
ต้องบอกว่าหลัง “สนธิ ลิ้มทองกุล” อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ขยับแข้งขยับขามากกว่าการจัดรายการ “สนธิทอล์ก” โดยระบุอาจต้องลงท้องถนนหากรัฐบาลไม่สามารถตอบคำถามเรื่องต่างๆ ที่ค้างคาใจได้นั้น ก็สร้างปฏิกิริยาอย่างมาก ยิ่ง มี “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ออกมาเติมเชื้อไฟว่าม็อบสนธิคงไม่มีม็อบใหญ่ เป็นแค่ “ก๊กอนุรักษนิยม” รวมทั้งฟาดหางว่ามีพรรคประชาชนเป็นกองเชียร์ ก็ยิ่งทำให้เรื่องเริ่มร้อนฉ่ามากขึ้น ...๐
ล่าสุดถึงกับทำให้ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ดูแลเรื่องความมั่นคงต้องมาตอกย้ำว่า “เป็นการใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย แต่อย่าให้ผิดกฎหมายก็แล้วกัน” ในขณะที่ “ชูศักดิ์ ศิรินิล” รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เพิ่งเสียเครดิตไปหมาดๆ ว่าด้วยการพยายามแปลงร่างกฎหมายประชามติเป็นกฎหมายการเงิน นั้น ก็ออกมากล่าวโยงให้พึงระลึกถึงการปฏิวัติรัฐประหารหากมีการประท้วงและม็อบลงท้องถนน แหม! อย่างวลีที่เขาพูดกันเสียจริงๆ ว่า “คนดีชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัว” เพราะไม่ยอมมองว่าทำไมคนมาลงท้องถนน แต่กลับไปมองว่าการลงท้องถนนจะเรียกร้องให้เกิดรัฐประหาร ...๐
แม้ซีกรัฐบาลจะประเมินและมองว่า “ม็อบสนธิ” ไม่น่าหวาดวิตกแต่ประการใด แต่ “ธนาพล อิ๋วสกุล” บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เพื่อนใกล้ชิด “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า กลับมองไว้น่าสนใจว่า เป็นความผิดพลาดของพรรคเพื่อไทยในการประเมิน “สนธิ” โดยเพื่อนทอนบอกว่าอย่าลืม “สนธิ” ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา สวมบท “นักข่าวเชิงสืบสวน” ตั้งแต่คดีทนายตั้มมาจนถึงหมอบุญ ได้เครดิตไปไม่น้อย โดยเรื่อง MOU 44 เป็นแค่เป้าหลอก เป้าจริงคือ การตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค หรือ JTC เพื่อจัดสรรผลประโยชน์ร่วมทางทะเล ระหว่างไทยและกัมพูชามากกว่า เพราะเป็นไปได้ว่าจะนำไปสู่การกินรวบ เพื่อกลุ่มทุนพลังงานคนเดิม งานนี้ก็ต้องบอกว่า “เพื่อนทอน” มองขาดเสียนี่กระไร ...๐
ที่สำคัญปฏิกิริยาว่าด้วยการเป็นลูกไล่กัมพูชานั้นก็ชัดเจนอยู่แล้วจากความสัมพันธ์ของ “พี่โทนี่” กับ “ฮุน เซน” ซึ่งล่าสุด “อังคณา นีละไพจิตร” สว. ก็ได้ตั้งคำถามถึงข่าวที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ของไทยส่งนักการเมืองฝ่ายค้านกัมพูชาที่มีสถานะเป็นผู้ลี้ภัยของ UNHCR 5 คน และเด็กอีก 2 คนกลับกัมพูชา เป็นเรื่องจริงหรือไม่อย่างไร โดยจี้ให้ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี รีบออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง แต่ก็ดูเหมือนนายกฯ อิ๊งค์จะไม่ได้ใส่ใจ เพราะมัวแต่ต้อนรับนักธุรกิจจากต่างชาติอยู่ ...๐
หันมาดูเรื่องปากท้องกันบ้าง เพราะล่าสุด “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกฯ และ รมว.พลังงานประกาศลดค่าครองชีพและของขวัญปีใหม่ให้คนไทยนำร่องเป็นกระทรวงแรกแล้ว โดยระบุว่าจะ ประกาศลดค่าไฟฟ้างวด ม.ค.-เม.ย. 2568 ลง จากค่าไฟฟ้าเฉลี่ยในงวดปัจจุบัน ก.ย.-ธ.ค.2567 ซึ่งอยู่ที่ 4.18 บาท/หน่วย ลงอีก 3 สตางค์/หน่วย หรือเหลือ 4.15 บาท/หน่วย ส่วนคณะรัฐมนตรีก็มีการแพลมออกมาบ้างแล้วว่าจะเคาะเรื่องดังกล่าวในการประชุม ครม.สัญจรครั้งแรกของรัฐบาลที่ “เชียงใหม่” ในวันศุกร์ที่ 29 พ.ย.นี้ โดยกระทรวงการคลังเตรียมเสนอให้เคาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินดิจิทัลเฟส 2 ให้ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 3-4 ล้านคน โดยจะให้สามารถใช้จ่ายได้ก่อนช่วงตรุษจีนปี 2568 ...๐
งานนี้ต้องบอกว่า “คลัง” ไม่สนใจเสียงทักว่าด้วยการหมิ่นเหม่ผิดกฎหมาย ยังเดินหน้าต่อเนื่อง แต่กลับกรณีการแต่งตั้งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ประธานบอร์ดแบงก์ชาตินั้น ประชุมเสร็จสรรพได้ชื่อ “เดอะโต้ง” กิตติรัตน์ ณ ระนอง มานานแล้ว แต่กลับยักแย่ยักยันไม่ส่งชื่อเข้าสู่ที่ประชุม ครม.เคาะเสียที งานนี้เลยทำให้ “กิตติรัตน์” ที่โพสต์ขอบคุณบนเฟซบุ๊กเมื่อ 12 พ.ย.สั้นๆ ว่า “ทุกเสียงสนับสนุนคือกำลังใจ และทุกเสียงที่ติติงคัดค้านคือการเตือนใจ ให้คิดดี พูดดี และปฏิบัติดี” รอเก้อมานานแล้วจ้า ...๐
ทิ้งท้ายเรื่อง ร้อนแรงไม่แพ้ “ม็อบ” ก็ต้องเป็นเรื่อง “เขากระโดง” นั่นแล เพราะดูเหมือนบรรดากรรมาธิการแต่ละคณะที่มีพรรคประชาชนเป็นโต้โผยิ่งกว่า “กระดี่ได้น้ำ” เสียอีก เพราะเรียกทั้ง รฟท., กรมที่ดิน, รัฐมนตรี เข้าให้ข้อมูลแทบไม่เว้นวันกันเลยทีเดียว ต้องบอกว่าคึกยิ่งกว่า “วีวีไอพีนอนชั้น 14” หรือแม้แต่กรณี “ที่ดินอัลไพน์” ที่เงียบยิ่งกว่าเป่าสาก ล่าสุดเรื่องลามไปถึงท็อปบูตอีกต่างหาก เมื่อ กมธ.ทหารที่มีตัวตึงอย่าง “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” นั่งเป็นประธาน ได้เชิญ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 26 หรือค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกมาชี้แจง เนื่องจากมีข้อสงสัยว่าการขออนุญาตจัดตั้งค่ายกองพันทหารราบเบาเมื่อปี 2521 นั้น มีการจัดสร้างไม่ตรงตามที่ขอ โดยหลีกเลี่ยงพื้นที่เขากระโดง งานนี้เรียกว่าน่าจะเป็นหนังยาวที่ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด ...๐
ท.ศักดิ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผ่านไปแล้ว บรรยากาศการอภิปรายมีประท้วงกันบ้าง คำว่า "กี้่กี้" ดังสนั่นสภาและโซเชียลมีเดีย ถือเป็นสีสันการเมือง
บันทึกหน้า 4
อีกไฮไลต์สำคัญของศึกซักฟอก แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ที่สังคมจับคือ เจ้าพ่อดีลอย่าง บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะมาเปิดข้อมูลทางการเมืองเรื่องดีลต่างๆ ในรอบ 20 ปี สร้างแรงสั่นสะเทือนหรือไม่
บันทึกหน้า 4
บันทึกวันนี้ขอเริ่มต้นด้วยคำถามปิดกันให้แซ่ดในโลกโซเชียล ..วันนี้คุณเผากางเกงช้างทิ้งหรือยัง?!? เพราะหลังจากเห็น "พรีเซนเตอร์" แต่ละนายแต่ละนางกลางทำเนียบรัฐบาลแล้ว รู้สึกสิ้นเกียรติ สิ้นศักดิ์ศรีความเป็นกางเกงยอดนิยมสไตล์สบายๆ มาดเก๋มีเอกลักษณ์ที่เป็นเสน่ห์สะท้อนความเป็นไทยไปแทบจะอยากเอาไปทิ้งกันเลยทีเดียว..ใช่ไหม?!?
บันทึกหน้า 4
องครักษ์พิทักษ์นายพรึ่บ! เพื่อแม้วเปิดตัว 20 ตัวตึง รับหน้าที่ประท้วง เห็นชื่อชั้นไม่ธรรมดา อย่าง “หัวเขียง” ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สุทิน คลังแสง อดิศร เพียงเกษ อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รวมถึงอดีตแกนนำเสื้อแดงตัวจี๊ด ก่อแก้ว พิกุลทอง
บันทึกหน้า 4
ในที่สุดศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี พ่วงด้วยบุคคลในครอบครัวก็ได้ฤกษ์กดปุ่มอย่างเป็นทางการเสียที เมื่อวิป 3 ฝ่ายได้ข้อตกลงร่วมกันเคาะสูตรซักฟอกออกมาเป็น 28+7 ชั่วโมง
บันทึกหน้า 4
ติดตามสถานการณ์การเมืองในช่วงนี้ เหมือนจะเป็นละคร “ตบจูบ” เรียกเรตติ้งคนดูได้ แต่ชีวิตจริงของคนในสังคมยิ่งกว่า “ละครน้ำเน่า” เพราะปัญหาความเป็นอยู่ ปากท้อง เป็นเรื่องจริงไม่อิงนิยาย แต่ทำให้ “จุกอก” กันทุกหย่อมหญ้า ...วันประชุม ครม. อังคารก่อน