ผลาญเงินแผ่นดิน

รอวันฉิบหายครับ...

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบสิ้นคิดของรัฐบาล นึกอะไรไม่ออกก็แจกเงิน ผลาญงบประมาณแผ่นดินหมดไปกับความมักง่ายของนักการเมือง

 รัฐบาลเตรียมแจกเงินหมื่นล็อตสอง

ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจวานนี้ (๑๙ พฤศจิกายน) "มาดามแพ" นั่งหัวโต๊ะ เคาะโครงการแจกเงินสดๆ หมื่นบาท ให้ผู้สูงอายุ ๖๐ ปีขึ้นไป

ตัวเลขกลมๆ ๔ ล้านคน ๔ หมื่นล้านบาท

แจกเป็นอั่งเปาต้อนรับตรุษจีน

นโยบายประชานิยมชัดๆ

ก่อนนี้หน้าไหนที่บอกว่า การแจกเงินหมื่นของรัฐบาล จะเกิดพายุหมุน ๔ ลูก เศรษฐกิจจะเปรี้ยงติดลมบน

แจกล็อตแรกกลุ่มเปราะบาง ๑๔.๕๕ ล้านคน พายุหมุนลูกแรกหมุนหรือยัง

เงียบกริบ!

สวนทางกับที่ "มาดามแพ" พูดไว้เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายนที่ผ่านมา

 “วันนี้ที่ประเทศไทยจะถูกกระตุ้นครั้งใหญ่ โดยเงินสดจะถึงมือคนไทย ระบบเศรษฐกิจจะถูกเติมเงินหมุนเวียนกว่า ๑๔๕,๕๕๒ ล้านบาท เป็นการสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจลูกใหญ่ลูกแรก ที่จะทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง"

ไหนล่ะครับ

มีหลักฐานยืนยันพายุหมุนลูกแรกหรือเปล่า

ลูกไม่เล็กนะครับ เพราะ "มาดาม" บอกเองว่าลูกใหญ่  มันต้องทิ้งร่องรอยไว้บ้างสิครับ

รอบแรกใช้เงินร่วมๆ ๑.๕ แสนล้านบาท รอบสองใช้แค่ ๔ หมื่นล้านบาท น้อยกว่ากันเยอะ

รอบแรกยังหมุนไม่ไหว แล้วรอบสองจะไปกระตุ้นอะไรได้

พัดมดยังไม่ปลิวเลยครับ

พายุหมุน ๔ ลูกมีจริงครับ...โน้นที่ฟิลิปปินส์ 

ตลอดเดือนนี้ พายุไต้ฝุ่น ๔ ลูกมีชื่อว่า หยินซิ่ง (Yinxing), โทราจี (Toraji), อุซางิ (Usagi) และหม่านหยี่  (Man-Yi) ซัดฟิลิปปินส์กลิ้งไปแล้ว

เจอแบบนี้สมควรแจกเงินหมื่นให้ประชาชน

แต่ที่ไทย มีเหตุอะไรต้องแจก

ต่อให้รัฐบาลอ้างว่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แล้วมันกระตุ้นได้จริงหรือเปล่า

หรือแค่กระตุ้นสันดานแจกของนักการเมือง

ทำแบบนี้รัฐบาลพังเอาง่ายๆ นะครับ

ก่อนการยกร่างรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ ที่นักการเมืองกำลังรวมหัวกันแก้ไขอยู่นี้ มีการพูดถึงการแข่งกันทำนโยบายประชานิยมของพรรคการเมืองกันเยอะ

บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ มีเจตนารมณ์ป้องกันการทำนโยบายประชานิยมอย่างชัดเจน

ความปรากฏในมาตรา ๓๕ คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญต้องจัดทําร่างรัฐธรรมนูญให้ครอบคลุมเรื่องดังต่อไปนี้ด้วย

 (๗) กลไกที่มีประสิทธิภาพในการปรับโครงสร้างและขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจและสังคมเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมอย่างยั่งยืน และป้องกันการบริหารราชการแผ่นดินที่มุ่งสร้างความนิยมทางการเมืองที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนในระยะยาว

 (๘) กลไกที่มีประสิทธิภาพในการใช้จ่ายเงินของรัฐให้เป็นไปอย่างคุ้มค่าและตอบสนองต่อประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนโดยสอดคล้องกับสถานะทางการเงินการคลังของประเทศ และกลไกการตรวจสอบและเปิดเผยการใช้จ่ายเงินของรัฐที่มีประสิทธิภาพ

ที่ต้องระบุไว้เช่นนี้ เพราะนโยบายประชานิยมมักนำมาซึ่งภาระด้านงบประมาณแผ่นดินจำนวนมหาศาล       

มิใช่มาตรการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำอย่างยั่งยืนแต่อย่างใด

มีการขาดดุลงบประมาณภาครัฐอย่างต่อเนื่อง โดยการที่รัฐต้องกู้ยืมเงินเพื่อนำมาใช้จ่ายในโครงการประชานิยมอย่างต่อเนื่องทุกปี ทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มมากขึ้น

งบประมาณปี ๒๕๖๘ การขาดดุลงบประมาณถึงได้มากเป็นประวัติการณ์           

ฉะนั้นเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ คือการตรวจสอบการทำนโยบายของฝ่ายบริหารอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะนโยบายประชานิยม

แต่ดูเหมือนว่าถูกละเลยกันอย่างเป็นระบบ

กกต.ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบนโยบายพรรคการเมือง ไม่ได้ใส่ใจนัก

มิหนำซ้ำประชาชนเองก็นิยมชมชอบพรรคการเมืองที่ใช้นโยบายประชานิยมอีกต่างหาก 

การซื้อขายนโยบายประชานิยมในการเลือกตั้งจึงเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง

เราผ่านการบริหารราชการแผ่นดินที่มุ่งสร้างความนิยมทางการเมือง และก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนในระยะยาวมาแล้ว แต่น้อยคนที่จะตระหนักถึง

มีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ อย่างน้อย ๒ มาตรา ห้ามทำนโยบายประชานิยม

มาตรา ๖๒ บัญญัติไว้ว่า

"รัฐต้องรักษาวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ฐานะทางการเงินการคลังของรัฐมีเสถียรภาพและมั่นคงอย่างยั่งยืนตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ และจัดระบบภาษีให้เกิดความเป็นธรรมแก่สังคม"

มาตรา ๒๔๕ บัญญัติว่า

 “เพื่อประโยชน์ในการระงับหรือยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่การเงินการคลังของรัฐ ให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินเสนอผลการตรวจสอบการกระทำที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐและอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่การเงินการคลังของรัฐอย่างร้ายแรง ต่อคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเพื่อพิจารณา

ในกรณีที่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเห็นพ้องด้วยกับผลการตรวจสอบดังกล่าว ให้ปรึกษาหารือร่วมกับคณะกรรมการการเลือกตั้งและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หากที่ประชุมร่วมเห็นพ้องกับผลการตรวจสอบนั้น ให้ร่วมกันมีหนังสือแจ้งสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภาและคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบโดยไม่ชักช้า และให้เปิดเผยผลการตรวจสอบดังกล่าวต่อประชาชนเพื่อทราบด้วย”

นอกจากนี้พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๙ บัญญัติว่า

 “คณะรัฐมนตรีต้องรักษาวินัยในกิจการที่เกี่ยวกับเงินแผ่นดินตามพระราชบัญญัตินี้อย่างเคร่งครัดในการพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวกับนโยบายการคลัง การจัดทำงบประมาณ การจัดหารายได้ การใช้จ่าย การบริหารการเงินการคลัง และการก่อหนี้ คณะรัฐมนตรีต้องพิจารณาประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับ ความคุ้มค่า และภาระการเงินการคลังที่เกิดขึ้นแก่รัฐ รวมถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่การเงินการคลังของรัฐอย่างรอบคอบ คณะรัฐมนตรีต้องไม่บริหารราชการแผ่นดินโดยมุ่งสร้างความนิยมทางการเมืองที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนในระยะยาว”

กฎหมายมันมีอยู่ แต่ไม่มีใครสนใจ

นักร้องว่าไงครับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ป่าส้ม' ล้อมเมือง

นับเป็นมิติใหม่ทางการเมือง... ปกติเลือกตั้งท้องถิ่น ไม่ใคร่จะเป็นที่สนใจของประชาชนในวงกว้างทั้งประเทศนัก

'ทักษิณ' จนมุม!

ฟังหูไว้หู "ทักษิณ" กำลังจะจนมุม! คดีผู้ป่วยเสี่ยงเสียชีวิตที่ห้องวีไอพี ชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจ กำลังมาถึงจุดสำคัญ

'ทอน-แม้ว' ไม่ต่าง

ใครโกหก... ระหว่าง "ทักษิณ" กับ "ธนาธร" "ก้าวไกล-เพื่อไทย" ไม่ได้ร่วมรัฐบาลกันเพราะเงื่อนไข ม.๑๑๒ อย่างที่ "ทักษิณ" พูดจริงหรือไม่

พ่อเหลิงอำนาจลูก

เตรียมรับเพิ่มไปอีกคดีครับ... งานนี้ไม่น่ารอด "ทักษิณ ชินวัตร" ทำตัวพองมากไป คิดว่ามีกำลังภายใน สามารถหลบเลี่ยงกฎหมายได้ทุกเรื่อง

'เอ็มโอยูเถื่อน'

กระทรวงการต่างประเทศต้องอธิบายแล้วล่ะครับ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร

ผิดมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๔

เรียกผิดให้เรียกใหม่ครับ ไม่ใช่ "พื้นที่ทับซ้อน" แต่เป็น "พื้นที่อ้างสิทธิ" เป็นข้อแนะนำจาก เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา "ปกรณ์ นิลประพันธ์"