เมื่อ 'ธรรมชาติ' กำลังแก้แค้น-เอาคืน!!!

เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาของบ้านเรา...ท่านเคยคาดๆ ไว้ว่า ฤดูหนาว ปีนี้น่าจะมาถึงประมาณปลายสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคม ซึ่งต้องถือว่าค่อนข้างช้ากว่าค่าเฉลี่ยโดยปกติ แต่สุดท้าย...ก็ต้องเลื่อนไปอีก จนกระทั่งวันที่ 3 พฤศจิกายนนั่นแหละ ที่ผู้อำนวยการส่วนพยากรณ์กลาง กรมอุตุฯ คุณ สมควร ต้นจาน ท่านถึงได้กล้าออกมาป่าวประกาศระหว่างให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ไทยพีบีเอส ว่าฤดูหนาวปีนี้ได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว...

แต่ก็นั่นแหละ...ช่วงเที่ยงๆ-บ่ายๆ ระหว่างที่ปั่นต้นฉบับชิ้นนี้เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ยังคงร้อนตับแลบ ม้ามแลบ ชนิดคุณ แอร์กี่ ยังแทบเอาไม่อยู่ ไม่ได้กลิ่นลมหนาวโชยมาให้พอ ฮึ้มฮึม-ฮึ้มม์ม์ม์ฮึ่มม์ม์ม์

เอาเลยแม้แต่น้อย ซึ่งคงจะไปโทษกรมอุตุนิยมวิทยาท่านไม่น่าจะได้ เพราะไม่ว่าจะกรมอุตุฯ บ้านเรา หรือบ้านใคร-ต่อใคร ต่างก็ยากส์ส์ส์ที่จะทำนายทายทักความเป็นไปของอุณหภูมิอากาศของโลกปัจุบัน กันได้แบบเป๊ะๆๆๆ เนื่องจากทุกสิ่งทุกอย่างมันวิปริต ผิดเพี้ยน ไปจากเดิมหรือจากเท่าที่เคยเป็นมา อย่างชนิดไม่ว่ากรมอุตุฯ ประเทศไหนต่อประเทศไหน หนีไม่พ้นต้อง งงเป็นไก่ตาแตก ไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งพวง...

ไม่ว่าจะกรมอุตุนิยมฯ ซาอุดีอาระเบีย...ที่คงคาดไม่ถึงว่าท่ามกลางทะเลทรายร้อนๆ ของประเทศซาอุฯ จะมี หิมะตก ชนิดขาวสล้างประดุจพรมผืนใหญ่ไปแทบจะทั่วทั้งทะเลทราย แม้แต่อูฐยังได้แต่ยืนทำตาปริบๆ ขณะทั้งขน ทั้งโหนก เต็มไปด้วยเกล็ดน้ำแข็ง ปุยหิมะ ครอบคลุมไปทั่วร่าง ไม่ต่างไปจากกรมอุตุนิยมฯ แอฟริกาใต้ ที่แม้จะอยู่ใต้สุดดินแดนทวีปแอฟริกาที่ร้อนแสนร้อนมาโดยตลอด จนผู้คนต้องตัวดำเป็นเหนี่ยงมาตั้งแต่แรกจนตราบทุกวันนี้ แต่จู่ๆ...ก็ดันเจอกับหิมะโปรยปรายไปทั่วทั้งประเทศ แบบเดียวกับที่พวกฝรั่งผิวขาวเคยเจอมาจนชินแล้ว-ชินอีก...

แม้แต่กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นที่มีเครื่องมือ-เครื่องไม้แบบทันสมัยสุดๆ ก็เถอะ!!! จากที่เคยได้เห็น หมวกหิมะ บนยอดเขาฟูจิในช่วงทุกๆ หน้าหนาวมาโดยตลอดปีตลอดชาติ แต่มาคราวนี้...นอกจากหมวกมันจะมาล่า มาช้า กว่าทุกครั้งที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ มันกลับใส่หมวกอยู่แค่ไม่กี่วัน ก็ดันถอดหมวกเอาดื้อๆ หรือได้แสดงออกถึงความวิปริต ผิดเพี้ยน แบบชนิด หักปากกาเซียน หรือหักปากกากรมอุตุนิยมวิทยาในแต่ละประเทศไปแล้วไม่รู้จะกี่ด้ามต่อกี่ด้าม อันอาจถือเป็นการ ส่งสัญญาณ ที่ค่อนข้างจะชัดเจน ว่าถึงเวลาที่ ธรรมชาติท่านกำลังคิดจะเอาคืน ต่อโลกใบนี้ อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงใดๆ ได้เลย...

ดังนั้น...ไม่ว่าจะเป็นพวก โลกขั้วอำนาจเดียว หรือพวก โลกหลายขั้วอำนาจ ก็ตามที ที่กำลังโรมรันพันตูหวังจะหมุนโลกเปลี่ยนโลกให้เป็นไปตามแนวที่ตัวเองปรารถนาและต้องการให้จงได้ แต่สุดท้าย...อาจไม่มีฝ่ายใดที่จะกลายเป็น ฝ่ายชนะ ไปด้วยกันทั้งสิ้น หรืออาจมีแต่ต้อง แพ้...กับ...แพ้ ไปด้วยกันทุกฝ่าย เพราะไม่ว่าโลกแบบไหนต่อแบบไหน ต่างล้วนแล้วแต่อยู่ภายใต้ อำนาจแห่งธรรมชาติ ไปด้วยกันทั้งนั้น แม้ว่าพวก โลกขั้วอำนาจเดียว กำลังใกล้เจ๊ง หวิดเจ๊ง อยู่รอมร่อ แต่ก็นั่นใช่จะส่งผลให้บรรดาพวก โลกหลายขั้วอำนาจ จะสามารถร่าเริง ยินดีปรีดา นับจากนี้ไปโดยตลอดก็หาไม่ เพราะโดยการ เอาคืน ของธรรมชาตินั้น ท่านคงไม่ได้สนใจความผิดแผก แตกต่าง ของแต่ละฝ่ายเอาเลยแม้แต่น้อย ไม่ต่างไปจาก แสงสว่าง ที่สาดส่องไปทั่วทุกพื้นที่ ไปยังคนดีและคนชั่ว โดยมิได้มี ข้อยกเว้น ใดๆ เลย...

อันนี้นี่แหละ...ที่จะทำให้โลกใบนี้ หรือนับจากนี้ ออกจะเป็นอะไรที่น่าหวาดหวั่น ขวัญสยอง น่าเกลียด น่ากลัว มิใช่น้อย หรืออย่างที่ศาสตราจารย์ชาวอังกฤษ Dr.James Ephraim Lovelock ผู้เชี่ยวชาญด้านบรรยากาศธรรมชาติชั้นแนวหน้าของโลกท่านเคยทำนาย ทายทัก เอาไว้ในหนังสือเรื่อง The Revenge of Gaia: Why the Earth is Fighting Back and How We can Still Save Humanity ตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ.2006 โน่นเลย ถึงขั้นว่า... “การโจมตีกลับหรือการเอาคืนของธรรมชาติที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ จะรุนแรงยิ่งกว่าที่เคยเกิดขึ้นเมื่อยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้าย และเคยทำให้มนุษย์นีแอนเดอร์ทัลสูญพันธุ์มาแล้ว โดย ณ เวลานั้น ประชากรโลกนับพันๆ ล้านจะไร้ที่อยู่อาศัย ไร้ที่ทำกิน ไร้อาหารอย่างที่ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือได้ ภายในไม่เกินศตวรรษที่ 21 ผู้คนนับพันๆ ล้านจะต้องล้มตาย ส่วนผู้ที่เหลือรอดจำนวนไม่มากนัก อาจต้องอพยพไปอาศัยในพื้นที่ซึ่งสภาวะอากาศยังอยู่ในสภาพพอทนได้!!!”...

นี่..ฟังแล้วออกจะน่าขนลุก ขนพอง พอๆ กับ สงครามนิวเคลียร์ หรืออาจหนักยิ่งกว่าเอาเลยก็ไม่แน่ แต่ก็นั่นแหละโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลง แก้ไข ป้องกันและเยียวยา มันน่าจะลำบากยิ่งเข้าไปทุกที ด้วยเหตุนี้ ชัยชนะ และ ความพ่ายแพ้ ของแต่ละฝ่าย ไม่ว่าในระดับโลก อย่างพวก โลกขั้วอำนาจเดียว กับ โลกหลายขั้วอำนาจ ในระดับประเทศต่อประเทศอย่างยูเครน-รัสเซีย อิสราเอล-ฮามาส-เลบานอน-อิหร่าน หรือในระดับสังคมอย่างพวกฝ่ายซ้าย-ฝ่ายขวา ประชาธิปไตยหรือเผด็จการ ไปจนกระทั่งระดับปัจเจกบุคคล ฯลฯ เลยแทบไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไรกี่มาก-น้อย หรือแทบกลายเป็นเรื่อง ขี้ปะติ๋ว เอาเลยก็ว่าได้ เพราะสิ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ต่างฝ่ายต่างหนีไม่พ้นต้องหาทางปรับตัว ปรับใจ ให้เหมาะสม สอดคล้อง กับความเป็นไปของธรรมชาติ หรือให้ตั้งอยู่ใน ครรลอง-คลองธรรม ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้...นั่นแล.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หมดปัญญา...เทวดาต้องรอด

เวลานี้ มีคนบางคนทำผิดกฎหมาย ไม่ให้ค่ารัฐธรรมนูญ บดขยี้กระบวนการยุติธรรมจนป่นปี้ แล้วปรากฏว่าเขาไม่มีความผิดใดๆ ไม่มีหน่วยงานใด ไม่มีกฎหมายมาตราใดจะเอาโทษเขาได้

ว่าด้วยความสำคัญของ 'จังหวะ' และ 'โอกาส'

อาทิตย์นี้...ก็ 22 ธันวา.เข้าไปแล้ว อีกแค่ไม่กี่วันก็ถึงช่วงจังหวะ คริสต์มาส ที่คงมีโอกาสได้ยิน ได้ฟัง บทเพลงอันสุดจะซาบซึ้ง ตรึงใจ ไม่ว่าประเภท จงกระเบน-จงกระเบน (Jingle Bells)

ตั้ง'นายพล'ไปต่อ

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ จำนวน 41 นาย ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา ที่เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี

นักการเมืองไม่ทำชั่ว...ไม่ต้องกลัวรัฐประหาร

นายกรัฐมนตรี 2 คนที่มาจากตระกูลชินวัตรต้องถูกยึดอำนาจจากการทำรัฐประหารในปี 2549 และ 2557 ทำให้นายใหญ่ของพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นหมายเลข 1 ของตระกูลชินวัตรมีความประหวั่นพรั่นพรึงการทำรัฐประหารของทหารเป็นอย่าง

'หิริ-โอตตัปปะ'คือวาระแห่งชาติ!!!

คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยว่า...ไอ้สิ่งที่เรียกว่า ความอาย หรือจะเรียกภาษาพระ ภาษาบาลี ประมาณว่า หิริ-โอตตัปปะ ก็คงพอได้ นับวันมันชักเป็นอะไรที่ ขาดแคลน

'เห็นลิ้นไก่' แก้ กม.กลาโหม

ป่วนกันทั้ง "กรมปทุมวัน" หลังคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. มีคำวินิจฉัยกรณีตำรวจยศ พ.ต.อ. ตำแหน่งนักบิน (สบ 5) รายหนึ่ง