4 กลุ่มชั่วน่ากลัวเป็นนักหนา กลุ่มที่ 5 ยิ่งน่าสยอง

ณ เวลานี้ หลายคนมองประเทศไทยด้วยความห่วงใยว่า ประเทศไทยของเราที่เป็นที่ชื่นชมของชาวโลก ทั้งการลงทุน การทำมาค้าขาย การเข้ามาพำนักยามชรา และการมาท่องเที่ยว กำลังตกอยู่ในสภาพที่อาจจะพังพินาศหรือล่มสลาย โดยมีนักวิเคราะห์หลายคนมองว่าสถานการณ์อันชั่วร้ายที่กำลังเกิดกับประเทศไทยในยามนี้ เป็นเพราะมีการรวมตัวของ 4 พลังชั่วร้าย แต่วันนี้ขอเพิ่มพลังชั่วที่ 5 อีกหนึ่งพลัง เพราะพลังที่ 5 นี้มีความเชี่ยวชาญด้านเนื้อหาและการนำเสนอ และยังมีสถานะที่ทำให้ผู้คนเชื่อถือความคิดเห็นและการชี้นำต่างๆ ได้ดีกว่า 4 พลังชั่วที่กล่าวขานกัน

ถ้าหากไม่มีใครทำอะไรเขาเลย เราจะได้เห็นว่าการทำลายล้างประเทศชาติไทยของเราก็​จะบรรลุเป้าหมายที่พวกเขาต้องการ พวกเขาอาจจะได้สิ่งที่เขาต้องการ แต่พวกเราที่ไม่ได้เป็นแนวร่วมของเขาก็ต้องพบกับความหายนะกันทุกคน เรามาดูกันว่า 4 กลุ่มคน

ชั่วเป็นใคร และเขาทำอะไรกับบ้านเมืองของเรา และกลุ่มที่ 5 ที่น่ากลัวเขาเป็นใคร และความคิดความอ่านของเขา การชี้นำของพวกเขานั้นทรงพลังเพียงใด สร้างจิตวิทยาหมู่ให้เกิดการยอมรับนักการเมืองชั่วร้ายที่สวมวิญญาณซาตานอำมหิตในการทำลายประเทศชาติได้อย่างไร

กลุ่มที่ 1 คือ กลุ่มของนักการเมืองที่ชั่วร้ายบางคน นักการเมืองชั่วพวกนี้ไม่ได้เข้ามาทำงานการเมืองเพื่อประเทศชาติและประชาชน พวกเขาเข้ามาทำงานการเมืองเพื่อแสวงหาอำนาจ เพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัว โดยไม่สนใจความเสียหายของส่วนรวม เขาสนใจแต่ผลประโยชน์ที่เขาจะได้ เขาไม่สนใจว่าประเทศชาติจะเสียหายอย่างไร และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของพวกเขา สิ่งที่เราได้เห็นคือ การประพฤติผิด คิดมิชอบ ทุจริตโกงกิน ไม่สนใจกฎหมาย ใช้อำนาจเงินและอำนาจรัฐจ้างข้าราชการให้เป็นผีโม่แป้ง หรือเป็นฝีพายที่ยอมพายเรือให้โจรนั่งด้วยความโลภ แม้ตนเองไม่ได้อยู่ในอำนาจก็จะมีตัวแทนสืบทอดการทำชั่ว พวกเขาพร้อมที่จะทำทุกอย่าง ไม่ว่าการโกหก บิดเบือน หลอกลวง ทำผิดกฎหมาย ผิดหลักจริยธรรม เพื่อให้ได้ผลประโยชน์ตามที่พวกเขาต้องการ

กลุ่มที่ 2 คือ ข้าราชการบางคนที่ทำตัวชั่วร้าย พวกเขายินดีเป็นตัวชั่ว เป็นกำลังหลักในการเปิดประตูให้นักการเมืองชั่วสามารถโกงกินได้สำเร็จ ชี้ช่องในการโกง ชี้ช่องโหว่ของกฎหมายและระเบียบต่างๆ เป็นทั้งตัวตั้งและเป็นผู้สนับสนุน เป็นแนวร่วมในการโกงกิน พวกเขายินดีร่วมมือกับนักการเมืองชั่วเพื่อตำแหน่งบ้าง เพื่อส่วนแบ่งของเงินที่โกงกินอย่างแนบแน่น บางคนก็ใช้ตำแหน่งกดขี่ ขูดรีดประชาชน เพื่อแสวงหาผลประโยชน์บนความเดือดร้อนของประชาชน เพื่อนำเอาผลประโยชน์นั้นส่งเป็นส่วยให้นักการเมืองชั่วในกลุ่มแรก ข้าราชการชั่วเหล่านี้จึงถูกขนานนามว่าเป็นผีรับจ้างโม่แป้ง หรือบางทีก็ถูกประณามว่าเป็นคนที่พายเรือให้โจรนั่ง เมื่อส่งโจรถึงฝั่งที่โจรต้องการ ก็จะได้รับค่าแรงเป็นจำนวนที่มากกว่าเงินเดือนประจำที่ได้รับหลายเท่า ข้าราชการชั่วๆ แบบนี้มีทุกระดับ ทั้งระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับท้องถิ่น พวกเขาไม่มีความละอายที่จะทำชั่ว ข้าราชการชั่วอย่างที่ว่ามานี้มีอยู่ในทุกหมู่เหล่า

กลุ่มที่ 3 ก็คือ ประชาชนชั่ว เป็นพวกที่เสพติดผลประโยชน์จากโครงการประชานิยมด้วยความเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัว ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งผู้แทนโดยพิจารณาผลประโยชน์ที่ตัวเองจะได้รับจากโครงการประชานิยม โดยไม่คำนึงว่านักการเมืองที่เอาผลประโยชน์มาให้นั้นเป็นคนดีหรือคนเลว เงินที่เขานำมาแจก ของที่เขานำมาให้นั้น เขาได้แต่ใดมา และการดำเนินโครงการดังกล่าวนั้นจะสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติหรือไม่ คนพวกนี้ไม่เคยมองไปไกลกว่าผลประโยชน์ของตนเอง เรื่องประเทศชาติไม่ต้องพูดถึง มันไม่อยู่ในความคิดคำนึงของเขาแม้แต่น้อย

พวกเขาต้องการให้นักการเมืองชั่วๆ ที่มีเงิน มีของมาแจกได้เป็นรัฐบาลตลอดไป เพื่อให้พวกเขาได้ประโยชน์ต่อไป เขาไม่มีวิสัยทัศน์เพียงพอที่จะมองว่าการกระทำของนักการเมืองชั่วๆ นั้นจะนำพาประเทศไทยเราหายนะในอนาคตได้อย่างไร พวกเขามีพฤติกรรมที่พูดกันหยาบๆ ว่า “ชอบของแจก ชอบแดกของฟรี” ไม่สนใจพัฒนาศักยภาพของตนเอง ประชาชนเช่นนี้ นักการเมืองชั่วๆ หลอกได้ง่ายด้วยโครงการประชานิยม พวกเขาทำตัวเป็นรั้วทองแดง กำแพงหลักปกป้องนักการเมืองชั่วๆ ให้ได้เป็นรัฐบาลตลอดไป ถือหลักโกงไม่ว่าถ้ามีของแจก ไม่สนใจว่าคนที่มีเงิน มีของมาแจกนั้นจะชั่วร้ายอย่างไร เข้าข่าย “ถึงร้ายก็รัก” อะไรทำนองนั้น ผลประโยชน์ได้ทำให้พวกเขามองไม่เห็นหายนะที่จะเกิดกับประเทศชาติจากการกระทำของนักการเมืองและข้าราชการชั่ว ที่น่าตกใจก็คือ ประชาชนที่คิดชั่วๆ เพราะความเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัวเช่นนี้มีจำนวนมากพอที่จะให้นักการเมืองชั่วชนะการเลือกตั้งได้ตลอดไป คนดีเขาไม่สนใจ เขาให้ความสำคัญกับสิ่งที่จะได้รับแจกเท่านั้น

กลุ่มที่ 4 คือ สื่อมวลชนชั่วที่ละทิ้งอุดมการณ์ของความเป็นสื่อ ไร้จรรยาบรรณในการทำงาน เข้าข้างนักการเมืองชั่ว ทำลายนักการเมืองดี เพื่อผลประโยชน์ทั้งในรูปแบบของการอุปถัมภ์องค์กร หรือการได้รับผลประโยชน์ส่วนตน อวยนักการเมืองขั่ว ปกปิดการทำผิดคิดชั่ว ให้พื้นที่และเวลาข่าวให้นักการเมืองชั่วที่หยิบยื่นผลประโยชน์ให้ ไม่ซื่อสัตย์ต่อจรรยาบรรณของวิชาชีพ สื่อมวลชนชั่วเหล่านี้ไม่ได้ทำงานเพื่อประชาชน ไม่ได้ทำตัวเป็นหมาเฝ้าบ้านที่ดี แต่จะทำงานเพื่อชื่อเสียงบ้าง เพื่อรายได้บ้าง โดยไม่คำนึงว่าการทำงานสื่อของตนนั้นส่งผลให้เกิดปัญหาทางด้านทัศนคติ จิตวิทยาสังคม และพฤติกรรมทางสังคมที่เลวร้ายอย่างไร พวกเขาพร้อมที่จะทำหน้าที่สื่อมวลชนเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนและองค์กรของพวกเขา มากกว่าการคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าประเทศไทยตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้เพราะสื่อมวลชนบางคนที่ชั่วร้าย

กลุ่มที่ 5 ก็คือ กลุ่มนักวิชาการที่หิวตำแหน่ง อยากได้ตำแหน่งทางการเมือง อยากเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี อยากเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ พวกนี้จะทำหน้าที่เป็นทนายหน้าหอ ใช้เนื้อหาสาระทางวิชาการอธิบายการกระทำของนักการเมืองชั่วๆ พูดขาวให้เป็นดำ พูดดำให้เป็นขาว การที่พวกเขาเป็นนักวิชาการ มีตำแหน่งทางวิชาการเป็นศาสตราจารย์บ้าง รองศาสตราจารย์บ้าง มีคุณวุฒิการศึกษาระดับปริญญาเอก ทำให้คำพูดของเขา คำอธิบายของเขาน่าเชื่อถือ นักการเมืองชั่วๆ จึงมีความพอใจนักวิชาการเหล่านี้ มอบตำแหน่งทางการเมืองให้ตามที่พวกเขาต้องการ

ความชั่วร้ายของคน 5 กลุ่มดังกล่าวข้างต้น ส่งผลให้ประเทศไทยเราตกอยู่ในสภาพที่น่าเป็นห่วง เพราะเมื่อถึงวันที่เราพังพินาศ ผลกระทบจะเกิดกับผู้คนทุกคนในประเทศ ไม่ได้เกิดขึ้นกับประชาชนที่ลงคะแนนเลือกนักการเมืองชั่วๆ เหล่านั้นเท่านั้น และคนที่เลือกนักการเมืองชั่วเข้ามาโกงกินบ้านเมืองก็คงรับผิดชอบอะไรไม่ได้ แก้ไขอะไรไม่ได้ พวกเราที่ไม่ได้เลือกนักการเมืองชั่วเหล่านั้น ไม่ได้ชื่นชมสื่อชั่วๆ เหล่านั้น ไม่ได้เชื่อถือนักวิชาการเหล่านั้น ก็พลอยซวยไปด้วย เราจะอยู่กันแบบนี้โดยไม่คิดแก้ไขอะไรเลยหรือ ทำไมคนไทยจึงมีความอดทนกับความชั่วได้สูงมากขนาดนี้ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ ถ้ายังเป็นไทยเฉยกันแบบนี้ คงได้หลั่งน้ำตากันในไม่ช้านี้นะคะ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พรปีใหม่ 2569

จะปีนั้น-ปีนี้...ใช่ปีใหม่ แค่ เวลา เลื่อนไหลไปตามวิถี ไม่ว่า ใหม่ หรือ เก่า ก็เท่านี้ เท่าที่ สิ่งนี้-สิ่งนี้ ...จะเป็นไป

สดุดี 'ทหาร-ตำรวจ'

สัปดาห์สุดท้ายปลายปี 2568 และกำลังจะก้าวเข้าสู่ "ปีใหม่" พุทธศักราช 2569 แวดวง "กากีกะสีเขียว" ตลอดปีที่ผ่านมา มีเรื่องราวมากมายหลากหลาย โดยเฉพาะสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

ประเทศไทยในโลกแห่งความเปลี่ยนแปลง!!!

จากที่เคยเรียกๆ กันว่า คุณพ่ออเมริกา อันเนื่องมาจากความยิ่งใหญ่ เกรียงไกร ระดับสามารถ สั่งหันซ้าย-หันขวา ใครต่อใครมาทั่วทั้งโลก แม้แต่ประเทศไทยแลนด์

ถึงคิว 'ปอยเปต'

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)

อันตรายของ'พรรคการเมือง'และ'ชาติบ้านเมือง'!!!

จะเป็นเดือนนี้-ปีนี้ หรือเดือนหน้า-ปีหน้า...ก็ยังมิอาจสรุปได้ ว่ารัฐบาล เสี่ยหนู ท่านจะ ยุบสภา กันในช่วงไหน จังหวะไหน (ล่าสุด...เห็นว่าทูลเกล้าฯ ถวายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว)