ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา...ได้อ่านข่าวพระราชาและพระราชินีสเปน เสด็จฯ ทรงเยี่ยมเยียนผู้คนที่ประสบภัยน้ำท่วมในเมืองปอร์ตา แคว้นบาเลนเซีย เมื่อช่วงวันอาทิตย์ที่ 3 พ.ย.แล้ว ต้องเรียกว่า...เป็นอะไรที่น่าคิด น่าสะกิดใจ น่าทึ่งและน่าประทับใจเอามากๆ ได้ประโยชน์เสียยิ่งกว่าเรื่องอุจจาระสุกร อุจจาระสุนัขแห้ง ที่ถูกหยิบมา พูดกันสนั่นเมือง ในบ้านเราช่วงนี้ไม่รู้จะกี่เท่าต่อกี่เท่า...
ดังที่คุณ รัศมี มีเล่าเรื่อง ท่านได้เรียบเรียง ถ่ายทอด ทั้งข้อความและภาพถ่าย รวมทั้งคลิปวิดีโอเอาไว้ด้วย ในเว็บไซต์ ผู้จัดการ เมื่อวันจันทร์ที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยให้ชื่อหัวเรื่องเอาไว้ว่า... “ระทึก!!! คิงและควีนสเปน ทรงถูกเหยื่อน้ำท่วมกลุ่มหัวร้อนระดมขว้างปาด้วยก้อนโคลน โดยมีร่มคุ้มกันคันเดียว ทรงไม่โต้ตอบ
แม้มอมแมมทั่วพระองค์ ขณะเสด็จเยี่ยมบาเลนเซีย” และโดยข้อความ ภาพถ่าย คลิปวิดีโอก็ดูจะสอดคล้อง ต้องกัน กับหัวเรื่องที่คุณ รัศมี ท่านโปรยไว้ยาวเหยียดนั่นแหละ เนื่องจากอุทกภัยในประเทศสเปนคราวนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุเพราะโลกร้อนหรืออะไรก็ตามที แต่ต้องเรียกว่าออกจะหนักหนา-สาหัสสุดๆ ผู้คนเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ไปเป็นร้อยๆ...
และนั่นเองที่ทำให้ พระเจ้าเฟลิเปที่ 6 กษัตริย์สเปน และพระราชินี เลติเซีย เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมบรรดาพสกนิกรของพระองค์ โดยมีนายกรัฐมนตรีและประธานแคว้นบาเลนเซีย ติดสอย ห้อยตาม ไปด้วย แต่ท่ามกลางความทุกข์ ความเดือดร้อน ความโศกเศร้า สูญเสียของผู้คน ไม่ว่าชีวิตและทรัพย์สิน แถมยังขาดแคลนข้าว ปลา อาหาร น้ำดื่ม ที่ย่อมส่งผลให้ปุถุชนคนธรรมดาโดยทั่วไป ย่อมมีโอกาสนอตหลุด นอตหลวม ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ การแสดงออกถึง ความคับแค้น ด้วยการปาโคลน ล้อมรถ กระทืบรถ ฯลฯ ของบรรดาผู้ที่อุตส่าห์เข้าไปเยี่ยมไปเยียน อีกทั้งยังกู่ก้องร้องตะโกนคำพูด คำจา คำกล่าวหาที่ดุเดือด รุนแรง เอามากๆ ว่า พวกฆาตกร-พวกฆาตกร เอาเลยถึงขั้นนั้น!!!
แต่ก็นั่นแหละ ด้วยเหตุที่ทรงเป็น กษัตริย์ เป็น พระราชินี ไม่ใช่ปุถุชนคนธรรมดาโดยทั่วไป สิ่งที่พระเจ้าเฟลิเปที่ 6 และพระราชินีเลติเซีย ทรงแสดงให้เห็นต่อสายตาของบรรดาชาวบาเลนเซียและอาจจะทั่วทั้งโลก ก็คือความอดทน อดกลั้น ความกล้าหาญ และความรับผิดชอบ แบบที่เรียกว่า ขัตติยะมานะกษัตริย์ ก็คงพอได้ คือไม่ได้ตื่นตระหนก ตกใจ ต่อความโกรธ ความเกลียด ของผู้ที่กำลังนอตหลุด นอตหลวมใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย ต่างไปจากนายกรัฐมนตรีสเปนและประธานแคว้นบาเลนเซีย ที่ตามข่าวว่ากันว่า...ถึงกับเผ่นไปหลบอยู่ในรถส่วนตัวแบบรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดีไว้ก่อน ต่างไปจากกษัตริย์และพระราชินี ที่แม้ว่าจะมีสิ่งป้องกันเพียง ร่มคันเดียว กับองครักษ์ผู้ติดตามไม่กี่คน แต่ยังกล้าเสด็จฯ ฝ่าเข้าไปยังฝูงชน เข้าไปตบหลัง ตบไหล่ ปลอบโยน ให้กำลังใจ รับฟังความทุกข์ ความเดือดร้อน ของชาวบ้าน ชาวช่อง แม้ว่าจะโดนสะเก็ดโคลน เปื้อนหน้า เปื้อนตา เปื้อนฉลองพระองค์ จนทรงมอมแมมไปด้วยกันทั้งคู่ ขณะที่พระราชินี เลติเซีย นั้นถึงกับทรงกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อได้รับฟัง รับทราบ ถึงความทุกข์ ความเดือดร้อน ของราษฎร...
อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้ ความเป็นกษัตริย์ แตกต่างไปจาก ความเป็นปุถุชนคนธรรมดา โดยทั่วไป โดยเฉพาะในแง่ของความอดทน อดกลั้น ความกล้าหาญ และความรับผิดชอบ ที่ต้องพร้อมจะนำมา แบก ไว้บนบ่าทั้งสอง หรือต้องพร้อมที่จะ เหยียดพระกร ลงไปให้ถึงผู้ที่ทุกข์ยาก ลำบาก รายใดก็ตาม ผู้เป็นพสกนิกรของพระองค์ ดังเช่นที่กษัตริย์เขมรยุคโบราณได้เคยจารึกข้อความทำนองนี้ไว้ในศิลาจารึกซึ่งยังคงปรากฏอยู่จนตราบเท่าทุกวันนี้ ไม่ว่าปุถุชนเหล่านั้น จะไม่ได้เรื่อง ไม่ได้ราว ไม่เข้าท่า หัวร้อน นอตหลุด นอตหลวม ฯลฯ เพียงใดก็ตามที แต่เมื่อถือเป็น พสกนิกร ของพระองค์แล้ว โดยหน้าที่และความรับผิดชอบแห่งความเป็นองค์พระมหากษัตริย์นั่นเอง ที่ทำให้ต้องทรงอดทน อดกลั้น ต้องพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งทุกอย่าง ด้วยความกล้าหาญ ด้วย ขัตติยะมานะกษัตริย์ อย่างชนิดน่าทึ่ง น่าประทับใจ เอามากๆ...
หลังจากได้อ่านข่าว ได้ดูคลิปวิดีโอการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยียนชาวบาเลนเซียของกษัตริย์ เฟลิเปที่ 6 และพระราชินี เลติเซีย แล้ว เลยอดไม่ได้ที่จะย้อนนึกไปถึงฉากเหตุการณ์เมื่อครั้ง พวกเสื้อแดงล้อมขบวนเสด็จฯ ของบ้านเราช่วงปลายปี พ.ศ.2562 ขึ้นมาไม่ได้ โดยจะควร-ไม่ควร ถูกๆ-ผิดๆ หรือไม่? ประการใด? ก็แล้วแต่จะว่ากันไป แต่ใครก็ตามที่มีโอกาสได้เห็นภาพถ่าย วิดีโอ ที่ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ประทับอยู่ภายในรถพระที่นั่ง แล้วทรงโบกพระหัตถ์ พร้อมกับแย้มยิ้ม โดยไม่ได้ทรงแสดงความตื่นตระหนก ตกใจ หรือความหวาดระแวงใดๆ ต่อบรรดากลุ่มบุคคลที่ฮือเข้ามายังขบวนรถ อันนั้นนั่นแหละ...ที่ทำให้ใครต่อใครต่างต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยว่า นี่แหละคือ รอยยิ้ม ของผู้ที่ทรงสถานะเป็น พระราชินี โดยครบถ้วน สมบูรณ์.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไม่สนใจใครจะต่อว่า เสียงนกเสียงกา...ข้าไม่สนใจ
ถ้าหากเราจะบอกว่านายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีเสียงตำหนิ มีการนำเอาการพูดและการกระทำที่ไม่ถูกไม่ต้อง ไม่เหมาะไม่ควร
กลัวสมัครใจ 'ขาลอย'!
ไม่รู้ "ตั้งใจ" หรือ "บังเอิญ" การมอบนโยบายการบริหารราชการที่ ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แม่ทัพใหญ่สีกากี เรียกประชุมมอบนโยบายการบริหารราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ลัคนากันย์กับเค้าโครงชีวิตปี 2568
ยังอยู่ในช่วงเจ็ดปีของการทำตามความฝันและเปลี่ยนแปลงใหญ่ทางชีวิต ตลอดทั้งปีเจอเรื่องแสบ-เศร้าแทรกในชีวิตสองช่วง แต่ไม่เกินกำลังรับมือ แถมสู้กลับแล้วได้อะไรดีๆ
Nationalism Patriotism and Treason ชาตินิยม รักชาติ และขายชาติ
วันนี้ขอจั่วหัวด้วยภาษาอังกฤษ 3 คำที่มีความสำคัญกับประเทศไทยของเราเป็นอย่างมากในเวลานี้ แต่ก็ได้ให้คำแปลภาษาไทยไว้ด้วยแล้ว คำว่า Nationalism
อำลา-อาลัย...คุณพี่'โสภณ องค์การณ์'
ถึงจะห่างๆ ไม่ได้เจอะหน้าเจอะตากันมานับสิบๆ ปี...แต่การที่คุณพี่ โสภณ องค์การณ์ คอลัมนิสต์และนักจัดรายการทีวีของสำนักข่าว ผู้จัดการ
เหตุโผ 'ผู้การกรม' คลอดยาก
ก่อนจะถึงช่วงเวลาการ "จัดทัพ" สีกากี ตอนนี้ บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ก็ได้ฤกษ์งามยามดี "ปรับทิศ"