มีเพื่อนชวนไปร้องเพลง พร้อมกับส่ง "คติพจน์" ของคนชอบร้องเพลงมาให้ เพื่อการพิจารณาและตัดสินใจเข้าร่วมการร้องเพลง เริ่มจาก
1.การร้องเพลงไม่สามารถทำให้คุณร่ำรวยได้ แต่สามารถทำให้คุณมีชีวิตที่ยอดเยี่ยมได้
2.การร้องเพลงไม่สามารถทำให้คุณเป็นผู้มีชื่อเสียงได้ แต่สามารถทำให้คุณอ่อนกว่าวัยได้
3.การร้องเพลงไม่สามารถทำให้คุณได้กินรังนกและหูฉลามทุกวัน แต่ช่วยให้คุณห่างไกลจากโรคได้
4.การร้องเพลงไม่สามารถทำให้คุณปราศจากความกังวล แต่สามารถทำให้คุณมีความสุขได้ง่ายๆ
5.การร้องเพลงอาจไม่ช่วยให้คุณบรรลุความฝันในอนาคตได้ แต่ช่วยให้คุณมีความสุขกับปัจจุบัน
6.การร้องเพลงที่ดีไม่เพียงแค่สนใจ แต่ต้องมีความตั้งใจ
7.การร้องเพลงไม่สามารถทำให้คุณมีชีวิตอยู่ได้อย่างเข้มแข็ง แต่มันทำให้คุณมีชีวิตที่ยืนยาว ร้องเพลงได้ยืนนาน
8.การร้องเพลงไม่สามารถทำให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่า แต่สามารถทำให้คุณดูดีได้เพราะการร้องเพลง ทำให้คุณสามารถควบคุมลมหายใจได้ ซึ่งเป็นการบริหารหัวใจปอด กระเพาะอาหาร ลำไส้ รวมถึงสมองด้วย อวัยวะจะถูกผลักและนวดโดยกระแสลม และจะได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยออกซิเจน ทำให้เซลล์สดชื่น ออกซิเจนสามารถส่งเสริมการสร้างเซลล์ใหม่ได้อย่างแน่นอน
อ่านแล้ว!! มนุษย์ป้าก็ตอบเพื่อนไปว่า ชอบแหกปากร้องเพลงไปกับเพื่อนๆ หรือไม่ก็ตอนขับรถคนเดียวอย่างมาก เลยสงสัยว่า หากร้องเพลงไม่เพราะในที่สาธารณะแล้ว มันจะไปทำลายสุขภาพคนอื่นไหมจ๊ะ?!? เพราะทุกวันนี้แค่หายใจยังผิดเพี้ยนเลยหนอ.
'ป้าเอง'
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ให้?!?..ในสิ่งที่ไม่ใช่
คนฝั่งธนฯ ตื่นเต้นกันพอสมควรทีเดียว กับป้ายรถเมล์ติดแอร์เย็นฉ่ำ ให้กับชาวบ้านบริเวณถนนหน้าซีคอนบางแค
ต้องมีน้ำอดน้ำทน..ไปถึงไหน?!?
ตื่นเต้นตื่นตัวกันอย่างอึกทึกครึกโครม เมื่อ สคบ.ป่าวประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2567 ใครซื้อของจ่ายเงินปลายทางแล้วพบว่า "ไม่ตรงปก" ชำรุด หลอกส่งสินค้า ให้ปฏิเสธการจ่ายเงินได้ แต่ถ้าใครจ่ายแล้วก็ให้แจ้งขอเงินคืนภายใน 5 วัน
ไม่ไป..ก็ไม่รู้!!
ไปเห็นมาแล้วหรือยังคะ กับแหล่งช็อปปิ้งใหม่ที่ใหญ่มาก อลังการงานสร้างใจกลางเมืองที่ชื่อว่า One Bangkok
พื้นฐานใช้ชีวิตให้สุขบั้นปลาย
ในงานประชุมเพลิงศพ "นายแพทย์" คนหนึ่ง มีหนังสือที่ระลึกแจกแก่ผู้ไปไว้อาลัยเพื่อหวังให้เป็น "บทเรียน" หรือจะเรียกว่าเป็นอุทาหรณ์สอนใจก็ได้ว่า เป็นหมอทั้งชีวิตก็มีสิทธิ์ป่วยได้ และไม่มีใครหนีพ้นสัจธรรมของโลก เกิด แก่ เจ็บและตาย
อายุน้อย100ล้าน!?!
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในกรณีเหล่าคนดัง ดารานักแสดง พิธีกร นางแบบนายแบบ พากันเดินเข้าคิวรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะธุรกิจขายตรง กลายเป็น "แชร์ลูกโซ่" นั้น มีผู้วิเคราะห์วิจารณ์ว่า มันได้สะท้อนบางเรื่องบางราวในสังคมไทยยุคนี้แบบน่าตกใจ นั่นคือ
ความรับผิดชอบของบุคคลสาธารณะ
กลายเป็นเรื่องทอล์กออฟเดอะทาวน์กันเลยทีเดียว กับดารานักแสดง พิธีกรรายการทีวีและวิทยุทั้งหลาย ที่ต้องตกเป็น "ผู้ต้องหา" ในคดีอื้อฉาวขายสินค้าประเภทอาหารเสริมและเวชสำอาง แต่กลับกลายเป็นขบวนการแชร์ลูกโซ่ไปเสียแล้ว