ปล่อยไปไม่ได้
วันก่อน นายกฯ แพทองธาร พูดเรื่อง การจัดการพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา ทำเอาโซเชียลร้อนฉ่า
“ยกตัวอย่างเช่น ไม่เห็นด้วยเรื่องเส้นที่ขีดกันก็นำมาคุยกัน หากคุยกันแล้วสมมติว่าไม่ลงตัว ฉันก็ไม่ถอย เธอก็ไม่ถอย จะทำอย่างไรดี ก็แบ่งผลประโยชน์กัน นั่นคือสิ่งที่คณะกรรมการต้องไปคุยกันต่อว่าจะเอาแบบไหนต่อ ที่พูดมานี้คือการยกตัวอย่างให้เห็นภาพว่าเอ็มโอยู ๔๔ มีเพื่ออะไร ถามว่าที่มาล่ารายชื่อจะยกเลิกเพื่ออะไร ให้เอาเหตุและผลมาคุย”
หากคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค หรือ JTC เพื่อจัดสรรผลประโยชน์ร่วมทางทะเล ระหว่างไทยและกัมพูชา รับโจทย์นี้ไปดำเนินการ
ฉิบหายครับ!
มันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ
ฉันไม่ถอยเธอไม่ถอย ฉะนั้นมาแบ่งกันคนละครึ่งเถอะ
นี่ไม่ใช่การแบ่งมรดกตระกูลชินวัตรนะครับ แต่เป็นเรื่องของผลประโยชน์ชาติ
จะเอาผลประโยชน์ของชาติไปแบ่งให้ชาติอื่น เพียงเพราะเจรจาเพื่อประโยชน์ของชาติตัวเองไม่สำเร็จไม่ได้
แบบนั้นภาษาชาวบ้านเรียกว่า มักง่าย
นายกฯ แพทองธารมีปัญหาด้านความรู้ความเข้าใจเยอะครับ
ยิ่งอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้เห็นระดับของความรู้ความสามารถ
ห่างไกลกับตำแหน่งผู้นำประเทศมากจริงๆ
ขอบคุณที่นายกฯ แพทองธาร ไม่รับเงินเดือน
แต่จะขอบคุณอย่างแรง หาก "อุ๊งอิ๊ง" กลับไปทำหน้าที่แม่ เลี้ยงลูก ที่้บ้าน เพราะคุณตาไม่ยอมเลี้ยง จะเป็นผลดีต่อประเทศโดยรวม
หากดื้อจะอยู่ต่อ การเมืองหลังจากนี้จะโหดร้ายชนิดที่ "ทักษิณ ชินวัตร" เองก็ไม่เคยเจอมาก่อน
เพราะไม่ได้พังคนเดียว
แต่จะไปทั้งตระกูล
ตรรกะแก้ปัญหาง่ายๆ ด้วยการแบ่งกันน่าจะมาจากอิทธิพลทางความคิดของ "ทักษิณ" ไทยและกัมพูชามีการเจรจาตกลงเรื่องพื้้นที่ทับซ้อนมาหลายครั้ง แต่ยังไม่ประสบความสําเร็จ เนื่องจากปัจจัยด้านสัดส่วนผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัว
เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๔๙ "ทักษิณ" เดินทางไปเยือนกัมพูชา มีการเจรจาเพื่อแสวงประโยชน์ร่วมกันในการสํารวจและขุดเจาะก๊าซธรรมชาติและนํ้ามันในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว
รัฐบาลทักษิณเสนอแบ่งพื้นที่ทับซ้อนเป็น ๓ เขต
โดยพื้นที่ตรงกลางใช้สัดส่วน ๕๐:๕๐ กัมพูชายอมรับข้อเสนอนี้
ส่วนเขตด้านซ้ายและด้านขวากัมพูชาเสนอสัดส่วน ๙๐:๑๐ ขณะที่ไทยเสนอ ๖๐:๔๐ จึงยังไม่สามารถหาข้อยุติได้จนถึงปัจจุบัน
"ทักษิณ" รู้ดีว่า ประเด็นปัญหาพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทยกับกัมพูชา เป็นประเด็นทางการเมือง ที่มีความอ่อนไหวอย่างมาก
มากพอที่จะนำไปสู่วิกฤตทางการเมือง กระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลแพทองธารโดยตรง
แต่ก็ยังเดินหน้าเจรจาผลประโยชน์กับกัมพูชา ขณะที่เส้นเขตแดนยังไม่ชัดเจน
เอ็มโอยู ๔๔ คือความผิดพลาดของรัฐบาลไทยรักไทย
"สุรเกียรติ์ เสถียรไทย" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในยุคนั้น เคยให้สัมภาษณ์ว่า..
“...เราได้ MOU นี้มาเมื่อปี ๒๕๔๔ ไม่ใช่ว่าได้มาง่ายๆ นะครับ เราใช้อำนาจต่อรองมากพอสมควรที่จะได้ MOU อันนี้มา
เราพูดกันว่าอยากจะเลิกอันนี้ ไม่เคยได้ยินกัมพูชาออกมาพูดว่าจะคัดค้านเลย เขาจะดีใจมากถ้าเรายกเลิก เพราะว่าเป็นความตกลงที่เราค่อนข้างจะได้ประโยชน์...”
มันเป็นเช่นนั้นจริงหรือ
สวนทางอย่างสิ้นเชิงกับคำพูดของ นายกฯ แพทองธาร ที่บอกว่า การยกเลิก เอ็มโอยู ๔๔ เพียงฝ่ายเดียว โดนฟ้องร้องจากกัมพูชาแน่นอน
รัฐบาลระบอบทักษิณเปลี่ยนความคิดแบบกลับหลังหันเพราะอะไร
บนพื้นที่เส้น ๑๑ องศา กัมพูชาแทบไม่มีพื้นที่เลย
ฉะนั้น เอ็มโอยู ๔๔ คือความได้เปรียบของกัมพูชา
หากจะแบ่งผลประโยชน์โดยไม่สนใจเรื่องเขตแดนจะทำให้กัมพูชาได้ประโยชน์จากพื้นที่ที่ไม่ควรได้ตั้งแต่แรก
และจะมีปัญหาในการเจรจาเรื่องเขตแดนในภายหลัง
ที่สำคัญรัฐบาลอาจทำขัดรัฐธรรมนูญ
แนวทางที่ "ทักษิณ" ปูทางไว้ ไม่ต่างจากการสละสิทธิ์สิ่งที่เราประกาศไว้แล้ว
เหมือนเป็นการสูญเสียอธิปไตย
เมื่อรัฐบาลมองว่า เอ็มโอยู ๔๔ เป็นแค่ข้อตกลงชั่วคราว ไม่มีผลเรื่องเขตแดน
แต่การแสดงเจตนาว่าจะใช้สิทธิร่วมกัน ก็เป็นการไปแสดงเจตนารมณ์แล้วว่าพื้นที่ซึ่งอ้างว่าทับซ้อนกันไม่ใช่สิทธิของไทย ๑๐๐%
เป็นการสละอธิปไตย
เนื่องจากทรัพยากรใต้ท้องทะเลอยู่ค่อนมาทางเขตไทย
เรื่องนี้จึงใช้ตรรกะ ฉันไม่ถอย เธอก็ไม่ถอย ฉะนั้นมาแบ่งผลประโยชน์กัน ไม่ได้เด็ดขาด
อย่าลืมนะครับ กัมพูชาเตรียมการเรื่องนี้มาตลอด
ประกาศเขตไหล่ทวีปฝ่ายเดียวครั้งแรกเมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๓ แต่ประเทศไทยไม่ยอมรับเนื่องจากไม่เป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ
ต่อมากัมพูชาได้ประกาศกฤษฎีกากำหนดเขตไหล่ทวีปอีกครั้งเมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๑๕ โดยประธานาธิบดีลอน นอล ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ ๑๖,๒๐๐ ตารางไมล์
ก็เส้นที่ผ่าเกาะกูดนั่นแหละครับ
แม้การตีความของกัมพูชาไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาไทย-ฝรั่งเศส ค.ศ. ๑๙๐๗ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดเขตแดนทางบก ไม่ใช่ทางทะเล
แต่กัมพูชายึดแนวที่ตัวเองตีขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน
ไม่เปลี่ยนแปลง
รัฐบาลไทยในอดีตมีความสามารถด้านการต่างประเทศพอตัวทีเดียว
ยิ่งช่วงที่ปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งต้องต่อสู้กับการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก พระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์ไทยนั้น นักล่าอาณานิคมยังต้องเกรงขาม
แต่การต่างประเทศของรัฐบาลระบอบทักษิณ ไม่ต่างจากเอาพ่อค้ามารักษาดินแดนของประเทศ
ผลประโยชน์กลุ่มทุนมาก่อนความมั่นคงของชาติ
หากจะเกิดวิกฤตกับรัฐบาลแพทองธาร
เหตุนี้คือหนึ่งในนั้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จะเห็นปรากฏการณ์ใหม่
มวยถูกคู่จริงๆ "ทักษิณ-จตุพร" แค้นมันลึกจนปลายตีนไม่น่าจะหยั่งถึงแล้ว วิถีของทั้ง ๒ คน น่าจะบรรจบได้ยาก แต่จะเกิดปรากฏการณ์ใหม่ขึ้นมาแทน
'ทักษิณ' ภาคสุดท้าย
เป็นพื้นฐานของคนจริงๆ ครับ ความฉิบหายวายป่วงของรัฐบาลระบอบทักษิณช่วงปีที่ผ่านมา ไม่ใชเรื่องคนอื่นทำ หรือเกิดจากการกลั่นแกล้งแต่อย่างใด
โกงซ้อนโกง
ต้องยกนิ้วให้ครับ อย่าเข้าใจผิด...นิ้วโป้ง ครับ ฉายารัฐบาลถ้าไม่มีฉายา “พีระพัง” ร่วมด้วย บอกตรงๆ ว่า จืดไปเลย เพราะรู้อยู่แล้วว่า ฉายารัฐบาล และรัฐมนตรี จะออกมาแนวนี้
"ทักษิณ" ยังต้องการอำนาจ
ยังคาใจกันเยอะครับ... ตั้งแต่ "ทักษิณ ชินวัตร" กลับมาไทยในรอบ ๑๗ ปี จากนักโทษที่ไม่ยอมติดคุก เพราะป่วยวิกฤตห่างหมอไม่ได้ มีความเสี่ยงเสียชีวิตสูง
อนาคต'ส้ม-แดง'จับมือ
เข้าใจตรงกันนะครับ... ขอชมสักวัน "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" เจ้าของตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี วิเคราะห์การเมืองได้ตรงใจจริงๆ
'ทักษิณ'ไม่ใช่เจ้าของเวชระเบียน
เริ่มเห็นแนวโน้มครับ... อาจมีคนติดคุก หรือไม่ก็เสื่อมเสียเกียรติยศและศักดิ์ศรี รวมทั้งอาจสูญเสียหน้าที่การงาน เพราะร่วมขบวนการไม่ให้ "ทักษิณ ชินวัตร" ติดคุกแม้วันเดียว ไม่ใช่ ๑ คน แต่หลายคน