ใครโกหก...
ระหว่าง "ทักษิณ" กับ "ธนาธร"
"ก้าวไกล-เพื่อไทย" ไม่ได้ร่วมรัฐบาลกันเพราะเงื่อนไข ม.๑๑๒ อย่างที่ "ทักษิณ" พูดจริงหรือไม่
ไม่มี ม.๑๑๒ อยู่ใน MOU ร่วมรัฐบาลที่เซ็นร่วมกันและเป็นที่รับรู้ต่อสาธารณะ ตามที่ "ธนาธร" อ้างจริงหรือเปล่า
ย้อนไปวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๖ แกนนำจาก ๘ พรรคการเมืองร่วมแถลงการลงนามข้อตกลงร่วม (MOU) ในการจัดตั้งรัฐบาล
มีพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคเป็นธรรม และพรรคพลังสังคมใหม่
เป็นไปตามดีลลับฮ่องกง ไม่เอา ๒ ลุง
สถานการณ์ของพรรคก้าวไกลขณะนั้น เหมือนเด็กหนุ่มนมเพิ่งแตกพาน คึกเต็มที่เพราะชนะเลือกตั้งได้เก้าอี้สส.มากเป็นลำดับที่ ๑
ส่วนพรรคเพื่อไทย เหมือนหญิงสาวกินน้้ำใต้ศอก หาความพึงพอใจกับสถานะเป็นพรรคลำดับที่ ๒ แทบไม่ได้เลย
MOU ในวันนั้น ไม่มีข้อไหนระบุถึงการแก้ไข ม.๑๑๒ เลย เป็นเรื่องจริงตามที่ "ธนาธร" กล่าวอ้าง
เนื้อหา 23 ข้อ และอีก 5 ประเด็นที่ทุกพรรคเห็นพ้องกันว่าจะร่วมกันบริหารประเทศด้วยแนวทางปฏิบัติดังต่อไปนี้
เนื้อหา 23 ข้อ ประกอบด้วย
๑.ฟื้นฟูประชาธิปไตย รวมถึงการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาชนให้เร็วที่สุด โดยมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน
๒.ยืนยันและผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียม เพื่อรับประกันสิทธิสมรสสำหรับคู่รักทุกเพศ โดยจะไม่บังคับ ประชาชนที่เห็นว่าขัดแย้งกับหลักการของศาสนาที่ตนเองนับถือ
๓.ผลักดันการปฏิรูประบบราชการ ตำรวจ กองทัพ และกระบวนการยุติธรรม ให้สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตย โดยยึดหลักความโปร่งใส ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน
๔.เปลี่ยนการเกณฑ์ทหารแบบบังคับ เป็นระบบสมัครใจ ทั้งนี้ยังคงไว้ซึ่งการเกณฑ์ทหารในยามศึกสงคราม
๕.ร่วมผลักดันกระบวนการสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยคำนึงถึงหลักการด้านสิทธิมนุษยชน การอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน รวมถึงทบทวนภารกิจของหน่วยงานและการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคง
๖.ผลักดันการกระจายอำนาจทั้งในแง่ภารกิจและงบประมาณ เพื่อให้ท้องถิ่นตอบสนองความต้องการของ ประชาชนในพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพ ปราศจากการทุจริต
๗.แก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันโดยการสร้างระบบและวัฒนธรรมรัฐโปร่งใส เปิดเผยข้อมูลรัฐในทุกหน่วยงาน
๘.ร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยยึดหลักเพิ่มรายได้ประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างระบบเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างเป็นธรรม
๙.ยกเครื่องกฎหมายเกี่ยวกับการทำมาหากิน และการดำรงชีวิตของประชาชน เช่น ตัด ลด หรือพักใช้ชั่วคราวซึ่งการอนุมัติ อนุญาตที่ไม่จำเป็น และเป็นอุปสรรคเพื่อปรับปรุงใหม่ ให้ความช่วยเหลือสภาพคล่องทางด้านการเงินและสร้างแต้มต่อให้กับ SME พร้อมกับมุ่งเน้นการเติบโต GDP ของ SME สนับสนุนอุตสาหกรรม และสินค้าไทยให้มีความเข้มแข็ง สามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้
๑๐.ยกเลิกการผูกขาดและส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรมในทุกอุตสาหกรรม เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยพรรคประชาชาติขอสงวนสิทธิ์ในการไม่เห็นด้วยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยเหตุผลด้านศาสนา
๑๑.ปฏิรูปที่ดินทั้งระบบ ด้วยการผลักดันกฎหมายปฏิรูปที่ดิน กระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมแก้ปัญหาแนวเขตป่าไม้และที่ดินของรัฐที่ทับซ้อนกับที่ดินของประชาชน รวมถึงการทบทวนคดีที่เป็นผลจากนโยบายทวงคืนผืนป่า
๑๒.ปรับปรุงโครงสร้างการผลิตไฟฟ้า การคำนวณราคา และกำลังการผลิตที่เหมาะสม เพื่อลดค่าครองชีพประชาชนและสร้างความมั่นคงทางพลังงาน
๑๓.จัดทำงบประมาณแบบใหม่ โดยเน้นใช้วิธีการจัดงบประมาณฐานศูนย์ (zero-based budgeting)
๑๔.สร้างระบบสวัสดิการดูแลประชาชนตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงผู้สูงวัย โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและภาระทางการคลังระยะยาว
๑๕.แก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเร่งด่วน
๑๖.นำกัญชากลับไปอยู่ในบัญชียาเสพติดให้โทษ ผ่านบัญญัติของกระทรวงสาธารณสุข โดยมีกฎหมายควบคุมและรองรับการใช้ประโยชน์จากกัญชา
๑๗.ส่งเสริมเกษตรและปศุสัตว์ปลอดภัย คุ้มครอง รักษาผลประโยชน์ของเกษตรกร ลดต้นทุนการผลิต ส่งเสริมการตลาด ส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยี และแหล่งน้ำ สร้างความเข้มแข็งของกลุ่มเกษตรกรเพื่อวางแผนการผลิตและรักษาผลประโยชน์เกษตรกร ส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรเพื่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ
๑๘.แก้ไขกฎหมายประมง ขจัดอุปสรรค เยียวยา ฟื้นฟู และพัฒนาอาชีพประมงให้ยั่งยืน
๑๙.ยกระดับสิทธิแรงงานทุกอาชีพให้มีสภาพการจ้างงานที่เป็นธรรม และได้รับค่าแรงที่เป็นธรรมสอดคล้องกับค่าครองชีพและการเติบโตของเศรษฐกิจ
๒๐.ยกระดับระบบสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงระบบสาธารณสุขที่มีคุณภาพ ทั้งการป้องกัน รักษา และฟื้นฟูสุขภาพ
๒๑.ปฏิรูประบบการศึกษาเพื่อยกระดับคุณภาพ ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต
๒๒.สร้างความร่วมมือและกลไกภายในและระหว่างประเทศ เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นพิษ รวมถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero) โดยเร็วที่สุด
๒๓.ดำเนินการนโยบายการต่างประเทศ โดยการฟื้นฟูบทบาทผู้นำของไทยในอาเซียน ตามกรอบความร่วมมือต่างๆ โดยเฉพาะกรอบพหุภาคี และรักษาสมดุลการเมืองระหว่างประเทศของไทยกับประเทศมหาอำนาจ
แต่..."พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" กลับสงวนสิทธิ์แก้ ม.๑๑๒ ในนามพรรคก้าวไกล
มันก็เข้าทางพรรคเพื่อไทยไปโดยปริยาย
เงื่อนไขนี้ทำให้พรรคเพื่อไทยที่เอาแต่นั่งร้องไห้ในโชคชะตาของตัวเอง เพราะแลนด์ไม่ยอมสไลด์ กลับเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ทันที
เพราะไม่มีทางที่้การเสนอชื่อ "พิธา" เป็นนายกรัฐมนตรีจะผ่านด่าน สว.
ก็เหมือนซ่อนมีดไว้ข้างหลัง พรรคเพื่อไทยรีบดันก้น "พิธา" ให้ สว.เชือด ท่ามกลางกระแสข่าว "ดีลลับดูไบ" ที่ดูเป็นจริงเป็นจังขึ้น
ฉะนั้นระหว่าง "ทักษิณ" กับ "ธนาธร" พูดความจริงเฉพาะส่วนที่ตัวเองได้ประโยชน์ และไม่พูดในสิ่งที่ทำให้เสียประโยชน์
โดยเฉพาะความจริงที่ว่า ทั้งคู่ต่างแทรกแซงครอบงำพรรคการเมืองในฐานะเจ้าของพรรคเหมือนกัน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พ่อเหลิงอำนาจลูก
เตรียมรับเพิ่มไปอีกคดีครับ... งานนี้ไม่น่ารอด "ทักษิณ ชินวัตร" ทำตัวพองมากไป คิดว่ามีกำลังภายใน สามารถหลบเลี่ยงกฎหมายได้ทุกเรื่อง
'เอ็มโอยูเถื่อน'
กระทรวงการต่างประเทศต้องอธิบายแล้วล่ะครับ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
ผิดมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๔
เรียกผิดให้เรียกใหม่ครับ ไม่ใช่ "พื้นที่ทับซ้อน" แต่เป็น "พื้นที่อ้างสิทธิ" เป็นข้อแนะนำจาก เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา "ปกรณ์ นิลประพันธ์"
แผนยึดแบงก์ชาติ!
เรียบร้อยครับ.... วานนี้ (๑๑ พฤศจิกายน) คณะกรรมการคัดเลือกประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (บอร์ด ธปท.) เคาะชื่อ ประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่แล้ว
'ทักษิณริ-อุ๊งอิ๊งทำ'
หมูไม่กลัวน้ำร้อน... เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา อดีตนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ไว้หลายเรื่องครับ
อนิจจา 'อิ๊งค์-อ้วน'
เดินหน้าต่อครับ... วานนี้ (๘ พฤศจิกายน) "อิ๊งค์-อ้วน" นายกฯ แพทองธาร กับ รองนายกฯ ภูมิธรรม เปิดแถลงข่าว กรณี MOU 2544 ไม่มีเกียร์ถอย