"๓๐ ธันวาคม"
วัน "สิ้นเดือน" ของ "เดือน" สุดท้ายของปี "พุทธศักราช ๒๕๖๗" หรือ คริสต์ศักราช ๒๐๒๔
ถอยหลังกลับไป ๒๐ ปีที่แล้ว คือ ปี พ.ศ.๒๕๔๗
ขณะที่ "ดาวราหู" ป้วนเปี้ยน "กุมดวงเมือง" อยู่ที่ราศีมีน ก็เกิด "สึนามิ" ถล่ม ๖ จังหวัดใต้ของไทย
"ภูเก็ต, พังงา, ระนอง, กระบี่, ตรังและสตูล"
ทั้งไทย-ทั้งนานาชาติ เสียชีวิตกว่า ๕,๐๐๐ คน บาดเจ็บนับหมื่น สูญหายไม่ทราบจำนวนแน่ชัด!
ปีนี้ เป็นปี "เวียนรอบ ๑๘-๒๐ ปี" ณ จุดเดิมอีกครั้ง.....
เช้าวาน ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๗
สายการบิน "เชจูแอร์" เที่ยวบิน 7C 2216 บรรทุกผู้โดยสารทั้งหมด ๑๗๕ คน เป็นชาวเกาหลีใต้ ๑๗๓ คน มีคนไทย ๒ คน ลูกเรือ ๖ คน รวม ๑๘๑ คน
ออกเดินทางจาก "กรุงเทพฯ"....
จุดหมายปลายทางที่ "สนามบินมูอัน" เมืองชอลลานัมโด เกาหลีใต้
ขณะลงจอด "ระบบการลงจอด" ขัดข้อง ทำให้เครื่องบินกระแทกรันเวย์ แล้วลื่นไถลออกนอกรันเวย์ไปประสบอุบัติเหตุ
ตัวเครื่องบินระเบิดตูม ในเบื้องต้น จากจำนวน ๑๘๑ คนบนเครื่อง มีลูกเรือรอดชีวิต ๒ คน!
ส่วนคนไทย ๒ คนในเที่ยวบิน ทางการเกาหลีใต้ยืนยันแล้ว "เสียชีวิต" คือ "นางสาวสิริธร จะอื่อ" และ "นางสาวจงลักษณ์ ดวงมณี"
ผมไม่มีความรู้ด้านโหราศาสตร์
จึงพูดได้เพียง "อุบัติเหตุ" มันเป็นเรื่องธรรมชาติ เกิดได้ทุกที่-ทุกขณะ-ทุกเวลา และกับทุกคน
แต่ใครจะ "แจ็กพอต" บ้างนั้น พูดได้คำเดียว "แล้วแต่เวร-แต่กรรม" ที่ทำกันมาของแต่ละคน!
อย่างที่พูดกันนั่นแหละ "ในโลกนี้ ไม่มีอะไรที่เรียกว่าบังเอิญ" แต่ละคนต่างมี "แผนที่ชีวิต" ถูกบรรจุลง "โปรแกรมกรรม" มาให้พร้อมเกิด
เผอิญผมชอบสังเกต....
จึงพบทางสถิติว่า เดือนนี้ เมื่อ ๒๐ ปีที่แล้ว ตำแหน่งดาวราหู ดาวเสาร์ ดาวอาทิตย์ ดาวพฤหัส และดาวมฤตยู เมื่อปี ๔๗ กับปี ๖๗ ไม่ต่างกันนัก
ถึงไม่ตรงตำแหน่งเป๊ะๆ ทุกดวง แต่อยู่ในตำแหน่งส่งผลถึงกัน นับเป็น "มิติพิศวง" ทางสถิติดาวที่น่าสนใจ!?
คงมี "โหราจารย์" ท่านใด-ท่านหนึ่งออกมาให้ความรู้ในมุมนี้บ้างหรอก
เราก็คอยตามศึกษาจากท่านผูู้รู้ก็แล้วกัน เพราะ "ราหู-เสาร์-พฤหัส" เป็นดาวใหญ่ "เจ้าแห่งจักรวาล"
ช่วงนี้ ถึงปี ๖๘ "เจ้าแห่งจักรวาล" จะขยับเขยื้อนในเวลาไล่ๆ เลี่ยๆ กัน
เมื่อ ๓ ช้างสารย่างเยื้อง ย่อมสะเทือนทั้งป่าดงพงไพร สัตว์เล็ก-สัตว์ใหญ่ แตกตื่นกระจัดกระจาย หนีภัยถูกเหยียบขี้แตก
ไม่ส่งผลเฉพาะ "บ้านเมืองไทย" เราเท่านั้น
แต่จะส่งผลเรียกว่าสะท้าน-สะเทือน โกลาหลไปทั่วโลก ทั้งด้านเศรษฐกิจ, สังคมและการเมืองทั่วทั้ง "จักรวาลมาร์เวล" ขนาดนั้นเลย!
ฉะนั้น อยากบอกแควนๆ...
ปี ๒๕๖๘ จองตั๋วแถวหน้ากันแต่เนิ่นๆ เอาชนิด "ริงไซด์" ติดขอบเวทีได้ยิ่งดี จะได้ไม่ต้องชะเง้อคอตั้ง ตอนเชิดฉิ่ง
แต่ถ้า "ขวัญอ่อน" ขึ้นอัฒจันทร์ส่องกล้องดูไกลๆ ดีกว่า
"เผ่นก่อน" ง่ายดีด้วย!
ฉะนั้น ก็เที่ยวปีใหม่กันด้วยความไม่ประมาทเถอะ ถ้าจะเมา-จะซิ่ง ก็เมาและซิ่งกันแบบมีลิมิตนะ
ผมตงิดๆ ชอบพิกล ด้าน "อุบัติภัย-ภัยธรรมชาติ" ยังไม่น่าวางใจ ถ้าจะเกิด-จะมา ก็จะมาและเกิด ชนิดไม่ส่งสัญญาณใดๆ ให้ทันตั้งตัว
ถือซะว่า เป็นความหวังดีของคนแก่ ที่ "ยักแย่-ยักยัน" ไปฉลองปีใหม่ไม่ไหว ก็เลยแสดงความอิจฉาออกมาในรูปความห่วงใยก็แล้วกัน...เนอะ!
กรุงเทพฯ ช่วงนี้ "หลวมๆ"
คนพื้นเพกรุงเทพฯ มีซัก ๕ ล้านกว่าคน แต่ที่เป็นอยู่ปัจจุบัน นอกจากคนไทย ๗๖ จังหวัด มารวมศูนย์แล้ว
"คนต่างด้าว-ท้าวต่างแดน" อีกนับเป็นล้านๆ มาแออัดยัดเยียดอยู่ใน กทม.รวมแล้วไม่ต่ำกว่า ๑๒ ล้านคนขึ้นไป!?
ตัวกรุงเทพฯ จึงเหมือน "แก้วที่น้ำล้น"
น้ำที่ล้นก็ไหลนอง ทางใต้ ไปถึงสมุทรสาครแล้วมั้ง
ทางตะวันตก ไปถึงนครปฐม แพลมๆ กาญจนบุรี-สุพรรณฯ บางพื้นที่ โน่นแล้ว
ทางเหนือ นนทบุรี ปทุมธานี ไหลล้นไปเปียกแฉะบางอำเภอของอยุธยา อีกไม่นานเลยสระบุรี ไปถึงปากช่อง-เขาใหญ่แน่
ทางตะวันออก สมุทรปราการถูกกลืนไปถึงฉะเชิงเทรา ย้วยนครนายกฯ ไปชลบุรี ไประยองเอาด้วยซ้ำ
"ดูไป-ดูมา" ภาครัฐไม่ต้องเสียงบประมาณ "ย้ายเมืองหลวง" หรือแยกสร้างเป็นเมือง "ส่วนราชการ" กับเมือง "ทางเศรษฐกิจ"
เพราะความเป็น "น้ำล้นแก้ว" ของกรุงเทพฯ นั่นแหละ เติมกันเข้ามามากขนาดไหน ก็เป็นน้ำไหลไปแปลงสภาพพื้นที่นั้น เป็น "กรุงเทพฯ" หมด
โดยนัยนี้ จะอีกซัก ๑๐-๒๐ ล้านคน เติมเข้ามา คนก็เหมือนจำนวนน้ำ ล้นไหลไปกลืนพื้นที่นั้นๆ เป็นกรุงเทพฯ
อีกไม่นาน "ตัวกรุงเทพฯ" ทางเหนือ-อีสาน คงไปถึงโคราช ทางใต้ไปอยู่แถวๆ หัวหิน ทางตะวันตก นครปฐม-กาญจนบุรี
ทางตะวันออก ระยองโน่นแหละ เป็นสุดเขต "กรุงเทพมหานคร"
มันเป็นไปเองตามแรงโน้มถ่วงมนุษย์ มนุษย์เป็นผู้กำหนดและสร้างสังคมเมืองเอง ประมาณนั้น
คือเมื่อเมืองล้นคน คนก็ไหลกระจายกันออกไป....
คนไปถึงไหน สาธารณูปโภคพื้นฐานทั้งหลาย ทั้งปัจจัยรองรับความสะดวกนานาประการ
เรียกว่า "วงจรเศรษฐกิจ" ก็เกิดและทำงานของมันเองตามหลัก "ดีมานด์-ซัพพลาย" สนองตัณหาสังคมมนุษย์
รัฐบาลไม่จำเป็นต้องสร้างเมือง แล้วป่าวร้องให้คนย้ายไปอยู่เหมือนเนปยีดอ เพียงใช้นโยบายเพื่อการลงทุนเป็นตัวล่อเท่านั้น
ทุกอย่างมันก็จะ "ยืด-ขยายตัว" ออกไป แล้วเกิดสภาพเมืองตามธรรมชาติ
"หน่วยงานรัฐ" ด้วยซ้ำ เป็นฝ่ายต้อง "ขยาย-ย้าย" ตามไปรองรับผู้คนตามสภาพเมือง "น้ำล้นแก้ว"
เรียกว่า "เมืองหลวงประเทศไทย" งอกและโตเอง ที่เห็นชัด ในรอบ ๑๐ ปี รัฐบาลประยุทธ์ มีนโยบายลงทุนและลงมือทำ มีรูปธรรมปรากฏ
รถไฟฟ้าในเมือง-ชานเมืองไปถึงไหน รถไฟความเร็วสูงไปถึงไหน รถไฟรางคู่ไปถึงไหน อีอีซี ท่าเรือ สนามบิน ไปถึงไหน และฯลฯ
ภาคเอกชนและภาคประชาชน ก็เป็นน้ำไหลตามไป "เกิดเมือง" ล่วงหน้าถึงนั่น จนภาครัฐตามแทบไม่ทัน!
เมื่อ ๖๐-๗๐ ปีก่อน....
กรุงเทพฯ กับกรุงธนฯ เป็น "คนละจังหวัด" กันนะ
ฝั่งกรุงเทพฯ เป็น "จังหวัดพระนคร" ฝั่งธนฯ เป็น "จังหวัดธนบุรี" คนอยู่ฝั่งธนฯ อายแย่เลย เพราะเป็น "คนต่างจังหวัด"
อย่างผม เข้ากรุงใหม่ๆ อยู่ฝั่งธนฯ ตรง "สามแยกไฟฉาย"
ไปไหน-มาไหนที ต้องตั้งต้นที่สนามหลวง
แล้วเดินลิ้นห้อย แดดผ่ากระบาล เลาะกำแพงวัดมหาธาตุ ไปลงเรือ "ท่าพระจันทร์" ข้ามไป "ท่าพรานนก" จากนั้น...เดิน
สามล้อถีบ ๑ บาท หรือ ๕๐ ตังค์ก็จำไม่ได้แล้ว แพงตายโหง กิ๊งก่อง..กิ๊งก่อง...ไปตามถนนลูกรังแคบๆ จากท่าเรือพรานนก ตรงโรงพยาบาลศิริราช ไปสามแยกไฟฉาย
อยู่ฝั่งธนฯ ไม่ต้องกลัวอดน้ำ...
สส.ขาเดียว "ไถง สุวรรณทัต" ประชาธิปัตย์ ทำให้ฝั่งธนฯ มี "ก๊อกน้ำประปา" สาธารณะตามริมถนน ชาวบ้านรองน้ำจากก๊อกใช้ฟรี
ผมพลานามัยสมบูรณ์ เพราะน้ำก๊อก สส.ไถงนี่แหละ
หิว..ไม่มีข้าวกิน เอาละวะ...
เด็ดยอดผักบุ้งริมถนน เคี้ยวๆ แล้วกลืน อ้าปากรองน้ำก๊อกดื่มตบตูด แหม...เอาสเต๊กมาแลกก็ไม่ยอม
พอเดิน น้ำในท้องมันกลิ้งขลุกขลัก..ขลุกขลัก อวดอิ่ม!
ตอนกลับบ้านต่างจังหวัด จะเบ่งว่าไปอยู่ "กรุงเทพฯ" ก็พูดได้ไม่เต็มปาก-เต็มคำ ได้แต่อ้อมๆ แอ้มๆ
เพราะสามแยกไฟฉาย อยู่จังหวัดธนบุรี
ครั้นจะบอก "อยู่ฝั่งธนฯ" อายเค้าตายเลย บ้านน้อกกก..บ้านนอก!
แต่ทุกวันนี้ จะอยู่ระยอง อยู่นครปฐม อยู่เขาใหญ่ "คนกรุงเทพฯ" ทั้งนั้น ไม่มีบ้านนอกเหมือน ๖๐-๗๐ ปีก่อนแล้ว!
ล้ำจากกรุงเทพฯ เป็น "คนอินเตอร์" ซะด้วยซ้ำ เพราะมีทั้งไทย ฝรั่ง จีน แขก พม่า ลาว เขมร
คนทุกชาติ มีครบหมดในความเป็น "กรุงเทพฯ" วันนี้!
ก็คุยเรื่อยเปื่อยสุดแต่จะนึกอะไรได้แค่นี้ วันหยุดยาว ไปฉลองปีใหม่กันหมด ใครจะมาสนใจอ่านอะไรอยู่อีกล่ะ จริงมั้ย?
ฉลองเผื่อละกัน หน้านวลกลับมาคุยกันต่อปีหน้าเน้อ!
-เปลว สีเงิน
๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๗
คนปลายซอย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'เข็มทิศชีวิต' ปี ๒๕๖๘
ชีวิตเดิม ดีๆ.... เติมเข้ามาอีกปี ก็ "ซูเปอร์ แฮปปี้" ปี ๒๕๖๘ น่ะซีครับ!
๖๘...'ปีคนไทยพึ่งใจตัวเอง'
วันวาน "๓๐ ธันวา." วันสิ้นเดือน "สุดท้าย" ของปี วันนี้ "๓๑ ธันวา." วัน "สันตติกาล"
ย่อโลกปี 2567 เหตุการณ์ที่ไม่ควรลืม!! | จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์
ย่อโลกปี 2567 เหตุการณ์ที่ไม่ควรลืม!! จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์ : วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2567
ลึกสุดใจ..'บิ๊กต่าย' ยึดกฎกติกา ไม่กลัวทุกอิทธิพล
ลึกสุดใจ..'บิ๊กต่าย' ยึดกฏกติกา ไม่กลัวทุกอิทธิพล วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม 2567 เวลา 09.00 น.
'๑ ประเทศ ๒ รัฐบาล'
คงเป็น "ที่สุดแห่งปี" จริงๆ สำหรับประเทศแห่งประชากรผู้หิวโหยและเทิดทูน ๒ พ่อลูก "ตระกูลชิน"
'รัฐมนตรี' ที่ 'นักข่าวลืม'
"นายกฯ แพทองธาร" นี่.... ต้องยอมรับกันจริงๆ จังๆ ว่า "ออร่า" ในตัวเธอเจิดจ้ามาก!