ใช้งาน 'ทักษิณ'

ยังไม่จบครับ....

การตั้ง "ทักษิณ ชินวัตร" เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียน ยังมีประเด็นที่น่าสนใจหลายมิติ

ไม่ทราบ "ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม" นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย คิดอะไรอยู่

หรืออาจมีการล็อบบี้จากฝั่งไทย เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันบางประการ

ก็คาดเดากันไปครับ

จากคำให้สัมภาษณ์ของ "รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร" นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ อดีตอาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำให้มองเห็นประเด็นที่รัฐบาลแพทองธารควรระวัง

ที่คิดว่าได้ จะมีแต่เสีย!

"...มาเลเซียสำคัญต่อไทยมากในด้านความมั่นคง เพราะเป็นที่พำนักอาศัยของกลุ่มและขบวนการต่างๆ อีกทั้งมาเลเซียยังรับหน้าที่เป็นผู้ประสานงานกับกลุ่มเหล่านั้นให้กับรัฐบาลไทยหลายรัฐบาลที่ผ่านมา

จึงค่อนข้างชัดเจนว่าความสงบในสามจังหวัดชายแดนใต้ขึ้นอยู่กับมาเลเซีย"

 “แพทองธารมีความไม่พร้อมหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องความเชี่ยวชาญ แผนใหม่ที่จะพูดคุยสันติสุขก็ยังไม่มี และฐานเสียงรัฐบาลปัจจุบันไม่ได้อยู่ภาคใต้ ถ้าอดีตนายกฯ ทักษิณได้รับการแต่งตั้งขึ้นมา (เป็นที่ปรึกษาฯ ของผู้นำมาเลเซีย) ก็จะอุดช่องว่างตรงนี้ได้ที่จะทำงานร่วมกับมาเลเซีย..."

"...อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งให้อดีตนายกฯ ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวเรื่องอาเซียนนั้นอาจจะเป็นดาบสองคมได้ถ้าไม่ระวัง

ในด้านแรก หากมีความชัดเจนและโปร่งใสว่าเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศและของคนไทย ก็อาจจะช่วยอุดช่องว่างเรื่องความรู้ความชำนาญในเรื่องมาเลเซียที่ขาดไปของรัฐบาลปัจจุบันได้

ในทางกลับกัน หากไม่ได้เป็นไปตามแนวทางที่ถูกต้อง ก็อาจจะกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ และกระทบต่อผลประโยชน์ของคนไทยโดยรวมได้ในที่สุด..."

เป็นข้อมูลที่ทราบกันโดยทั่วไปแล้วนะครับว่า มาเลเซียให้ที่หลบซ่อนตัวของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย

หากจะหวังพึ่ง "ทักษิณ" แก้ปัญหา ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ คงต้องย้อนเวลากลับไปปี ๒๕๔๗ กันใหม่ เรื่อยมาจนถึงเหตุการณ์ตากใบ

หากกลุ่มก่อความสงบพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้มอง "ทักษิณ" เป็นรัฐบุรุษ ก็ว่าไปอย่าง

แต่ความจริงคือกลับถูก "ทักษิณ" มองเป็นโจรกระจอกที่ต้องกวาดล้าง

ฉะนั้น "ทักษิณ" ควรหลีกเลี่ยงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแก้ปัญหา ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้

หากเรื่องนี้เป็นเป้าประสงค์ของ "อันวาร์ อิบราฮิม" ควรคุยกันให้ชัดเจนในระดับรัฐบาลว่า ขอบเขตที่ "ทักษิณ" จะเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่ตรงไหน

เพราะมีแนวโน้มจะกลายเป็นก่อปัญหาเพิ่ม แทนที่จะแก้ปัญหา

ถึงเวลาที่ไทยต้องคุยกับมาเลเซียจริงจังเสียทีครับ ว่าทำอย่างไรไม่ให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ก่อเหตุแล้วเข้าไปหลบในมาเลเซีย

หรือใช้มาเลเซียเป็นฐานในการเคลื่อนไหวโจมตีไทย

และหลายครั้งใช้มาเลเซียเป็นสถานที่จัดแถลงข่าวที่กัวลาลัมเปอร์อย่างเปิดเผย เพื่อกล่าวหาไทยต่อประชาคมโลก

อย่างน้อยๆ ให้มาเลเซียนึกถึงวันที่ไทยช่วยสงบศึกระหว่างโจรจีนคอมมิวนิวต์กับรัฐบาลมาเลเซีย

ให้นึกถึงวันที่สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์มลายา หรือโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา ได้หลบหนีการปราบปรามของรัฐบาลมาเลเซีย และได้ตั้งฐานปฏิบัติการในประเทศไทย ว่าวันนั้นมาเลเซียรู้สึกอย่างไร

สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมาเลเซีย

เกิดความหวาดระแวงระหว่างกัน อันเนื่องมาจากการที่ทั้งไทยและมาเลเซียต่างพยายามรักษาผลประโยชน์ของประเทศ ทำให้การเจรจาแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่มีอยู่ระหว่างกันไม่สามารถลุล่วงไปได้

มาเลเซียหวาดระแวงว่ารัฐบาลไทยให้การสนับสนุนอย่างลับๆ แก่โจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา

ให้ตั้งฐานที่มั่นในประเทศไทยเพื่อให้ปฏิบัติการในมาเลเซีย

ความจริงคือ การเคลื่อนไหวปฏิบัติการและการตั้งฐานที่มั่นของโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายาในบริเวณจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ก็ก่อให้เกิดผลกระทบด้านความมั่นคงกับไทยเช่นกัน

เพราะเป็นช่วงที่รัฐบาลไทยต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย

ความหวาดระแวงจึงเกิดขึ้นรอบด้าน

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฝ่ายความมั่นคงของไทยพอจะวางใจได้คือ ไม่ว่าจะเป็น พคท., พคม. หรือ ขจก. ในพื้นที่เขตบันนังสตา จังหวัดยะลา ภายใต้พรรคคอมมิวนิสต์จีน ไม่คิดจะแบ่งแยกดินแดน

นั่นทำให้อุดมการณ์พื้นฐานของกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่ปัจจุบันมักเรียกกันว่า "โจรใต้" กับกลุ่ม พคท., พคม. หรือ ขจก. แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

พรรคคอมมิวนิสต์มีนโยบายทำให้การปฏิวัติมีลักษณะประชาชาติ

ไม่เน้นหลักของชาติพันธุ์ใดเป็นใหญ่

พคท., พคม. หรือ ขจก. จึงไม่เรียกกลุ่มก่อความไม่สงบว่า "มลายูมุสลิม"

แต่เรียก "ไทยมุสลิม" ตามที่รัฐไทยเป็นผู้เรียก

ยุครัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ได้ออกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ ๖๖/๒๕๒๓ เรื่อง นโยบายการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ หรือนโยบายการเมืองนำการทหาร

ที่รู้จักกันในนาม “นโยบาย ๖๖/๒๓”

ตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาโจรจีนคอมมิวนิสต์ด้วย

จากการดำเนินการปราบปรามขบวนการโจรจีนคอมมิวนิสต์ทั้งทางการเมือง การทหารอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะยุค "พลเอกหาญ ลีนานนท์" เป็นแม่ทัพภาคที่ ๔ ได้ใช้นโยบายใต้ร่มเย็นกดดันโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา ปฏิบัติการจิตวิทยาและการทหาร ตามแผนยุทธการใต้ร่มเย็น ๑๑ และยุทธการใต้ร่มเย็น ๑๕ จนสามารถยึดกองกำลังของโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายาได้หลายพื้นที่

ต่อมาในสมัย "พลโทวันชัย จิตต์จำนงค์" และ "พลโทวิศิษย์ อาจคุ้มวงษ์" เป็นแม่ทัพภาคที่ ๔ และพลตรีกิตติ รัตนฉายา ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังผสมเฉพาะกิจฝ่ายไทย ได้มีการเจรจากับโจรจีนคอมมิวนิสต์เพื่อยุติปัญหาในฐานะผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย

การดำเนินตามแนวนโยบาย ๖๖/๒๕๒๓ และนโยบายใต้ร่มเย็นของกองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหารที่ ๔๓ ภายใต้การบังคับบัญชากองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่งผลให้ขบวนการโจรจีนคอมมิวนิสต์ กรมที่ ๘ และกรมที่ ๑๐ เข้ามอบตัวเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย

หลังจากนั้นมีการเจรจาสันติภาพไตรภาคี ระหว่างมาเลเซีย-ไทย กับพรรคคอมมิวนิสต์มลายา ถึง ๕ ครั้ง ที่จังหวัดภูเก็ต

กระทั่งวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๓๒ ได้มีการลงนามในความตกลงเพื่อยุติสถานการณ์การต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธของโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

มี "จีนเป็ง" เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์มลายา เป็นผู้ลงนามฝ่ายคอมมิวนิสต์

"ดาโตะ ฮาจี วันซีเดท" ปลัดกระทรวงมหาดไทยมาเลเซีย เป็นผู้ลงนามฝ่ายมาเลเซีย

และ "พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ" ในฐานะรองประธานคณะกรรมการทั่วไปและรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน เป็นประธานผู้ไทยในฐานะพยาน

ถือเป็นการยุติบทบาทของโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา

นี่คือสิ่งที่ไทยอยากเห็นจากความจริงใจของมาเลเซีย

ไหนๆ "ทักษิณ" เข้าใกล้ศูนย์กลางอำนาจของมาเลเซียได้แล้ว มีแนวคิดส่งต่อไปยัง "ลูกสาว" ได้บ้างหรือยังว่า จะแก้ปัญหา ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เป็นรูปธรรมได้อย่างไร

ทำอย่างไรให้มาเลเซียร่วมมือในการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง

ไม่ใช่ปากว่าตาขยิบ

อย่างน้อยๆ ตอบแทนบุญคุณกันบ้างก็ดี ประชาชนชายแดนไทย-มาเลเซีย ไม่ว่าศาสนาใด จะได้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข

แต่หากคิดกันแต่เรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว ก็เตรียมตัวไว้ครับ

จะเป็นอีกประเด็นที่จะมีการถลกหนังประจานหลังจากนี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กราบบังคมทูลความเท็จ?

ไม่ทราบว่าเกี่ยวกันหรือเปล่า... วันก่อนกลุ่มมวลชนบิ๊กเนมนัดกินข้าวคุยเรื่อง "ป่วยทิพย์ชั้น ๑๔" กัน

เครือข่าย 'ทักษิณ'

การเมืองไทยมันยิ่งกว่างูกินหาง ตบจูบยิ่งกว่าละครน้ำเน่า ครับ...มีรายงานข่าวว่าวันนี้ (๑๗ ธันวาคม) "ทักษิณ ชินวัตร" หอบหิ้ว "ธรรมนัส พรหมเผ่า" ไปงานสวดพระอภิธรรม "สจ.โต้ง-ชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์" ที่ปราจีนบุรี

เสือกทุกเรื่อง

ขึ้นต้นก็เกือบจบได้ทันที... ใครที่ยังคิดว่า "ทักษิณ ชินวัตร" ไม่ครอบงำรัฐบาล ไม่ครอบงำพรรคเพื่อไทย ไม่ครอบงำพรรคร่วมรัฐบาล ถือว่า ปัญญาอ่อน!

ทลายทุนผูกขาด

ชื่นใจ... ชื่นใจในความรวยของเศรษฐีไทยครับ วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยติดต่อกันปีนี้เป็นปีที่ ๓๑ แล้วครับ

นายกฯ ฝึกงาน

ขยี้ตาสิบที... แถลงผลงานในรอบ ๓ เดือนแน่นะ "อิ๊งค์" ไปดูอีกทีกับการแถลงข่าววานนี้ (๑๒ ธันวาคม)

ชะตากรรม 'นายกฯ ชินวัตร'

วันนี้ (๑๒ ธันวาคม) นายกฯ อิ๊งค์ แถลงผลงาน อยากรู้ว่าผลงานมีอะไรบ้าง เชิญเฝ้าหน้าจอสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที หรือช่อง ๑๑ นั่นแหละครับ