“เจตนาหํ กมฺมํ วทามิ"...
เจตนานั่นแหละเป็นกรรม!
จะมีผู้ป่วยปางตายห่างหมอมิได้สักกี่คน ที่จงใจปกปิดอาการป่วยของตัวเอง ทั้งๆ ที่อาการเจ็บป่วยที่ว่านั้นเป็นคุณกับตัวเอง
เป็นเกราะกำบังในข้อครหา "ป่วยทิพย์"
หายากครับ
ส่วนใหญ่รีบขวนขวายหาหลักฐาน ขอ "เวชระเบียน" จากโรงพยาบาลมาแสดงให้เห็นว่า ป่วยจริง เกือบตายจริง
"เวชระเบียน" คือบันทึกของแพทย์ จะทำให้ทุกข้อสงสัยหายวับไปกับตา
แต่ไม่ใช่กับอดีตผู้ป่วยปางตายห่างหมอไม่ได้อย่าง "ทักษิณ ชินวัตร"
วันนี้พบพฤติกรรมสมคบกันระหว่าง โรงพยาบาลตำรวจ กับ กรมราชทัณฑ์ ช่วยกันปกปิดอาการป่วยของ "ทักษิณ"
กระบวนการตรวจสอบ นักโทษเทวดา ห้องวีไอพี ชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจ ถือว่ายังอยู่ในชั้นเบื้องต้น
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรียกขอเวชระเบียนจากโรงพยาบาลตำรวจถึง ๓ ครั้ง
แต่ยังเงียบเป็นเป่าสาก
ทำราวกับว่า ป.ปช.เป็นเสือกระดาษ!
ตระกูลชินวัตรนี่ก็แปลกนะครับ อะไรที่ทำแล้วเป็นคุณกับตัวเอง ไม่อยากจะทำ
ทำแต่เรื่องเป็นโทษ
นายกฯ แพทองธาร บอกว่า เรื่องที่ ป.ป.ช.ขอเวชระเบียนนั้น ยินดีให้ความร่วมมืออยู่แล้ว รัฐบาลเองยินดีให้ความร่วมมือ
"...ไม่ว่ากระบวนการจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ไม่ค่อยแน่ใจว่าเปิดเผยได้มากน้อยแค่ไหน หากตามกฎหมายเปิดเผยได้ ก็ตามนั้นเลย..."
ก็ตามนั้นเลยครับ
คือ...อ้างเป็นข้อมูลส่วนตัว ไม่ขอเปิดเผย
ตระกูลนี้ประหลาดใช่มั้ยครับ
ดาหน้าออกมายืนยันว่า "ทักษิณ" ป่วยจริง
ป่วยจริงก็แสดงออกมาสิครับว่าปางตายจริง
มันจะได้จบ
"ทักษิณ" ก็ใช้ชีวิตต่อไป
รัฐบาลเองไม่ต้องมารับผิดชอบ ไม่ต้องคอยตอบคำถามว่า ป่วยแท้ ป่วยทิพย์
เมื่อปกปิดก็ต้องยอมรับความเสี่ยงว่า ประเด็นนี้อาจพัฒนากลายเป็นเงื่อนไขหลักนำไปสู่การล่มสลายของรัฐบาลแพทองธารในอนาคต
เพราะเรื่องที่ "ทักษิณ" ไม่ติดคุกแม้วันเดียว มันเป็นการเขย่ากระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ
ที่ประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร วานนี้ (๗ พฤศจิกายน) "รังสิมันต์ โรม" เปิดประเด็นไว้น่าสนใจ
“...หลังจากเราไล่ไทม์ไลน์ทั้งหมด ระยะเวลาตั้งแต่นายทักษิณไปถึงสถานพยาบาล และพิจารณาหารือกับพยาบาลที่ได้ปรึกษาแพทย์ราชทัณฑ์ แล้วส่งต่อไปยังโรงพยาบาลตำรวจ
จากข้อมูลที่ได้รับใช้เวลาเพียง ๒๑ นาทีเท่านั้น
หากตรวจดูจากกูเกิลแมป ดูระยะเวลาการส่งตัว ใช้เพียง ๑๗ นาทีเท่านั้น หมายความว่าระยะเวลาในการวินิจฉัยมีแค่เพียง ๔ นาที ถือเป็นการทำเวลาได้รวดเร็วมาก...”
กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา
ใช้เวลาแค่ ๔ นาที เพราะหมอเก่ง มีความเชี่ยวชาญในการวินิจฉัยโรค ยากที่จะหาใครเปรียบ แค่ดูหน้าผู้ป่วยก็รู้ว่าอาการหนัก ป่วย ๔ โรค หากยังอยู่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ต้องซี้แหงแก๋แน่นอน
ถ้าเป็นแบบนี้ วงการแพทย์ไทยต้องฉลองใหญ่ครับ เพราะหมอเก่งกาจที่สุดในโลกอยู่ที่ประเทศไทยนี่เอง
เวลา ๔ นาที กับการเตรียมรถ จัดทีมเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เพื่อส่งตัว "ทักษิณ" ไปโรงพยาบาลตำรวจ ถือว่าเร็วมาก ประสิทธิภาพเกินระบบราชการไทยโขทีเดียว
แต่หาก ๔ นาที คือห้วงเวลาแห่งการสมคบคิดเพื่อช่วยให้ "ทักษิณ" ไม่ต้องติดคุก คนที่สมคบคิดทั้งหมดเตรียมตัวครับ
มีโอกาสได้ติดคุกแทน!
ในขณะที่ กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจ ตระกูลชินวัตรยืนยันว่า "ทักษิณ" ป่วยจริง กลับปล่อยให้ ป.ป.ช. รวมทั้งคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ ไปแสวงหาข้อเท็จจริง โดยที่ กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจ ตระกูลชินวัตร ไม่ยอมช่วยเหลืออะไรเลย
แปลกมั้ยครับ!
ในที่ประชุมกรรมาธิการฯ วานนี้ แม้จะเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา แต่ก็พอได้ประเด็นมาต่อจิกซอว์เหมือนกัน
คำชี้แจงของ "นพ.วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข" ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เห็นความผิดปกติ และควรตั้งคำถามต่อว่า "เพราะอะไร?"
มาดูว่าเวลาแค่ ๔ นาที สามารถตัดสินใจส่งตัว "ทักษิณ" จากคุกไปโรงพยาบาลได้หรือไม่
ข้อเท็จจริงจากการให้ข้อมูลต่อกรรมาธิการฯ ของ "นพ.วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข" มีดังนี้ครับ...
"...เมื่อเห็นว่าต้องส่งออกนั้น โดยพยาบาลแจ้งว่าต้องออกก็จะรีบออก การส่งตัวผู้ต้องขังออกไปรักษาตัวด้านนอกนั้น ยืนยันว่าผู้บัญชาการเรือนจำทราบ
การพิจารณาส่งกลับเป็นแพทย์เจ้าของไข้ และส่งหนังสือกลับมายังเรือนจำ
ส่วนชื่อของแพทย์ในเรือนจำนั้น ได้ทำข้อมูลไว้แล้ว ถ้านอกเวลาจะเป็นพยาบาลเป็นคนประเมิน ไม่มีแพทย์คนใดที่เข้าไปในสถานพยาบาลแต่ละแดนนอกเวลา
ซึ่งพยาบาลต้องมีสกิลในการประเมินผู้ป่วยฉุกเฉินได้ กรณีฉุกเฉิน คนเซ็นอนุญาตนั้นจะเป็นผู้บัญชาการเรือนจำ..."
บวกกับเอกสารข่าวกรมราชทัณฑ์ที่ส่งให้สื่อมวลชน วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๖ ระบุข้อความดังนี้ครับ...
"...พยาบาลเวรเรือนจำได้ติดต่อขอคำแนะนำกับแพทย์ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์ได้สอบถามอาการโดยละเอียดแล้ว ตลอดจนพิจารณาจากรายงานประวัติการรักษาของผู้ป่วยโดยแพทย์จากโรงพยาบาลต่างประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พบมีโรคประจำตัวหลายโรคที่อยู่ระหว่างการรักษาติดตามอาการ โดยโรคที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษคือโรคหัวใจ..."
ขั้นตอนคือ พยาบาลเวรต้องปรึกษาหมอ
หมอถามรายละเอียด
พิจารณาจากรายงานโรงพยาบาลสิงคโปร์และดูไบ
ต้องแจ้ง ผบ.เรือนจำ
ต้องส่งหนังสือกลับไปกลับมา
ทั้งหมดนี้เสร็จสิ้นใน ๔ นาที
นี่ยังไม่นับค่าใช้จ่ายที่นักโทษเทวดานอนห้องวีไอพีอีกกว่า ๑ ล้านบาท ใครเป็นคนจ่าย
ขั้นเทพทั้งกระบวนการครับ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โกงซ้อนโกง
ต้องยกนิ้วให้ครับ อย่าเข้าใจผิด...นิ้วโป้ง ครับ ฉายารัฐบาลถ้าไม่มีฉายา “พีระพัง” ร่วมด้วย บอกตรงๆ ว่า จืดไปเลย เพราะรู้อยู่แล้วว่า ฉายารัฐบาล และรัฐมนตรี จะออกมาแนวนี้
"ทักษิณ" ยังต้องการอำนาจ
ยังคาใจกันเยอะครับ... ตั้งแต่ "ทักษิณ ชินวัตร" กลับมาไทยในรอบ ๑๗ ปี จากนักโทษที่ไม่ยอมติดคุก เพราะป่วยวิกฤตห่างหมอไม่ได้ มีความเสี่ยงเสียชีวิตสูง
อนาคต'ส้ม-แดง'จับมือ
เข้าใจตรงกันนะครับ... ขอชมสักวัน "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" เจ้าของตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี วิเคราะห์การเมืองได้ตรงใจจริงๆ
'ทักษิณ'ไม่ใช่เจ้าของเวชระเบียน
เริ่มเห็นแนวโน้มครับ... อาจมีคนติดคุก หรือไม่ก็เสื่อมเสียเกียรติยศและศักดิ์ศรี รวมทั้งอาจสูญเสียหน้าที่การงาน เพราะร่วมขบวนการไม่ให้ "ทักษิณ ชินวัตร" ติดคุกแม้วันเดียว ไม่ใช่ ๑ คน แต่หลายคน
ใช้งาน 'ทักษิณ'
ยังไม่จบครับ.... การตั้ง "ทักษิณ ชินวัตร" เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียน ยังมีประเด็นที่น่าสนใจหลายมิติ
กราบบังคมทูลความเท็จ?
ไม่ทราบว่าเกี่ยวกันหรือเปล่า... วันก่อนกลุ่มมวลชนบิ๊กเนมนัดกินข้าวคุยเรื่อง "ป่วยทิพย์ชั้น ๑๔" กัน