“ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด” กลุ่มไม่ไว้วางใจ ทักษิณ ชินวัตร ยังไม่ต้องหมดหวัง หรือหนีไปบวช พักเรื่องการเมือง หลังศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องเหตุล้มล้างการปกครอง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 และจะทำให้บรรดาลิ่วล้อนายใหญ่ตีปีก
รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กให้กำลังใจว่า เนื่องจากพยานหลักฐานเท่าที่มีในคำร้องยังไม่ชัดและมีน้ำหนักพอที่จะชี้ว่าการกระทำดังกล่าวจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่รับวินิจฉัย
“อย่าเพิ่งหมดหวังจนจะยกประเทศไปให้นายทักษิณไปเสีย ผู้ที่เชียร์นายทักษิณและพรรคเพื่อไทยก็อย่างเพิ่งตีปีกดีใจจนมั่นใจว่ารัฐบาลจะอยู่ได้จนครบเทอม อย่าลืมว่าคำร้องต่างๆ ยังอยู่ที่ กกต. ยังมีอีกหลายคำร้อง เมื่อใดที่คำร้องเรื่องการครอบงำพรรคเพื่อไทยของนายทักษิณ และการยอมถูกครอบงำของพรรคเพื่อไทย กรณีไปรับประทานมาม่ากันที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เรื่องนี้หากกรรมการ กกต.มีมติให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเมื่อใด ก็นับถอยหลังถึงวันยุบพรรคเพื่อไทยกันได้เลย”
ยังไม่ต้องพูดถึงกรณี “ชั้น 14” รายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนอยู่ในมือของ ป.ป.ช.แล้ว และการไต่สวนพยานหลักฐานมีความก้าวหน้าและมีน้ำหนักมากขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทรวงยุติธรรมและโรงพยาบาลตำรวจจะโยนกันไปมา เพื่อไม่ยอมส่งเวชระเบียนของผู้ป่วยที่ชื่อทักษิณ ชินวัตร ให้กับ ป.ป.ช. โดยอ้างว่าเป็นความลับก็ตาม
พฤติกรรมและการพูดจาของนายทักษิณในช่วงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี เป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จะเรียกว่าครอบงำหรือไม่ก็ตาม แต่นายทักษิณมีอำนาจเหนือพรรคเพื่อไทยอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าคุณทักษิณจะพูดอะไร พรรคเพื่อไทยก็ขานรับไปปฏิบัติโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น
ดังนั้นจึงมองไม่เห็นเลยว่า ทักษิณ พรรคเพื่อไทย และรัฐบาลชุดนี้จะรอดได้อย่างไร ปัญหาคือ เมื่อไม่รอดแล้วใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป รัฐบาลชุดต่อไปจะเป็นอย่างไร นี่คือเรื่องที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่า เพราะมองดูนักการเมืองที่อยู่ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีแต่ละคนแล้ว ขอบอกว่ายังไม่มีใครเหมาะสมที่จะเป็นความหวังของชาติได้เลยแม้แต่คนเดียว
๐ ทำท่าว่าการแก้รัฐธรรมนูญจะไม่ทันรัฐบาลนี้เสียแล้ว หลัง ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พยายามดิ้นสุดซอย หามุมกฎหมายเพื่อลดระยะเวลาดองกฎหมายประชามติจาก 180 วัน เหลือ 10 วัน โดยให้เหตุผลว่าเป็นกฎหมายการเงิน พร้อมยกรัฐธรรมนูญ มาตรา 138 วรรคท้าย โดยให้ กมธ.สามัญทั้ง 35 คณะ เป็นผู้ชี้ขาด
แต่ไม่ทันไร ก็ถูกจับไต๋ได้ว่าทำไม่ได้ โดย นิกร จำนง เลขานุการคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ระบุว่า เชื่อว่าไม่สามารถลดเวลาโดยอาศัยช่องทางว่าเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการเงินได้ ถ้าฝืนกระทำไปก็อาจสุ่มเสี่ยงถูกร้องว่าออกกฎหมายโดยมิชอบได้ เพราะถึงขณะนี้เป็นที่เด็ดขาดแล้วว่าร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ไม่ใช่ร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวด้วยการเงินตามที่สภาแจ้งไปยังวุฒิสภา ตามมาตรา 136 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญ กรณีจึงล่วงพ้นช่วงเวลาในการสงสัยว่าเป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงินหรือไม่นั้นไปแล้ว ที่ประชุมร่วมกันของประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานคณะกรรมาธิการสามัญของสภาผู้แทนราษฎรทุกคณะ จึงไม่มีอำนาจในการวินิจฉัยอีก หากมีการดำเนินการดังกล่าว อาจส่งผลถึงกระบวนการตรากฎหมายที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญได้
สำหรับรัฐธรรมนูญ มาตรา 136 วรรคสี่ ระบุว่า “ในกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรเสนอร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงินไปยังวุฒิสภา ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรแจ้งให้วุฒิสภาทราบและให้ถือเป็นเด็ดขาด หากมิได้แจ้ง ให้ถือว่าร่างพระราชบัญญัตินั้น ไม่เป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงิน”
งานนี้ต้องยอมรับความจริงว่ารัฐบาลไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับได้ในสมัยนี้ ฉะนั้นควรเลิกซื้อเวลา อ้างนู่น โทษนี่ และยอมรับความจริงว่าทำไม่ได้ เพราะชาวบ้านเขาชินแล้ว.
คางดำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
เลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เพชรบุรี นครศรีธรรมราช และอุดรธานี เมืองหลวงคนเสื้่อแดง 24 พฤศจิกายน ภาพรวมผู้ใช้สิทธิ์บางตา ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ประชาชนให้ความสนใจน้อยกว่าการเลือกตั้ง สส. เพียงแต่การเลือกตั้งนายก อบจ.ในครั้งนี้
บันทึกหน้า 4
22 พ.ย. ลุ้น ผลการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะ “รับ-ไม่รับ” คำร้องของ “ธีรยุทธ สุวรรณเกษร” ให้ “ทักษิณ ชินวัตร” และ “พรรคเพื่อไทย” หยุดพฤติการณ์ล้มล้างการปกครอง จาก 6 กรณี ดังนี้ หนึ่ง “ทักษิณ” ไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว
บันทึกหน้า 4
ต้องเรียกว่า “พุธพิพากษา” ของแท้ โดยเฉพาะศาลอาญาที่ได้อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 และมารดาผู้เสียชีวิตร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้อง “สรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์” หรือ “แอม ไซยาไนด์” อายุ 36 ปี
บันทึกหน้า 4
ควันหลงการหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ที่ นายทักษิณ ชินวัตร ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง นายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายก อบจ. สังกัดพรรคเพื่อไทย (พท.)
บันทึกหน้า 4
สมรภูมิเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ในวันที่ 24 พ.ย. ไม่เพียงแค่ชัยชนะของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนในสนามท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการหยั่งกระแสของทั้งสองฝ่ายในเวทีใหญ่ทางการเมืองอีกด้วย โดยเฉพาะทัพแดงนั้นแพ้ไม่ได้
บันทึกหน้า 4
บันทึกในวันครึ้มฟ้าครึ้มฝนจากผลกระทบปลายๆแถวพายุหม่านยี่ เสียงฟ้าร้องฟ้าคะนองอาจจะไม่มี แต่เสียงอื้ออึง "ทักษิณ" กลับมาแล้ว