ยังคาใจกันเยอะครับ...
ตั้งแต่ "ทักษิณ ชินวัตร" กลับมาไทยในรอบ ๑๗ ปี จากนักโทษที่ไม่ยอมติดคุก เพราะป่วยวิกฤตห่างหมอไม่ได้ มีความเสี่ยงเสียชีวิตสูง
มาบัดนี้ให้หลัง ๑ ปี ๔ เดือน "ทักษิณ" แข็งแรงจนผิดหูผิดตา
อย่างน้อยๆ หลายเดือนมานี้หลังจากออกจากโรงพยาบาลตำรวจ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ไม่มีข่าวว่า "ทักษิณ" ต้องกลับไปรักษาตัวด้วยโรคที่ทำให้ป่วยวิกฤตอีกเลย
กลับกันจากฝ่ามือเป็นหลังเท้า "ทักษิณ" เบ่งบารมี เต็มไปด้วยรังสีอํามหิต แผ่ซ่านไปยังพรรคร่วมรัฐบาล
เป็นการประกาศว่า มีอำนาจเต็มมือ พร้อมที่จะเขี่ยพรรคที่ไม่ภักดีกับตนเองออกจากการร่วมรัฐบาลได้ทุกวินาที
"ทักษิณ" ยังแข็งแรง ดุจชายหนุ่มนมเพิ่งแตกพาน เดินทางขึ้นรถลงเรือ ไปเหนือล่องใต้ อีสาน ตะวันออก ตะวันตก ไม่มีอาการเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าให้เห็น
ยังแสวงหาอำนาจทางการเมืองอยู่!
ต้องการอำนาจไปเพื่ออะไร ในเมื่อบอกกับสาธารณชนก่อนกลับมาว่า แค่อยากกลับมาเลี้ยงหลาน ไม่ต้องการอำนาจทางการเมืองใดๆ
พฤษภาคมปีที่แล้ว "ทักษิณ" พูดว่าไงจำได้มั้ยครับ?
"...ผมตัดสินใจแล้วว่าจะกลับบ้านไปเลี้ยงหลานภายในเดือนกรกฎาคมนี้ก่อนวันเกิดผมครับ ขออนุญาตนะครับ เกือบ ๑๗ ปีแล้วที่ต้องพลัดพรากจากครอบครัว ผมก็แก่แล้วครับ..."
ก่อนนั้นเดือนกุมภาพันธ์ อ้างว่าไงคงจะจำกันได้
"...การกลับไปไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง ผมอยากเลี้ยงหลาน ผมคิดถึงหลาน มีหลาน ๗ คน วัยอย่างผมเรียกว่าเป็นวัยรักลูก หลงหลาน หลานมาอยู่ใกล้ๆ แล้วจะมีความสุขมาก เวลาเราอยู่กับสิ่งที่บริสุทธิ์ อากาศบริสุทธิ์ก็มีความสุข อยู่กับคนที่รักเราอย่างบริสุทธิ์ก็มีความสุข..."
แต่แล้ว "ทักษิณ" ทิ้งหลานไปแสวงหาอำนาจทางการเมืองอย่างไม่หยุดหย่อน
กลับกลอกอย่างน่ารังเกียจที่สุด
กระนั้นก็ตามเส้นทางการแสวงอำนาจของ "ทักษิณ" อาจมาไวไปไว
เพราะเงื่อนไข ๒ ประการที่ "ทักษิณ" สร้างขึ้นมาเอง
จะจบในปี ๒๕๖๘!
คือคดี ม.๑๑๒
กับคดีนรกขุม ๑๔
ที่บีบหัวใจ "ทักษิณ" และชาวคณะราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจ ในขณะนี้คือ การเรียกข้อมูลตั้งแต่การส่งตัว "ทักษิณ" จากกรมราชทัณฑ์ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ โดย ป.ป.ช. และแพทยสภา
จากนี้ว่าด้วยเรื่องข้อกฎหมายล้วนๆ นะครับ
เพราะเป็นสิ่งที่จะยืนยันได้ว่า การบิดพลิ้วไม่ส่งข้อมูลที่ทั้ง ๒ หน่วยงานต้องการนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้
อย่างน้อยๆ มีกฎหมาย ๑ ฉบับที่ต้องปฏิบัติตาม โดยเฉพาะโรงพยาบาลตำรวจ
ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการรักษาตัวของ "ทักษิณ" ต้องนำส่งทั้งหมด
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.๒๕๖๒ มาตรา ๒๗ บัญญัติว่า
"...ห้ามมิให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมได้โดยได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมตามมาตรา ๒๔ หรือมาตรา ๒๖..."
ไปดูมาตรา ๒๖ ครับ
"...ห้ามมิให้เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด โดยไม่ได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่
(๕) เป็นการจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับ
(ก) เวชศาสตร์ป้องกันหรืออาชีวเวชศาสตร์ การประเมินความสามารถในการทำงานของลูกจ้าง การวินิจฉัยโรคทางการแพทย์ การให้บริการด้านสุขภาพหรือด้านสังคม การรักษาทางการแพทย์ การจัดการด้านสุขภาพ หรือระบบ และการให้บริการด้านสังคมสงเคราะห์
ทั้งนี้ ในกรณีที่ไม่ใช่การปฏิบัติตามกฎหมายและข้อมูลส่วนบุคคลนั้น อยู่ในความรับผิดชอบของผู้ประกอบอาชีพหรือวิชาชีพ หรือผู้มีหน้าที่รักษาข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไว้เป็นความลับตามกฎหมาย ต้องเป็นการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลกับผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์..."
ครับ...ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้ขอมาเพื่อเปิดเผย
แต่เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานของคดี
ชัดนะครับ หลักฐานการวินิจฉัยโรคทางการแพทย์ การให้บริการด้านสุขภาพหรือด้านสังคม การรักษาทางการแพทย์ การจัดการด้านสุขภาพ ล้วนอยู่ในข้อยกเว้น
นี่ยังไม่นับโรงพยาบาลตำรวจปล่อยให้กล้องวงจรปิดห้องวีไอพี ชั้น ๑๔ เสียอยู่ ๑๔๓ วัน โดยไม่คิดจะซ่อมแซมใดๆ บ่งบอกถึงเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ใช่หรือไม่
ชั้น ๑๔ จะเป็นสวรรค์หรือนรก จบในปีหน้าที่แน่นอน
หากเป็นนรก ไม่เฉพาะ นรกของ "ทักษิณ" คนเดียว
จะจบที่ยกเข่ง!
ความผิดก็ไม่ใช่กรรมเดียว
มีช่องให้เอาผิดเรื่องอื่นที่ต่อเนื่องเป็นหางว่าว
ความเท็จถูกส่งไปไหนบ้าง
สร้างเรื่องหลอกใครบ้าง
ระวังคอขาด!
"ทักษิณ" ต้องการอำนาจไปทำไม
แล้วทำไมบริวารถึงรับใช้ถวายหัว
จะสร้างระบอบทักษิณให้กลับมายิ่งใหญ่อย่างนั้นหรือ
ใหญ่เพื่อใคร เพื่อประชาชนคนไหน
นี่คือคำถามที่รอคำตอบ
แต่ที่ไม่ต้องตอบคือ การเมืองกำลังวนเข้าลูปเดิมๆ
ระบอบทักษิณอยู่ในช่วงกระหายอำนาจ
มีคิวที่จะใช้อำนาจบนข้อสงสัยมากมายว่า เพื่อตัวเองหรือเพื่อประชาชน
ถ้าโชคดีจุดจบรัฐบาลเป็นไปตามกลไกรัฐธรรมนูญ
หากโชคร้ายหนนี้ จบทั้งตระกูล.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อนาคต'ส้ม-แดง'จับมือ
เข้าใจตรงกันนะครับ... ขอชมสักวัน "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" เจ้าของตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี วิเคราะห์การเมืองได้ตรงใจจริงๆ
'ทักษิณ'ไม่ใช่เจ้าของเวชระเบียน
เริ่มเห็นแนวโน้มครับ... อาจมีคนติดคุก หรือไม่ก็เสื่อมเสียเกียรติยศและศักดิ์ศรี รวมทั้งอาจสูญเสียหน้าที่การงาน เพราะร่วมขบวนการไม่ให้ "ทักษิณ ชินวัตร" ติดคุกแม้วันเดียว ไม่ใช่ ๑ คน แต่หลายคน
ใช้งาน 'ทักษิณ'
ยังไม่จบครับ.... การตั้ง "ทักษิณ ชินวัตร" เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียน ยังมีประเด็นที่น่าสนใจหลายมิติ
กราบบังคมทูลความเท็จ?
ไม่ทราบว่าเกี่ยวกันหรือเปล่า... วันก่อนกลุ่มมวลชนบิ๊กเนมนัดกินข้าวคุยเรื่อง "ป่วยทิพย์ชั้น ๑๔" กัน
เครือข่าย 'ทักษิณ'
การเมืองไทยมันยิ่งกว่างูกินหาง ตบจูบยิ่งกว่าละครน้ำเน่า ครับ...มีรายงานข่าวว่าวันนี้ (๑๗ ธันวาคม) "ทักษิณ ชินวัตร" หอบหิ้ว "ธรรมนัส พรหมเผ่า" ไปงานสวดพระอภิธรรม "สจ.โต้ง-ชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์" ที่ปราจีนบุรี
เสือกทุกเรื่อง
ขึ้นต้นก็เกือบจบได้ทันที... ใครที่ยังคิดว่า "ทักษิณ ชินวัตร" ไม่ครอบงำรัฐบาล ไม่ครอบงำพรรคเพื่อไทย ไม่ครอบงำพรรคร่วมรัฐบาล ถือว่า ปัญญาอ่อน!