๒๕๖๘ อันธพาลการเมือง

ที่สุดแห่งปีในปีที่แล้วไม่มีใครเกิน "หมูเด้ง"

เกิดมาเพื่อดังจริงๆ

ไม่ใช่ดังธรรมดา แต่ดังข้ามทวีป คนรู้จักไปทั่วโลก

ลิซ่าก็ลิซ่าเถอะ!

ใครจะไปคิดครับ ลูกฮิปโปแคระในโลกใบนี้ เกิดปีหนึ่งก็หลายตัว แต่ทำไมต้องเป็น "หมูเด้ง" จากประเทศไทย

โชคชะตาหรือฟ้าลิขิตที่ "หมูเด้ง" เกิดมาเพื่อเป็นที่รักที่ชังของคนทั้งโลก

นอกจากหมูเด้ง แล้ว รอบปี ๒๕๖๗ ที่ผ่านมา เกิดปรากฏการณ์หลากหลายเช่นกัน ทั้งในแง่การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม

บางกรณีช็อกสังคมไทยอย่างรุนแรง

แต่วันนี้ดูเหมือนว่าจะลืมๆ กันไปแล้ว เพราะมีเหตุการณ์เกิดซ้ำซาก แสดงว่ายังไม่ได้รับการแก้ไขให้ถูกต้อง

นั่นคือกรณีไฟไหม้รถบัสนักเรียนคร่าชีวิตเด็กๆ ไปถึง ๒๓ ราย

หลังเกิดเหตุทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องต่างขึงขังว่า จะต้องถอดบทเรียน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุกับรถสาธารณะในลักษณะเดียวกันนี้อีก

จำได้มั้ยครับกระทรวงคมนาคมชี้โบ๊ชี้เบ๊ จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก

เหตุการณ์เกิดขึ้นวันที่ ๑ ตุลาคม เวลาผ่านไป ๓ เดือน ทุกอย่างเงียบกริบ ไม่มีใครพูดถึงอีก

และเมื่อไม่กี่วันก่อนมีข่าวไฟไหม้รถบัสนักท่องเที่ยววอดทั้งคัน โชคดีไม่มีใครเสียชีวิต

ก่อนนั้นก็เกิดเหตุขึ้นครั้งสองครั้ง บทเรียนที่ถอดกันไม่ทราบว่านำไปไว้ไหน

หรือยังถอดกันไม่เสร็จ เพราะเกิดเหตุทีก็ถอดกันทีไปเรื่อยๆ

ข่าวน้ำท่วมเหนือและใต้ ก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะกระทบกับประชาชนในวงกว้าง แต่ดูเหมือนว่าในภาพรวมสะท้อนการทำงานของรัฐบาล โดยเฉพาะการเอาใจใส่ที่ไม่เท่ากัน

ที่จริงรัฐบาลก็รู้ครับว่าประเมินสถานการณ์ผิด เนื่องจากการตอบรับกับปัญหานั้นช้าเกินไป

คิดจะช่วยภาคเหนือกว่าจะลงมือ น้ำท่วมภาคใต้เสียแล้ว กว่าจะช่วยภาคใต้ ต้องรอเอาใจคนเชียงใหม่-เชียงราย ฐานคะแนนหลักก่อน

จึงเป็นที่มาวาทะแห่งปี "สามีคนใต้"

หรอยจังฮู้!

ข่าวเรื่องโกงก็ไม่เบาครับ มีทั้งคดี “บอสดิไอคอนกรุ๊ป” และ "หมอบุญ" ฉ้อโกงลวงลงทุนหลักพันหลักหมื่นล้าน

ไม่นับที่เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่อื่น คอลเซ็นเตอร์ รวมๆ หลักแสนล้านกันเลยทีเดียว

ก็แสดงว่าคนไทยส่วนมากเจอกับเรื่องโกง เป็นประสบการณ์โดยตรง เรื่องพวกนี้ควรถอดบทเรียนครับ แต่ไม่ใช่ถอดแล้วถอดอีก ก็ยังโกงกันได้

ยังไม่นับโกงโดยนักการเมืองที่เริ่มมีข่าวตุๆ ก็อยากเห็นนักการเมืองฝ่ายค้านทำการบ้านอย่างจริงจัง ลากคอคนโกงมาประจานให้ได้

ไม่ใช่แค่ใช้เวทีสภาฯ ด่ากัน จบแล้วก็เลยตามเลย

แล้ว ปี ๒๕๖๘ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ไม่มีใครฟันธงได้หรอกครับ ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม จะมีอะไรบ้าง

แต่ก็พอมองเห็นแนวโน้มว่า การเมืองเดือดแน่นอน

ส่วนเศรษฐกิจก็สาหัสกว่าปีที่ผ่านมา

สภาพสังคมก็เป็นไปตามสภาพเศรษฐกิจ

เศรษฐกิจแย่ ทำมาหากินฝืดเคือง โจรขโมยก็เยอะตาม

การเมืองก็อาศัยช่วงชุลมุน แจกไปพร้อมกับถอนทุนคืน

เป็นความสามารถเฉพาะตัวของนักการเมืองครับ โดยเฉพาะพวกที่โกงเป็นกิจวัตร

สำหรับรัฐบาลเห็น "นายหัวชวน" บอกว่า "ต่างคนต่างอยู่" ก็น่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะการเมืองที่ต่างขั้วกันมาก่อน ไม่อาจรวมเป็นหนึ่งเดียวได้

ความเป็นปลาคนละน้ำยังมีอยู่

บางพรรคก็แตกเป็น ๒ ขั้วเสียเอง เช่นพรรคประชาธิปัตย์

แต่เมื่อไหร่ก็ตาม หากมีเหตุให้ต้องเลือกเพราะพรรคแกนนำสูญเสียความเป็นผู้นำ เมื่อนั้นรัฐบาลพังง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วย

ทั้งหมดนี้มี "ทักษิณ" เป็นตัวเร่ง

การเล่นบทอันธพาลการเมือง เที่ยวข่มขู่พรรคร่วมรัฐบาล ไม่ได้มีแต่เสีย

วันนี้ดูเหมือนยังไม่มีเหตุอะไรให้รัฐบาลต้องกังวล

แต่ลึกๆ แล้ว สารพัดปัญหาที่โถมเข้าหารัฐบาลล้วนเป็นจุดตายได้ทั้งสิ้น

ในทางการเมืองพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคพยายามจะรักษาสถานภาพการเป็นรัฐบาลของตนเองให้นานที่สุด

ฉะนั้นเรื่องระหองระแหงหากไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็จะกระเตงกันไป

ไม่คุ้มที่จะผละออกมา

เมื่อไหร่ก็ตามที่น้ำเริ่มเข้าเรือ และมีแนวโน้มว่า จะจมในไม่ช้า เมื่อนั้นแหละครับ นับศพได้เลย

ในอดีตมันเคยเกิดมาแล้วหลายครั้ง และจะเกิดขึ้นอีก

มีจุดเปราะบางในพรรคร่วมรัฐบาลอยู่หลายจุด เช่นกรณี เขากระโดง-สนามกอล์ฟอัลไพน์ ทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย ต่างถือมีดไว้ข้างหลัง

กรณีพลังงานที่ "ทักษิณ" หมั่นไส้ "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" ซึ่งเป็นการวางแผนผิดพลาดที่พรรคเพื่อไทยยอมยกเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานให้พรรครวมไทยสร้างชาติ

"ทักษิณ" ถึงพยายามดีลตรงกับ "บิ๊กพลังงาน" โดยไม่ผ่าน "พีระพันธุ์"

ทำครั้งสองครั้งไม่เป็นไรครับ

ถ้าบ่อยครั้งแล้วสร้างปัญหาให้กระทรวงพลังงานต้องรับผิดชอบ แบบนี้อาจได้เห็นรัฐบาลระส่ำ

ประเด็นสำคัญคือ "ทักษิณ" ไม่อาจอยู่ครอบงำรัฐบาลได้ตลอด

อย่างน้อยก็มี ๒ เรื่องหลักที่ต้องติดตาม

๑.นักโทษเทวดาชั้น ๑๔ อาจได้ไปอยู่คุกแดน ๕ แทน เพราะเรื่องป่วยทิพย์มันเริ่มงวดเข้ามาทุกที ก็ลองนึกภาพดูครับ "ทักษิณ" ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ พร้อมบอกว่าสำนึกผิดแล้ว แต่หากมาเจอคดีสมคบคิดไม่ยอมติดคุก อะไรจะเกิดขึ้น

หลายคนคงลุ้นให้กลับไปรับโทษเดิมคือ ๑๐ ปี เพราะมิได้สำนึกจริง

๒.คดี ม.๑๑๒ ต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ แต่ก็พอจะเริ่มเห็นแนวโน้มในปีนี้

หาก "ทักษิณ" ต้องหลุดจากวงโคจร "แพทองธาร" ก็ไม่ต่างจากลูกน้อยขาดพ่อ

ขาดโพย!

พรรคร่วมรัฐบาลหายใจคล่องขึ้น

อำนาจต่อรองมาเต็ม

รัฐบาลรอดไม่รอดเชิญนับหนึ่งไปพร้อมกัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เบื้องหลังผู้ลี้ภัย

เริ่มต้นปีก็ประกาศกันคึกคักแล้วครับ ทั้งฝั่งตรวจสอบ "ทักษิณ" ยัน "ผู้ลี้ภัย" สำหรับ "ทักษิณ" ปีนี้น่าจะโดนหลายดอกตั้งแต่ต้นปี

วันนี้ของ "วันนอร์"

ไม่ค่อยได้เขียนถึง "อาจารย์วันนอร์" สักเท่าไหร่ เพราะไม่มีเหตุให้ต้องวิพากษ์วิจารณ์ แม้แต่ฉายา “รูทีนตีนตุ๊กแก” ที่นักข่าวรัฐสภาตั้งให้ ก็ยังแอบเคืองแทน หาว่ากอดเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนฯ แน่น

'ยิ่งลักษณ์' จะกลับมา

สิ้นปีแล้ว...แทนที่จะได้พักหูบ้าง "พ่อริ-ลูกยำ" สมุนตาม ชาวบ้านด่ากันขรม ยังไม่พออีกหรือ

'ทักษิณ' ไม่ไกลคุก

เหตุบ้านการเมืองก่อนสิ้นปี เป็นไปตามสภาพครับ คะแนนนิยมของ "แพทองโพย" ลดลง ตามนิด้าโพล ที่เขาสำรวจ คะแนนนิยมทางการเมือง ไตรมาสสุดท้าย ที่ ๒๙.๘๕ % จากไตรมาส ๓ ที่สูงกว่านิดหน่อย ๓๑.๓๕%

'ด.ญ.แพทองโพย'

ชอบครับ.... คำขวัญวันเด็กจากนายกรัฐมนตรีปีนี้ "...ทุกโอกาสคือการเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง..."

ผนงรจตกม.

รัฐบาลนี้แปลกครับ... บอกว่าข้างหน้ามีเหว อย่าเดินไป