพี ณ วันนี้ ตีเป็นตัวเงินก็ประมาณ 16.32 ล้านล้านบาท!!!!

งบประมาณแผ่นดิน ปี ๒๕๖๘ ยังแค่ 3.572 ล้านล้านบาท แต่หนี้ครัวเรือนคนไทย ปาเข้าไปกว่า 16 ล้านล้านบาท

มันกี่เท่ากันล่ะนี่!?

ที่มากมายก่ายกองขนาดนี้ มันมาจากไหนกัน?

จากข้อมูล "แบงก์ชาติ" ส่วนใหญ่มาจากการ "ก่อหนี้ที่ไม่สร้างรายได้"

เป็น "สินเชื่อส่วนบุคคล" ถึง 67% หนี้บัตรเครดิต หนี้ผ่อนรถ 29% คนที่เป็นหนี้ อยู่ในวัย 20-35 ปี!

ที่กู้ไปทำธุรกิจ ทำการเกษตร ผ่อนบ้าน มีราวๆ  17%

ยังไม่รวม "หนี้นอกระบบ" นะ จากการสำรวจพบว่า

42.3% ของผู้ตอบแบบสำรวจ มีหนี้นอกระบบคนละ 54,300 บาท เสียดอกเบี้ยที่ประมาณ 10% ต่อเดือนหรือ 120% ต่อปี

ลูกหนี้นอกระบบที่กู้เงินแก๊งหมวกกันน็อก ต้องเสียดอกเบี้ยเฉลี่ย 20% ต่อเดือน หรือสูงถึง 240%  ต่อปี!

นี่ยังไม่พูดถึง "หนี้สาธารณะ" คือหนี้ที่รัฐบาลก่อ ในช่วงที่ผ่านมา "ปรับเพิ่มขึ้น 3 เดือนติดต่อกัน"

เดือน มิ.ย.67 หนี้สาธารณะอยู่ที่  11,541,664.47 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 63.38% ของจีดีพี

เดือน ก.ค.67 อยู่ที่ 11,641,886.65 ล้านบาท ร้อยละ 63.74 ของจีดีพี

ล่าสุดเดือน ส.ค.67 อยู่ที่ 11,728,149.06  ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 64.02 ของจีดีพี เรียกว่าใกล้ชนเพดาน 70% แล้ว

ประชาชนผู้เลือกคนไปเป็นนายกฯ...หนี้สินท่วมหัว

คนที่ประชาชนเลือกให้เป็นนายกฯ...เงินทองท่วมหัว!

นี่คือ "คนไทย"!

-เปลว สีเงิน

๔ มกราคม ๒๕๖๘

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปีใหม่ 'มีอะไรกันบ้าง?'

ปีใหม่แล้ว....... ต้องฟิตปั๋ง กระปรี้กระเปร่ากันนะครับ ห้ามสะโหลสะเหลในวันเริ่มงาน "ศักราชใหม่" เป็นอันขาด!