ช่วงเค้าลางคดีสำคัญของนายกรัฐมนตรีก่อตัวในดวงเมือง

รูปดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์และลีลาการตรึงของดาวคู่คดีความ
พระเสาร์จร (7) เดินหน้าในราศีกุมภ์ ตั้งแต่ 4 พฤศจิกายน 2567-19 พฤษภาคม 2568 ถึงพระอาทิตย์ดวงเดิม (๑)
พระอาทิตย์จร (1) เดินในราศีธนูทับพระเสาร์ดวงเดิม (๗) ระหว่าง 17 ธันวาคม 2567-14 มกราคม 2568

     ขอพักการทำนายเค้าโครงชีวิตคนปี 2568 ไว้ชั่วคราว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคิวที่รออยู่คือท่านที่ลัคนาสถิตราศีตุล เพราะมีปรากฏการณ์ทางดวงเมืองที่ควรติดตามและจับตา ขณะที่กำลังเขียนชะตาเมืองปี 2568 และหลังจากที่ผู้เขียนได้ให้สัมภาษณ์นำไว้ใน รายการสีสันการเมืองแบบเด้งๆ ทางแนวหน้า และ คนดังนั่งเคลียร์ ทางช่อง 8 ก่อนหน้านี้

     สรุปการสัมภาษณ์ ทั้งสองรายการคือ ประมาณ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป ความผู้นำ หรือ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่คุณแพทองธาร ชินวัตร เป็นอยู่เริ่มถูกเกณฑ์ร้าย ท้าทายด้วยเรื่องกฎหมาย ซึ่งหากดูประกอบกับพื้นดวงชะตาคุณแพทองธารด้วยแล้ว แม้จะไม่ทราบที่สถิตลัคนาแน่ชัดว่าอยู่ราศีใด ก็จะเพิ่มเรื่อง กรรมเก่า เข้ามาด้วย

     หลังจากนั้นปรากฏการณ์ทางโหรจะเขม็งเกลียวไปเรื่อย แล้ว คาดว่านำไปสู่การต้องคำพิพากษาของศาล หรือ ลาออก หรือ ยุบสภา ประมาณไม่เกินพฤษภาคม 2568

    ทีนี้ในโลกเป็นจริงมาดูปัจจัยที่เป็น สารตั้งต้น หรือ ตัวล่อเป้าไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหญ่ ที่ต้องเริ่มบันทึกไว้เป็นปูมโหรคือ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2567 คุณธีรยุทธ สุวรรณเกษร ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่า ดร.ทักษิณ ชินวัตร และ พรรคเพื่อไทย ที่คุณ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าอยู่ มีพฤติกรรมล้มล้างการปกครองหรือไม่

    ส่วนตัวบ่งชี้จากดวงชะตาเมืองมีลีลาจะบอกความเป็นไปต่อทางคดีคือ

     สิ่งที่จะเกิดในดวงเมืองเป็นเวลา 1 เดือน ระหว่าง 17 ธันวาคม 2567-14 มกราคม 2568 ด้วยปรากฏการณ์ทางโหรที่เรียกว่า การเริ่มตรึงกัน หรือสมาสัปต์เพื่อรอผลด้านลบเกิด ระหว่างดาวตัวแทนผู้นำในดวงเมือง คือพระอาทิตย์ กับดาวโทษทุกข์เทพเจ้าแห่งความระทม คือพระเสาร์ และพระเสาร์นี้ยังเป็นตัวแทนรัฐบาลและการบริหารราชการแผ่นดินด้วย

            ขออธิบายหลักทางโหรเพื่อจะไม่ได้ถูกกล่าวหาว่า โมเม หรือนั่ง ทางใน นั่งเทียน ทำนายคือ

     1.ปรากฏการณ์ สมาสัปต์ หรือ การตรึงกันของดาว เป็นการบ่งบอกว่าเรื่องบวก-ลบจะเกิดในชีวิต รวมทั้งเมืองแน่นอน โดยไม่ต้องรอดาวอื่นมาเสริมพลัง

     การตรึงกันของดาวหากเป็นระหว่างคู่มิตรนั่นเยี่ยมนัก ผลจะออกมาด้านบวก

     แต่หากการตรึงกันไม่ใช่คู่มิตร ยิ่งเป็นคู่ศัตรูก็ยิ่งดูไม่จืด เรื่องด้านลบจะเกิดในชีวิต-เมืองแน่นอน เช่น เรื่องคดีความสำคัญที่กำลังรอเกิดในดวงเมืองคือ

     2.ตั้งแต่ 4 พฤศจิกายน 2567-19 พฤษภาคม 2568 พระเสาร์จร (7) เดินหน้าในราศีกุมภ์ ทำมุมพิเศษ ถึงพระอาทิตย์ดวงเดิม (๑) ซึ่งเป็นตัวแทนผู้นำหรือนายกรัฐมนตรีของประเทศ ตั้งรออยู่อย่างยาว เฉพาะคู่นี้ถือเป็น คู่คดีความ ให้ผลตามโฉลก…เสาร์ถึงพระอาทิตย์ ปฏิสนธิในชาติ ชนใดจะถึงฆาฏ บ่มิทรัพย์จะสาธารณ์ ถ้อยคำจะถึงตรู ศัตรูจะปองผลาญ แม้นหมิ่นประมาทการ ก็จะเป็นภยันตราย…..

     ย้อนกลับไปขณะที่สมาชิกวุฒิสภาสี่สิบคนเข้าชื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นนายกรัฐมนตรีของคุณเศรษฐา ทวีสิน สิ้นสุดหรือไม่ กรณีตั้งคุณพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมืองก็ได้เกณฑ์นี้เป็นตัวตั้ง-เริ่มความยุ่งยาก

     3.แต่สถานการณ์ของคุณแพทองธารนอกจากจะเจอพระเสาร์จรถึงพระอาทิตย์ดวงเดิมแล้ว ยังมีเกณฑ์ลบด้านคดีความซ้ำคือ ต่อมาวันเริ่ม 17 ธันวาคม 2567 พระอาทิตย์จร (1) เข้าไปเดินในราศีธนูโป๊ะเชะทับพระเสาร์ดวงเดิม (๗) ที่อยู่ที่นั่นตั้งแต่วินาทีที่วางเสาหลักเมือง และจะเป็นไปถึง 14 มกราคม 2568 เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม

     จากข้อ 2 และ 3 รวมกันนี่แหละคือพระเสาร์จรถึงพระอาทิตย์ดวงเดิม และพระอาทิตย์จรทับพระเสาร์ดวงเดิมนี้ เรียกว่า พระอาทิตย์ตรึง หรือ สมาสัปต์กับพระเสาร์ แถมดาวคู่นี้เป็นคู่ศัตรูหรือไม่ถูกกัน เพราะนิทานโหรบอกว่าพระเสาร์เคยเกิดเป็นนาค พระอาทิตย์เป็นครุฑคอยไล่จะจับพระเสาร์กินอยู่เรื่อย

    หากดูแต่ที่พระอาทิตย์จร (1) ทับพระเสาร์ดวงเดิม (๗) อย่างเดียว ผลออกลบตามโฉลก….ระวิจรจรัลผันผาย สู่เสารีทาย โทษเสียจักขุโรคา วิวาทวัตถุนานา ได้แก่ภรรยา และบุตรวิบัติเภทภัย ผู้เข้าสู่เราแหนงใจ คือหนามเหน็บใน ประทุษถ้อยบ่มิสัตย์ ดำแดงเติบโตถนัด จงเร่งระมัด จะผิดแก่เจ้าชะตา คนดำและเลียมเข้ามา สู่เข้าเคหา จะล่อจะลวงความตนตรึกตรองตรวจตราหาผล ให้กริ่งเกรงคน ในเรือนจะเกิดราคี เร่งบูชาพระเสารี เจริญคุณพระศรี รัตนตรัยรอนศัตรู…

     สรุปคือ ระยะนี้ระวังเจ็บไข้โรคตา ทะเลาะวิวาท ระวังเภทภัยของคนในครอบครัว ระวังคนที่เข้ามาในชีวิตจะไม่ซื่อสัตย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนผิวดำแดงล่อหลอกลวง และระวังคนในเรือนหรือบ้าน (หรือพรรค) จะเกิดเรื่องมีราคีหรือเรื่องไม่ดี

      จึงเมื่อตัดหลักอื่นที่นำจากตำรามาโชว์ออกหมดแล้ว สรุปว่า หนึ่งเดือนระหว่าง 17 ธันวาคม 2567-14 มกราคม 2568 ที่มีการตรึงกันของพระเสาร์และพระอาทิตย์ซึ่งเป็นคู่คดีความนี้ คาดคุณแพทองธารในฐานะพระอาทิตย์หรือผู้นำคงจะหนีคดีความไม่พ้น

     ในอดีตหลังมีปรากฏการณ์นี้ในดวงเมืองบางท่านสู้แล้วรอด เช่น ดร.ทักษิณ ชินวัตร คดีซุกหุ้นภาคแรก ส่วนคุณเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งโดนเบากว่ากลับไม่รอด

     การสู้คดีของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร คงจะมีรุกไล่กันหนัก ซึ่งจะได้ติดตามลีลาการเดินของดาวและทางชีวิตของผู้นำมารายงานเป็นระยะๆ

    รอบนี้เอาข้อสรุปไปก่อนว่า ประมาณพฤษภาคม 2568 ดวงการเมือง-ผู้นำ-รัฐบาล-พรรคร่วมรัฐบาลจะพลิกผันมาก ในระดับนักข่าวสายการเมืองไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพราะคาดว่ามีอาการต้องคำพิพากษา หรือลาออก หรือยุบสภาเลือกตั้งกันใหม่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ลัคนามังกรกับเค้าโครงชีวิต ปี 2568

ยังอยู่ในช่วงเจ็ดปีของการเปลี่ยนแปลงใหญ่ลูกหลาน-ความรัก-ความหวัง ตลอดปียังอดเอาทุกข์นำหน้าชีวิตไม่ได้- ตั้งแต่พฤษภาคมเป็นต้นไประวังป

นักการเมืองไม่ทำชั่ว...ไม่ต้องกลัวรัฐประหาร

นายกรัฐมนตรี 2 คนที่มาจากตระกูลชินวัตรต้องถูกยึดอำนาจจากการทำรัฐประหารในปี 2549 และ 2557 ทำให้นายใหญ่ของพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นหมายเลข 1 ของตระกูลชินวัตรมีความประหวั่นพรั่นพรึงการทำรัฐประหารของทหารเป็นอย่าง

'หิริ-โอตตัปปะ'คือวาระแห่งชาติ!!!

คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยว่า...ไอ้สิ่งที่เรียกว่า ความอาย หรือจะเรียกภาษาพระ ภาษาบาลี ประมาณว่า หิริ-โอตตัปปะ ก็คงพอได้ นับวันมันชักเป็นอะไรที่ ขาดแคลน

'เห็นลิ้นไก่' แก้ กม.กลาโหม

ป่วนกันทั้ง "กรมปทุมวัน" หลังคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. มีคำวินิจฉัยกรณีตำรวจยศ พ.ต.อ. ตำแหน่งนักบิน (สบ 5) รายหนึ่ง

ลัคนาธนูกับเค้าโครงชีวิตปี 2568

ยังอยู่ในช่วงเจ็ดปีของการเปลี่ยนแปลงใหญ่สุขภาพอนามัย-หนี้สิน-ลูกน้องบริวาร และเกือบตลอดปีผู้หลักผู้ใหญ่อวยสถานะ-ยศ-เงินทองให้ แต่มีช่วงซ้อมรับทุกข์และการได้ความผิดที่ไม่ได้ก่อ