เสือล้างสิงห์-เจอลิงล้างก้น!!!

แทบจะทุบทำลายสถิติ ป๋าเปรม อีกไม่ใกล้-ไม่ไกล ก็ยิ่งเป็นอะไรที่บรรดาผู้ที่คิดหัก คิดโค่น คิดเล่นงาน บิ๊กตู่ ไม่ว่าจะฝ่ายไหนต่อฝ่ายไหน หรือด้วยกรรมวิธีใดๆ ก็แล้วแต่ พึงต้องระมัดระวังตัว ระวังการตอบโต้ การออกอาวุธโต้ เอาไว้ให้จงหนัก!!!...

-----------------------------------------------------

เพราะถ้าหากเอาแต่ป่ายซ้าย-ป่ายขวา แล้วหวังจะให้จับเปาะโดนกระโดงคาง โดนขมับซ้าย-ขมับขวา จนเกิดอาการน็อก หรือเกิดรายการหลับกลางอากาศในตอนเผลอ หรือในตอนไหนๆ ก็แล้วแต่ ก็อย่าลืมไปซะว่า...แม้ไม่ใช่ บ๊อกเซอร์ หรือ ไฟเตอร์ แต่ขีดความสามารถของผู้นำรัฐบาลรายนี้ ในเรื่องการเด้งเชือก ฉากหลบ มุดจั๊กกะแร้ฝ่ายตรงข้าม ตัดเวที ออกมาเต้นย็อกๆ แย็กๆ ได้เหมือนเดิม ล้วนแล้วแต่เป็นที่โจษจันและกล่าวขานกันมาโดยตลอด...

------------------------------------------------

ยิ่งถ้าหากลอง ฮึดสู้ หรือลอง ขออย่า...ยอมแพ้ ด้วยแล้ว ยิ่งเป็นอะไรที่น่ากลัว น่าอันตราย ชนิดมิอาจประมาทใดๆ ได้เลย เรียกว่า...ประมาทเมื่อไหร่ ไม่เพียงแต่โอกาสที่ รถขนสลากกินแบ่ง จะถูกจับ ถูกรวบ เสียเงิน-เสียทองนับเป็นสิบๆ ล้านบาทเท่านั้น เผลอๆ อาจถูกซัดทอด ถูกนำไปเกี่ยวข้อง โยงใย เสียรังวัด เสียหมา เสียสุนัขยิ่งขึ้นไปใหญ่ แค่เฉพาะค้าแป้ง ขนแป้งก็แทบหมดรูป หมดท่า หมดต้นทุนทางสังคมไปเยอะแล้ว ถ้าหากต้องเจอกับอะไรที่ไม่น่าจะเข้าท่าไม่น้อยไปกว่านั้น โอกาสที่จะไม่ได้ผุด ไม่ได้เกิด ไม่เหลือคุณค่า ราคาใดๆ อยู่อีกเลย ย่อมต้องมีความเป็นไปได้ไม่มาก-ก็น้อย...

----------------------------------------------------

ทำไงได้ล่ะทั่น!!!...ในเมื่อเรื่องของ การเมือง หรือสิ่งที่เรียกว่า การเมือง เท่าที่เคยผ่านมาและผ่านไป มันก็มักเป็นไปในแนวนี้นั่นแหละท่าน คือไม่ได้เป็นอะไรที่ สะอาด-สว่าง-และสงบ ตามแนวคิดทางอุดมคติ อุดมการณ์ ของอภิมหาพระอย่าง ท่านพุทธทาส เอาเลยแม้แต่น้อย แต่หนักไปทางสกปรกรกรุงรัง มืดมนอนธกาล อีกทั้งสับสนระส่ำระสายมาโดยตลอด การเอาแพ้-เอาชนะ ไม่ว่าของฝ่ายไหนต่อฝ่ายไหนก็แล้วแต่ มันเลยมุ่งที่จะบรรลุ เป้าหมาย โดยไม่จำเป็นต้องสนใจ วิธีการ หรือกรรมวิธีเอาเลยแม้แต่น้อย การต่อสู้ หักล้าง กันด้วยอาวุธแต่ละชนิด จึงมักส่งผลให้คู่ต่อสู้ในแต่ละฝ่าย ค่อยๆ ถอยห่างไปจากอุดมคติและอุดมการณ์ของตัวเอง ยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ...

-----------------------------------------------------

อย่างไรก็ตาม...สำหรับผู้ที่คิดจะสู้ คิดจะเอาชนะ หรือไม่คิดจะยอมแพ้ใดๆ โดยเด็ดขาด ก็คงต้องขอเตือนๆ ติงๆ เอาไว้ก่อน ณ ที่นี้ ว่าถ้าหากต้องการที่จะบรรลุเป้าหมาย โดยไม่สนใจกรรมวิธีว่าจะเป็นไปโดยทำนอง-คลองธรรม ครรลอง-คลองธรรมหรือไม่ อย่างไร ก็ตามที แม้จะชนะ หรือแม้ว่าไม่เคยแพ้มาโดยตลอด แต่มันคงหนีไม่พ้นต้องกลายเป็น หนี้เวร-หนี้กรรม อันเป็นสิ่งที่จำต้อง ชดใช้ อย่างมิอาจปฏิเสธ ไม่ว่าชาตินี้ ชาติหน้า หรือชาติไหนๆ ก็แล้วแต่ หรือเป็นชัยชนะที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบมากมายซักเท่าไหร่ เพราะชัยชนะที่เบ็ดเสร็จสมบูรณ์ หรือที่ถูกต้อง-ชอบธรรมนั้น ย่อมหมายถึงการ เอาชนะตัวเอง นั่นแหละเป็นสำคัญ เอาชนะกิเลส หรือความอยากได้-ใคร่ดี ที่จะมีอำนาจอยู่เหนือผู้อื่น...

----------------------------------------------------------

อันนี้นี่เอง...ที่เลยทำให้คนโบร่ำ-โบราณ ท่านสรุปไว้แบบสั้นๆ-ง่ายๆ ประมาณว่า แพ้เป็นพระ-ชนะเป็นมาร อะไรทำนองนั้นด้วยเหตุเพราะ พระ ท่านไม่เคยคิดจะสู้กับใคร นอกซะจากกับกิเลสภายในตัวตนของตนนั่นแหละเป็นหลัก ต่างไปจากประเภท มาร ที่พร้อมจะงัดเอาทุกรูป ทุกแบบ และทุกดอก ออกมาประหัตประหารเล่นงานฝ่ายตรงข้าม เพียงเพื่อหวังมิให้ตัวเองต้องตกเป็นฝ่ายแพ้ หรือไม่คิดจะยอมแพ้ แม้จะเสื่อมโทรม ทรุดโทรม ลงไปในระดับไหนก็ตาม จนทำให้สิ่งที่เรียกว่า การเมือง ยิ่งเป็นอะไรที่น่าเกลียด น่ากลัว น่าทุเรศ เวทนา ยิ่งเข้าไปทุกที...

-----------------------------------------------------------

ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Lao-tse (อีกครั้ง)... “He who conquers others is strong; he who conquers himself is mighty. – ผู้พิชิตผู้อื่น...คือผู้เก่งกล้า ผู้พิชิตตนเอง...คือผู้เกรียงไกร...”

------------------------------------------------------------