ยังเป็นอุตสาหกรรมไม่ได้?

เศรษฐกิจไม่ดี พายุยังไม่หมุน..

แต่เพื่อนคนหนึ่งเปรยกับผมว่า..ปีนี้เป็นปีที่หนังไทยประสบความสำเร็จในการทำรายได้ระดับหลายร้อยล้านหลายเรื่อง บางเรื่องถึงพันล้าน (นับรวมรายได้จากตลาดนอกบ้าน)

และหากเอารายได้ของหนังไทยทุกเรื่องที่ผ่านมาในปีนี้มารวมกันแล้วแบ่งปันให้ทุกเรื่อง จะไม่มีหนังไทยเรื่องไหนขาดทุนเลยสักเรื่อง!

บังเอิญ..ผมก็ไม่ใช่นักคณิตศาสตร์ จะจริง-เท็จไม่รู้ ได้แต่เออออห่อหมกตาม อย่างน้อยก็เป็นความเห็นเชิงบวกไม่เสียหายอะไร 

กระนั้นเพื่อนก็มองว่า หนังไทยมันยังเป็นอุตสาหกรรมไม่ได้ แม้สามารถโกยเงินได้เป็นกระบุง ก็ไม่น่าเป็นที่พึงพอใจ หากมองในแง่อยากเห็นวงการหนังไทยเป็นอุตสาหกรรมของแทร่!

เพื่อนว่า หนังไทยอะไรๆ ก็ทันสมัยได้มาตรฐานแต่ไม่โต เปรียบแล้วก็เหมือนกับไม้แคระ พึงพอใจกันอยู่แค่นี้ แต่ไม่มีมูลค่าในระดับอุตสาหกรรม

“แล้วทำไมภาพยนตร์ไทยจึงยังไม่สามารถเป็นอุตสาหกรรมได้ หรือดูตรงไหนว่ายังไม่เป็นอุตสาหกรรม” ผมถาม? 

เพื่อนตอบ “ดูที่การลงทุน ดูที่ตลาดหลักทรัพย์ ดูที่ไม่มีสหภาพแรงงาน ดูที่อัตราค่าจ้างแรงงาน ดูที่กฎหมาย”

“โห.. ถ้างั้นก็ชาติหน้าโน่นละมั้งถึงจะเป็นอุตสาหกรรมได้” ผมอุทาน “ใช่เลย” เขาตอบ พร้อมร่ายต่อ.. 

“สิบปีก่อนหน้านี้ หนังไทยได้ปุ๋ยดีจากไหนมาไม่รู้ รุ่งเรืองมาก เกาหลีใต้ยังงง หนังไทยในตลาดเมืองคานส์ ขายกันได้เงินอื้อทุกปี ทำท่าว่าจะเป็นอุตสาหกรรมกับเขาได้ซะที 

ที่ไหนได้เพียงแค่ 7-8 ปีก็หงอย กลับมาที่เดิม เหมือนเล่นเกมบันไดงู คือสว่างไสวอยู่ดีๆ คนซุ่มซ่ามดันเดินเตะปลั๊กไฟสายหลุดซะงั้น” เพื่อนเปรียบเทียบเห็นภาพ ก่อนว่า..

“แต่เรื่องบุคลากรในงานผลิต มันก็เกี่ยวเหมือนกันนะกับการพายเรือในอ่างของหนังไทย เพราะเท่าที่ดูเวลานี้เหมือนว่าจะขาดแคลน”

“แต่ก็มีคนมองว่าปัญหาหนังไทยมาจากกฎหมายเซ็นเซอร์ด้วย” ผมลองแหย่ถามความเห็น 

เพื่อนมองหน้า.. “เสรีภาพเนี่ยมันพูดกันได้ไม่จบนะ เสรีหรือเสรีภาพในมโนธรรมของแต่ละคนคือยังไง ในความเชื่อส่วนตัว ผมเข้าใจว่าไม่ใช่อำเภอใจนะ คนอื่นอาจเห็นต่าง 

ผมว่าไม่เกี่ยวกับกฎหมายเซ็นเซอร์ที่ใช้อยู่หรอก ตอนนี้หนังไทยก็ใช้วิธีการจัดเรตแล้วนี่ แทบจะพูดได้ว่าก๊อปฮอลลีวูดมาเลยนะ 

ที่ไหนๆ ในโลกที่มีหนังฉาย การเซ็นเซอร์มีทุกที่แหละ จะคุ้มเข้มหรือไม่เข้มเท่านั้น อย่างอเมริกาที่มักพูดกันว่า ไม่มีเซ็นเซอร์เนี่ย พวกฝ่ายซ้ายในฮอลลีวูดพวกเขาก็ไม่ยอมรับนะ 

พวกเขาว่า รัฐบาลกลางไม่ยอมรับหรอกว่า มีกฎหมายเซ็นเซอร์ ก็ไม่มีจริงๆ ในทางนิตินัย แต่มันมีการแปรรูปไปเป็นเซ็นเซอร์ทางพฤตินัยแบบอ้อมๆ เช่น การจัดเรต การเซ็นเซอร์ตัวเอง 

การเซ็นเซอร์ถ้าต้องไปพัวพันกับหน่วยงานของรัฐบาล หรือมีฉากที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานทหาร จะต้องขออนุญาตตั้งแต่การถ่ายทำ บทสนทนา การตัดต่อ

และฉายให้ดูก่อนจะนำออกฉายในสาธารณะ ถ้ามีภาพที่เขาไม่ให้ผ่านในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา เขาสั่งให้เอาออกจากหนังเฉพาะช่วงนั้นเลยนะ ถ้าไม่ยอมก็ต้องคุยกันในศาล

ต้องเข้าใจ ในการนิยามว่าภาพยนตร์คืออะไร สำหรับกฎหมายไม่จัดให้เป็นศิลปะอย่างที่คนทำหนังทึกทักนะ เป็นเพียงผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ในการมองของกฎหมาย” เพื่อนให้ความรู้

และยังบอกต่อว่า.. “แต่ถ้าไม่อยากให้ใครมาเซ็นเซอร์ก็ทำได้นะ บ้านเราเนี่ยมีเสรีภาพยิ่งกว่าฝรั่งเขาอีก จะบอกทางให้ เสรีภาพไม่ผิดกฎหมายแน่นอน คือทำหนังอินดี้ 

แต่ถ้าจะฉายในโรงภาพยนตร์ ก็ต้องผ่านการตรวจพิจารณาภาพยนตร์ของหน่วยงานที่สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ไม่ผ่านก็ฉายในโรงภาพยนตร์ไม่ได้

ทางออกคือ ไปที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัย แต่ขายตั๋วไม่ได้นะ ผิดกฎหมายสรรพากร โดนจับเป็นคดีอาญา เพราะตั๋วต้องมีเสียภาษี

ถ้าไม่อยากเสีย ก็ต้องทำแฟ้มสูจิบัตรแสดงวิพิธทัศนา ประกอบด้วยใบแจ้งกำหนดการแสดงมีอะไรบ้าง จะมีภาพนิ่งของการแสดง จะมีภาพจากหนังสัก 2-3 รูปก็ได้

ทำให้สวยๆ ขายทั้งแฟ้มแทนตั๋ว ทำอย่างนี้มีเสรีภาพ แต่ถ้าเป็นหนังลามกอนาจาร คุณก็ทำได้ แต่อย่าเสี่ยงดีกว่าเสรีภาพแบบนี้ 

ภาษากฎหมายท่านว่าเป็นการใช้สิทธิเกินส่วน แถมเป็นโรคไออีก..ไอคุกๆ เสรีภาพเกินพอดีมักลงท้ายด้วยโรคไอ รู้ไว้”

เฮ้อ..แล้วไอ้นั่น เมื่อไหร่มันจะไอเสียที..กูล่ะเซ็ง!.

 

สันต์ สะตอแมน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ได้อภิสิทธิ์เหนือคนไทยทั้งมวล?

“ผมพอแล้ว”! คำพูดประโยคนี้ไม่เคยหลุดจากปากนักการเมือง หรือจะหลุดให้ได้ยินบ้าง ก็ประเภทตอแหล ปลิ้นปล้อน กะล่อน อย่างเช่นว่า..

เผ่นได้เผ่นก่อน?

ใกล้จะ 70 แล้ว แต่ “พี่เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์” ใบหน้ายังเต่งตึงใสไม่ต่างไปจากวัย 40-50 ปี ส่วนจะยังมีกำลัง-เรี่ยวแรง ร้อง-เต้นหน้าเวทีเหมือนสมัยรุ่นๆ หรือไม่?

นิราศเมืองสงขลา

นั่งเครื่องมาดูให้เห็นกับตา.. ก็..เมืองหาดใหญ่ จ.สงขลา นั่นสิครับ หลังจากที่คนในและต่างพื้นที่ต่างอึดอัดคับข้องใจกับแผงขายสินค้า หลังคา กันสาดที่รกพะรุงพะรัง..

“ผีโม่แป้ง”..เป็นคำตอบ

Let It Be Take..ช่าง (แม่ง) มันเถอะ! เมื่อมันจะเอา และต้องเอาให้ได้ ก็เห็นจะไม่ใช่แค่ “ประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทย” เป็นแน่..

ยกเลิก..“แบนหนัง”?

คุณนุชี่-อนุชา บุญยวรรธนะ.. อดีต.. “นายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย” ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งถึง 2 สมัย (4 ปี) ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวไนน์เอ็นเตอร์เทนเมื่อหลายวันก่อนนู้น