"๒๒ พฤศจิกา." คือวันนี้ละ
ได้รู้กันซะทีว่าศาลรัฐธรรมนูญจะ "รับ-ไม่รับ" คำร้อง "นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร" ไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่?
ที่ร้องขอให้ศาลฯ วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๔๙ โดยกล่าวหาว่า "นายทักษิณ ชินวัตร" และ "พรรคเพื่อไทย"
ร่วมกันใช้สิทธิหรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ใน ๖ ประเด็น มีดังนี้
ประเด็นที่ ๑ ทักษิณสั่งรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ
ให้เอื้อประโยชน์แก่ตัวเอง ให้พักอาศัยอยู่ห้องพัก ชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจ ในระหว่างรับโทษจำคุก
เพื่อให้ไม่ต้องรับโทษในเรือนจำ ทั้งที่ไม่พบว่ามีอาการป่วยขั้นวิกฤต
ประเด็นที่ ๒ ทักษิณสั่งรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์แก่ "สมเด็จฮุน เซน" ให้มีการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล
เพื่อแบ่งผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติและทรัพยากรใต้ทะเลในเขตอธิปไตยทางทะเลของไทยให้แก่กัมพูชา
ประเด็นที่ ๓ ทักษิณสั่งให้พรรคเพื่อไทยร่วมมือแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคประชาชน ซึ่งเป็นพรรคก่อตั้งโดยกลุ่มการเมืองของพรรคก้าวไกลเดิม
ที่ต้องคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่า "มีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข"
ประเด็นที่ ๔ ทักษิณสั่งแทนพรรคเพื่อไทยเจรจากับแกนนำพรรคการเมืองอื่นที่ร่วมรัฐบาล "นายเศรษฐา ทวีสิน" อดีตนายกฯ
เพื่อหารือการเสนอชื่อบุคคลผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่บ้านพักส่วนตัวของทักษิณ
ประเด็นที่ ๕ ทักษิณสั่งให้พรรคเพื่อไทยมีมติขับพรรคพลังประชารัฐ ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล
ประเด็นที่ ๖ ทักษิณสั่งให้พรรคเพื่อไทยนำนโยบายของตน ที่แสดงวิสัยทัศน์ไว้ ไปดำเนินการให้เป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา
ทั้ง ๖ ประเด็นนี้ ....
ก็วันนี้แหละ ศาลฯ ประชุมกันจะ "รับ-ไม่รับ" คำร้องทั้ง ๖ ประเด็นนั้นไว้พิจารณาวินิจฉัย หรือรับไว้พิจารณาวินิจฉัยเฉพาะบางประเด็น?
ห้วงเวลานี้ เราควรให้เกียรติศาล ไม่ควรพูดจาในเชิงชี้นำไปทางใด-ทางหนึ่ง ฉะนั้น "รอฟังศาล" นั่นแหละ ดีที่สุด!
ประเด็นที่เราควรคุยเพื่อขจัดความสับสน-สงสัยบางประการ ก็คือในมุมเกี่ยวเนื่องกับขั้นตอน "อัยการสูงสุด"
เพราะ ๒-๓ วันก่อน มีข่าวเผยแพร่ว่า "นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ" อัยการสูงสุด
ส่งบันทึกสอบถ้อยคำทั้งพยานฝ่ายผู้ร้องเเละผู้ถูกร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมความเห็นว่า...
"เรื่องนี้ไม่เข้าหลักเกณฑ์ว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง จึงมีคำสั่งไม่รับดำเนินการตามที่ร้องขอ ซึ่งเป็นไปตามความเห็นของคณะทำงานที่เสนอมายังอัยการสูงสุดก่อนหน้านี้"
ตรงนี้ บางคนอาจเข้าใจสับสน ว่าอัยการสูงสุดดำเนินการแล้ว ทั้งมีความเห็นว่า ไม่เข้าหลักเกณฑ์การล้มล้างการปกครอง สั่งไม่รับดำเนินการตามที่นายธีรยุทธร้องขอไปแล้ว
เมื่อเห็นข่าวเช่นนี้.....
ก็อาจเข้าใจกันว่า "เรื่องจบแล้ว" ในเมื่ออัยการสูงสุดพิจารณาวินิจฉัยเช่นนั้น ก็ไม่จำเป็นที่ศาลฯ จะรับเรื่องไว้พิจารณาวินิจฉัยอีก
ดังนั้น วันนี้ ก็ไม่มีอะไรต้องลุ้นอีกว่าศาลฯ จะ "รับ-ไม่รับ" แล้ว!
ฟังเผินๆ อาจมีคนเข้าใจอย่างนั้น แต่ไม่ใช่หรอกครับ
เรื่องกฎหมาย พูดลอยๆ มันก็เลื่อนลอย มันต้องมีหลักเป็นบรรทัดฐานบ่งชี้ในทางยึดถือ "ความใช่-ไม่ใช่" กันบ้าง
ฉะนั้น เรามาไล่เรียงกันดู ก่อนอื่นต้องทราบเป็นพื้นฐานว่า การร้องของนายธีรยุทธนี้
เขาร้องตาม "รัฐธรรมนูญมาตรา ๔๙" ที่บอกว่า
"บุคคลจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้
ผู้ใดทราบว่ามีการกระทำตามวรรคหนึ่ง ย่อมมีสิทธิร้องต่ออัยการสูงสุดเพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าวได้
ในกรณีที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่รับดำเนินการตามที่ร้องขอ หรือไม่ดำเนินการภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ
ผู้ร้องขอจะยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญก็ได้
การดำเนินการตามมาตรานี้ไม่กระทบต่อการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการตามวรรคหนึ่ง"
สรุปประเด็น จะไปร้องศาลฯ โดยตรงไม่ได้ ต้องไปร้องที่อัยการสูงสุด ให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ร้องขอให้ศาลฯ วินิจฉัยสั่งการ
ถ้า อสส. "ไม่รับดำเนินการ" หรือ "ไม่ดำเนินการ" ภายใน ๑๕ วัน ผู้ร้องถึงจะมีสิทธิไปยื่นร้องต่อ "ศาลรัฐธรรมนูญ" ได้เลย!
เอ้า...ทีนี้มาดูนะ...
ว่าเมื่อนายธีรยุทธร้องต่อ อสส.แล้ว อสส.ดำเนินการอย่างไร?
-๒๔ กันยา.๖๗ นายธีรยุทธไปยื่นคำร้องอัยการสูงสุด
-๒๕..๒๖..๒๗...กันยา.ไปจนถึง ๘ ตุลา.ครบ ๑๕ วัน
ปรากฏว่า "ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จากปลายสาย"!
ความหมายก็คือ ยื่นต่ออัยการสูงสุดแล้ว เก็บเรื่องไว้เฉยๆ ไม่ดำเนินการอะไรเลย จนครบ ๑๕ วัน
มันก็เข้าตามวรรค ๓ ของมาตรา ๔๙ "ผู้ร้องขอจะยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญก็ได้"
ดังนั้น....
-๑๐ ตุลา.๖๗ นายธีรยุทธ จึงไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ
-๒๒ ตุลา.๖๗ ศาลฯ มีหนังสือสอบถามไปทาง อสส.ว่า "ดำเนินการตามคำร้องของนายธีรยุทธไปแล้วอย่างไร...รวบรวมพยานหลักฐานได้เพียงใด?"
"ให้ทาง อสส.รวบรวมสิ่งที่ดำเนินการไปแล้วพร้อมพยานหลักฐานทั้งหมดส่งให้ศาลฯ ภายใน ๑๕ วัน"
-๘ พฤศจิกา.๖๗ อัยการสูงสุดมีความเห็นส่งถึงศาลฯ ว่า "เรื่องนี้ไม่เข้าหลักเกณฑ์ว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง"
จึงไม่ได้ดำเนินการรับคำร้องและได้ส่งบันทึกสอบถ้อยคำทั้งพยานฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ
ฟังเช่นนี้แล้ว เราก็มาดูรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๙...
ดู "วัน-เวลา" เส้นทางเดินของเรื่องตามขั้นตอนทั้งหมด จนถึงวันที่ ๒๒ พฤศจิกา.คือวันนี้
ก็เห็นชัดว่า นายธีรยุทธไปยื่นอัยการสูงสุด ๒๔ กันยา. แต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จากทาง อสส.
๑๐ ตุลา.จึงไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ
จน ๒๒ ตุลา.ศาลฯ ประชุมพิจารณาคำร้องนายธีรยุทธแล้ว ถึงได้ถามกลับไปที่ อสส.ว่าดำเนินการตามคำร้องไปแล้วอย่างไร ให้รวบรวมทั้งหมดส่งให้ศาลฯ ภายใน ๑๕ วัน
ในข้อควรจะเป็น ถ้า อสส.รับเรื่้องแล้วดำเนินการ ไม่ได้นำเรื่องไปดอง ศาลฯ ร้องขอ ก็สามารถรวบรวมสิ่งที่ดำเนินการไปแล้วส่งมอบให้ศาลได้ทันที
แต่ปรากฏว่า หลังจากที่ศาลฯ ขอไป
ทางอัยการสูงสุด ถึงเรียกผู้ร้อง "นายธีรยุทธ" ไปให้ถ้อยคำ เรียกผู้ถูกร้องที่ ๒ "พรรคเพื่อไทย" โดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล ไปให้ถ้อยคำ
จนเมื่อ ๑๙ พฤศจิกา.นี่เอง ปรากฏเป็นข่าวออกมาว่า
เมื่อ ๘ พฤศจิกา....
"นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ" อสส.ส่งบันทึกสอบถ้อยคำทั้งพยานฝ่ายผู้ร้องเเละผู้ถูกร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเเล้ว
พร้อมความเห็นเเจ้งไปยังศาลฯ เห็นว่า....
"เรื่องนี้ไม่เข้าหลักเกณฑ์ว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง จึงมีคำสั่งไม่รับดำเนินการตามที่ร้องขอ ซึ่งเป็นไปตามความเห็นของคณะทำงานที่เสนอมายังอัยการสูงสุดก่อนหน้านี้"
เหล่านี้ ยืนยันด้วยตัวมันเองว่า ตอนนายธีรยุทธร้อง อสส.รับเรื่องแล้ว ไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย จนครบ ๑๕ วัน
เพิ่งดำเนินการภายหลัง คือหลังจากที่นายธีรยุทธไปยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ
และศาลฯ ถามกลับไปที่ อสส.ว่าดำเนินการไปแล้วอย่างไรบ้างนั่นแหละ
ถ้าจะตอบตามตรงเดี๋ยวนั้น ก็คงต้องตอบว่า "ทาง อสส.ไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย"!
ก็คงตอบอย่างนั้นไม่ได้ เพราะอย่างนั้น จึงต้องเรียกผู้ร้องและผู้ถูกร้องสอบถ้อยคำย้อนหลัง
"ดำเนินการ" เพียงเพื่อใช้ "ตอบคำถามศาลฯ" เท่านั้น!
ไม่ใช่การดำเนินการภายใต้เงื่อนไขรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๙ ว่าเป็นการ "วินิจฉัยสั่งการ" ของ อสส.เมื่อรับคำร้องของนายธีรยุทธไปแล้วแต่อย่างใด
เพราะเรื่องมัน "พ้นขั้นตอนอำนาจ" อัยการสูงสุดไปอยู่ในเขตอำนาจพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว!
ฉะนั้น การดำเนินการ "ย้อนหลัง" และความเห็น อสส.
ไม่ต่างนักเรียนส่ง "คำตอบข้อสอบ" แก้เก้อ แถมส่งหลังระฆัง "หมดเวลา" ดังแล้วด้วยซ้ำ!
ฉะนั้น "ไม่มีผล-ไม่มีความหมาย" อะไร ต่อการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ ประเด็น "รับ-ไม่รับ" คำร้องของนายธีรยุทธ
ดูกระดาษคำตอบอัยการสูงสุด ยิ่งน่าสงสาร เรื่องนี้ พูดง่ายๆ จำเลยมี ๒ คน โจทก์ ๑ คน คือนายธีรยุทธ
ทักษิณ เป็น "จำเลยที่ ๑" พรรคเพื่อไทยเป็น "จำเลยที่ ๒"
แต่ อสส.เรียกเพียงโจทก์ กับ จำเลยที่ ๒ เท่านั้น ไปให้ถ้อยคำ
แต่ "จำเลยที่ ๑" คือ "นายทักษิณ ชินวัตร" ข่าวไม่ปรากฏว่า ทาง อสส.เรียกไปให้ถ้อยคำด้วยแต่อย่างใด!?
ปกติ "จำเลยที่ ๑" นี่แหละ ตัวการ แต่ อสส.นอกจากไม่เรียกสอบแล้ว แต่กลับมีความเห็นว่า
"เรื่องนี้ไม่เข้าหลักเกณฑ์เป็นการล้มล้างการปกครอง จึงมีคำสั่งไม่รับดำเนินการตามที่ร้องขอ"!?
อืมมมม...เข้าข่าย "ความเห็นทิพย์" หรือไม่หนอ?
-เปลว สีเงิน
๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
คนปลายซอย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถ้าไม่รู้ทัน "มันกินเรียบ"
"ตรรกะโจร" บางเรื่องนี่ ใช้ได้นะ เช่นที่พูดว่า "ผลไม้พิษย่อมมาจากต้นไม้พิษ"
'หลวงพ่อทวด' สำเร็จแล้ว
คุยเรื่องบาปมาหลายวัน วันนี้คุยเรื่องบุญกันนิด! แต่ขอเตือนความจำกันก่อน
2 สว. 'พิสิษฐ์-ชาญวิศว์' ปักธงพิทักษ์ รธน. ปกป้องสถาบันฯ I อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร
อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร : วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม 2567
เรื่องนี้ 'ทักษิณ' ต้องอ่าน
ใครไม่อ่านวันนี้ ห้ามคุยเป็นแฟนคลับ "เปลว สีเงิน! เนื้อหาทั้งหมด นำมาจาก The room 44 ประทับใจหาดูได้ในช่องยูทูบ
'ให้มันรู้ไปว่าเหนือกรรม'
เข็มยาว "นาฬิกากรรม" กระดิกไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกัน เข็มสั้น "นาฬิกาเวร" บนข้อมือทักษิณ ริกๆ รออยู่ "แดน ๔" พื้นที่คุมขังและเรือนนอนของผู้ต้องขังชาย!
สัประยุทธ์ 'ธรรมะ-อธรรม'
"กฎหมาย" มีไว้สร้างสมดุลทาง "สังคมเป็นธรรม" แต่ทุกวันนี้ คนใน "๓ สถาบันอำนาจ" คือ อำนาจนิติบัญญัติ, อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ "บางคน"