'แบงก์ชาติยันเกาะกูด'

ผมเห็นหัวอก "คุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง" ด้วยใจจริง

โอกาสเป็น "ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ" ของท่าน

ดูจะ "ปิดสนิท" แล้ว!

เมื่อ "นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์" ประธานคณะกรรมการคัดเลือก "สั่งเลื่อนประชุม" การคัดเลือกอีก เป็นครั้งที่ ๒

จากเมื่อวาน "จันทร์ ๔ พ.ย." ไปเป็น ๑๑ พ.ย. คือ "จันทร์หน้า"

เหตุที่เลื่อน ใครจะแถลงยังไง ไม่ต้องไปสนใจหรอก      เว้ากันซื่อๆ เลยดีกว่า....

เพราะกระแสต้าน "คุณกิตติรัตน์" นั่นแหละ...มันแรง!

ไม่ใช่เพราะคุณกิตติรัตน์ไม่ดี ไม่มีคุณสมบัติ

ตรงกันข้าม ดีและมีคุณสมบัติ ที่จะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงเก้าอี้ แต่คุณโชคไม่ดี เพราะฝ่ายที่เสนอคุณเข้าไปคือ "รัฐบาลเพื่อไทย" ที่เขารู้กันทั้งโลกว่า....

เป็นพรรคใต้การควบคุมและสั่งการของทักษิณ ทั้งคุณก็เคยเป็นรัฐมนตรีของพรรค, ทำงานให้พรรคมาตลอด

และมีทัศนคติเชิงปฏิปักษ์ต่อแนวบริหารการเงินของ "ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ" คนปัจจุบัน ถึงขั้นเคยออกปาก "อยากปลดวันละ ๓ เวลา"

แม้ขณะนี้ใน "ทางนิตินัย" คุณลาออกจากพรรคแล้วก็ตาม แต่ก็นั่นแหละ สังคมมีความเชื่อ ๒ ทาง                 

ทางหนึ่ง "ไม่เชื่อใจ" คุณกิตติรัตน์

อีกทางหนึ่ง "ไม่เชื่อถือ" รัฐบาลเพื่อไทย

เมื่อสังคมเข้าใจคุณกิตติรัตน์ ตัวคุณกิตติรัตน์ก็ต้องเห็นใจสังคมด้วยนะ

เพื่อ "เสถียรภาพประเทศ"

และเงินบาทคงความน่าเชื่อถือใน "มาตรฐานโลก" ที่สังคมโลกยอมรับ อะไรเพื่อการปกป้อง-รักษามาตรฐานนั้น "สังคมชาติ" ต้องทำ

เพราะผลประโยชน์ชาติ ต้องมาก่อนผลประโยชน์พรรค!

ในเมื่อต้นทุน "ทางความเชื่อถือ" และทาง "ความไว้วางใจ" ในรัฐบาลเพื่อไทยจากประชาชน ไม่มี หรือมีก็น้อยมาก

คุณกิตติรัตน์ แม้คุณเป็นเพียง "ฟองอากาศ"

แต่ฟองนั้น "ติดเชื้อ" ไวรัสทักษิณ สังคมจึงไม่สามารถปล่อยให้คุณแทรกเข้าไปในกระแสเลือดได้!

 “ผมไม่ทราบว่ากระทรวงการคลังจะเสนอชื่อบุคคลอื่นแทนชื่อของกิตติรัตน์หรือไม่

เพราะการเสนอชื่อคนที่จะมานั่งในบอร์ดแบงก์ชาตินั้นจากปลัดกระทรวงการคลัง และผู้ว่าการ ธปท.

หากจะเสนอชื่อแคนดิเดตใหม่ ก็ต้องเสนอทั้งสองฝ่ายคือทั้งคลังและแบงก์ชาติ เพื่อความเท่าเทียมกันของทั้งสองฝ่าย”

"คุณสถิตย์" ประธานคณะกรรมการคัดเลือก ส่งสัญญาณเมื่อวาน แปลตรงๆ ก็คือ

เพื่อไม่ต้องเลื่อนเป็นครั้งที่ ๓ "กระทรวงคลัง" หาคนอื่นมาเสนอแทน "คุณกิตติรัตน์" เถอะ!

นี่้เป็นเพียง "ข้อเสนอ" ไม่ใช่ "กฎ-กติกา" ว่าเลื่อนแล้วจะเสนอชื่อคนเดิมอีกไม่ได้

เสนอได้ แต่สังคม "ยี้" กิตติรัตน์ขนาดนี้ ถ้ายังดึงดันเสนออีก ไม่เพียงรัฐบาลและตัวคุณกิตติรัตน์ จะซวยซ้ำซาก

"๗ คณะกรรมการคัดเลือก" ด้วย ที่จะตกเป็น "จำเลยร่วม" ทางสังคม!

สรุป เหตุการเลื่อนประชุม มาจากฝั่งตัวแทนรัฐบาล คือคุณกิตติรัตน์ ถ้ารัฐบาลต้องการให้เรื่องนี้จบ

ก็เอาคนอื่นมาเสนอแทนคุณกิตติรัตน์ซะ ๑๑ พ.ย.จะได้จบ

เห็นพูดกันว่า คลังจะเสนอ "คุณพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์" อดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ถ้าจริงตามนี้........

"ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ" จะชื่อ "พงษ์ภาณุ" ชัวร์ ระดับ ๘๐-๙๐%

แต่ผมไม่แน่ใจ คุณพงษ์ภาณุจะยอมมา ท่านเป็นดอกเตอร์เศรษฐศาสตร์ ๓ ประเทศ ตรี นิวซีแลนด์, โท  สหรัฐฯ, เอก ญี่ปุ่น

เป็นลูกหม้อแบงก์ชาติ ชื่อเสียงการทำงานสะอาด เข้าทำเนียบชิงตำแหน่งปลัดคลัง แต่ได้ไปนั่ง "ปลัดการท่องเที่ยวฯ"

ลาจากราชการก่อนเกษียณเกือบปี ภาคเอกชนแย่งตัวไปนั่งตำแหน่งบริหารหลายบริษัท รวมทั้ง "Asset  World Corp. จำกัด (มหาชน)" ของ "คุณเจริญ สิริวัฒนภักดี"

เขาจะยอมติดแบรนด์เพื่อไทย เข้าชิง "ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ" แทนคุณกิตติรัตน์หรือไม่ อีกวัน-สองวันก็รู้!

เฮ้อ....

ตั้งแต่ "เพื่อไทย" เข้ามามีอำนาจควบคุมกลไกบริหารประเทศ คนทั้งบ้าน-ทั้งเมือง ต้องนอนผวากันทุกคืน

เผลอไม่ได้

เพราะไม่รู้ตอนไหนจะถูกรัฐบาลเพื่อไทย "ลักหลับ" แปลงประเทศเป็นบริษัทเครือชินบ้าง เป็นของชำร่วยต่างชาติบ้าง!

เรื่อง MOU 44 กับเขมร ว่าด้วยพื้นที่ทางทะเลในอ่าวไทยบริเวณเกาะกูด นี่อีกเรื่อง

พอพ่อจุดพลุ จะขุดพลังงานในอ่าวไทยขึ้นมาแบ่งกับเขมร และลูก "รับลูก" เท่านั้นแหละ

สังคมเดินหน้า "ตรวจสอบ" เชิงต่อต้านทันที!

ทั้งที่ ทุกคนรู้-โลกรู้ เขมรก็รู้ว่า "เกาะกูด" ของไทย "ล้านเปอร์เซ็นต์" ใครก็มาแหยมไม่ได้

MOU 44 แค่ "กรอบการเจรจา" ว่าด้วย "ไทยและเขมร" ต่างฝ่าย-ต่างลากเส้น ๒๐๐ ไมล์ทะเลในอ่าวไทย ออกไปยันกัน

ต่างฝ่าย-ต่างไม่ยอม และยังไม่มีใครได้อะไรไป มีแต่  MOU 44 ว่าเรื่องนี้ต้องมาคุยกันเท่านั้น

เนี่ย ทุกคนเข้าใจ....

แต่ "ระแวง-ไม่ไว้ใจ" รัฐบาลเพื่อไทยใต้คอนโทรลทักษิณ ในการเจรจากับเขมรว่าจะไปกุ๊กกิ๊กอะไรกัน

มาเมื่อวาน (๔ พ.ย.) นี่แหละ หน่วยงานรัฐที่พอเชื่อใจได้ออกมาแถลง ค่อยมีน้ำหนักทางน่าเชื่อฟังเป็นที่ยุติขึ้นมาบ้าง

"กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย" กระทรวงการต่างประเทศ "นายนิกรเดช พลางกูร" อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ

พร้อมด้วย "คุณสุพรรณวษา โชติกญาณ ถัง" อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย

ร่วมแถลง กรณี "พื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกันระหว่างไทย-กัมพูชา"

รวมทั้งแจงที่มาการ "ฟื้นฟูการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล" ที่มีขนาด ๒๖,๐๐๐ ตร.กม.ที่เกิดจากการประกาศเขตไหล่ทวีปในอ่าวไทยของ "ไทย-กัมพูชา" ที่เรียก MOU 44

"คุณสุพรรณวษา" อธิบายว่า

"MOU 2544 เป็นความตกลงที่กำหนดกรอบและกลไกการเจรจาระหว่างกัน โดยมิได้เป็นการยอมรับการอ้างสิทธิทางทะเลของอีกฝ่ายแต่อย่างใด ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะต้องเจรจากันต่อไป"

ผู้ทำหน้าที่เจรจา "คณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค = JTC" ของไทย ที่จะเสนอเข้า ครม.อนุมัติต่อไป เพื่อเดินหน้าเจรจากับ JTC ฝ่ายเขมร

มี "นายภูมิธรรม เวชยชัย" เป็นประธาน คณะกรรมการก็ประกอบด้วย

รัฐมนตรีด้านคลัง, รัฐมนตรีด้านพลังงาน, หน่วยงานด้านความมั่นคง, คณะกรรมการกฤษฎีกา, กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย, กรมเอเชียตะวันออก, กระทรวงการต่างประเทศ

และ "เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ" รวมแล้วประมาณ ๒๐ คน

"อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย" ตอบ ๕ คำถามสังคม ไว้ดังนี้

๑.MOU 44 นี้ ทำให้ไทยเสียเกาะกูดหรือไม่?

"ไม่"

เพราะในตัวสนธิสัญญากรุงสยามฝรั่งเศส ค.ศ. ๑๙๐๗ ระบุชัด "เกาะกูดเป็นของไทย"

ยืนยันกรรมสิทธิ์เหนือตัวเกาะชัดเจนอยู่แล้ว ในอดีตถึงปัจจุบัน เราใช้อำนาจอธิปไตยเหนือเกาะ ๑๐๐%

๒.MOU 44 ขัดพระบรมราชโองการการประกาศเขตไหล่ทวีปหรือไม่?

ยืนยันว่า การดำเนินการตาม MOU 44 สอดคล้องกับข้อความที่อยู่ใน "พระบรมราชโองการ"

ตามหลักเขตและแผนที่ การประกาศนี้ก็ระบุไว้ตามจุดพิกัดต่างๆ เป็นการแสดงแนวทางโดยทั่วไปของเส้นที่กำหนดไหล่ทวีป

เราใช้พื้นฐานของตัวอนุสัญญาเจนีวา ว่าด้วยไหล่ทวีป ค.ศ. ๑๙๕๘ เป็นพื้นฐานการประกาศพระบรมราชโองการตรงนี้

แต่ทั้งนี้ เรื่อง "สิทธิเหนืออธิปไตย" และการแสวงหาผลประโยชน์ทรัพยากรใต้ท้องทะเล ขึ้นอยู่กับการเจรจา

สิ่งที่แต่ละประเทศประกาศเคลม "ผูกพันเฉพาะภายในประเทศตัวเอง" เท่านั้น

เมื่อเกิดทับซ้อนก็ต้องเป็นเรื่องของการเจรจา และ MOU 44 คือเจตนารมณ์ ที่จะบอกว่า "เป็นข้อตกลงแนวทางให้ไปพูดคุยกัน"

๓.MOU 44 เป็นการยอมรับเส้นของกัมพูชาหรือไม่?

ยืนยันว่า "ถือเป็นหลักสากล" ต่างฝ่ายต่างมีสิทธิ์เคลม แต่ผูกพันเฉพาะ "ภายในประเทศตัวเอง" เท่านั้น ไม่มีผลต่อ "กฎหมายระหว่างประเทศ"

"MOU ไม่ใช่ปีศาจร้าย ที่จะมาสร้างพันธะอะไรให้กับเรา เพราะต่างฝ่ายต่างมีเส้นของตัวเอง และในตัวของ MOU ก็เข้าใจในประเด็นนี้"

ระบุในข้อที่ห้าว่า.......

"เงื่อนไขภายใต้เงื่อนไขการมีผลใช้บังคับของการแบ่งเขตสำหรับการอ้างสิทธิทางทะเลของภาคี ผู้ทำสัญญาในพื้นที่ที่ต้องมีการแบ่งเขต

บันทึกความเข้าใจนี้ และการดำเนินการทั้งหลายตามบันทึกความเข้าใจนี้ จะไม่มีผลกระทบต่อการอ้างสิทธิทางทะเลของแต่ละภาคีผู้ทำสัญญา"

ขอย้ำว่า "เราไม่ได้ยอมรับเส้นของกัมพูชา"

๔.MOU 44 ทำให้ไทยเสียเปรียบ เหตุใดจึงไม่ยกเลิก เพราะรัฐบาลอภิสิทธิ์ก็เสนอ ครม.ยกเลิกไปแล้ว และรัฐบาลชุดนี้จะดำเนินการต่อหรือไม่?

เธออธิบายว่า......

ช่วงปี ๒๕๕๒ ไทยมีหลายประเด็นกับกัมพูชา ทั้งการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหาร ความตึงเครียดชายแดน การเจรจาจึงลุ่มๆ ดอนๆ

กระทรวงการต่างประเทศจึงเสนอ ครม.ให้ยกเลิก MOU 44 เพราะมองว่าไม่มีความคืบหน้า ครม.รับในหลักการและให้ไปพิจารณาให้ดีและรอบคอบในแง่ของข้อกฎหมาย

กระทรวงฯ หารือกับทีมที่ปรึกษาจากต่างประเทศ ดังนั้น ปี ๒๕๕๗ เห็นว่า MOU 44 มีประโยชน์ "ข้อดีมากกว่าข้อเสีย" และกัมพูชาก็ยอมรับ

จึงเสนอกลับ ครม. "ให้ทบทวนมติ ครม." หลังจากนั้นทุกครั้งที่มีรัฐบาลเข้ามาใหม่ กระทรวงฯ ก็จะเสนอให้ใช้กรอบการเจรจา MOU 44 เป็นหลักพื้นฐาน

ถือเป็นกลไกเหมาะสมที่สุด เป็นการรักษาผลประโยชน์ของประเทศ และทุกรัฐบาลก็ยอมรับ     

๕.เกี่ยวกับการสร้างเขื่อนกันคลื่นของกัมพูชานั้น เขื่อนดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ทางทะเล เกี่ยวโยงกับพื้นที่ OCA

ตามข้อเท็จจริง เอกชนไปสร้างท่าเทียบเรือ โดยการถมดินในทะเลประมาณ ๑๐๐ เมตร ออกมาจากฝั่ง

ไทยได้ประท้วงทันที ๓ ครั้ง ปี ๔๑, ๔๔ และปี ๖๔

ผลประท้วง ทำให้เขมรหยุดการก่อสร้างของเอกชน เพราะมีบางส่วนกินพื้นที่เส้นที่เราเคลมไว้

เรื่องดังกล่าว อยู่ในการติดตามของกองทัพเรือและ สมช.อย่างใกล้ชิด

วันนี้ ยาวจนทับซ้อนพื้นที่ข่าว ฉะนั้น ประเด็นที่จะคุยยกยอดไปวันพรุ่งนี้ละกัน

อย่าลืม เรามี MOU ต่อกันวันพรุ่งนี้เน้อ!

-เปลว สีเงิน 

๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

 

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'นพดลย้อน-คำนูณแย้ง'

ฟัง "คุณนพดล ปัทมะ" ผู้มีส่วนร่วมใน MOU 44 ไปแล้ว ประเด็นหลักที่ต้องเน้นให้เข้าใจกันตามที่คุณนพดลให้สัมภาษณ์

MOU 44 'ผูกมัดใครกันแน่?'

"MOU 44" จริงๆ แล้ว มันยังไงกัน "ใครได้-ใครเสีย?"ฟังแต่ละผู้รู้แล้ว ยังมึนซ้าย-มึนขวา เมื่อวาน อ่านบทสัมภาษณ์ "คุณนพดล ปัทมะ" อดีต รมว.ต่างประเทศ ในเว็บไซต์ "แนวหน้า"

ศึก 'บางขุนพรหม'

วันนี้ ขอขึ้นต้นด้วย "ถ้า" ซัก "๓ ถ้า" ถ้าแรก... "ถ้า" ผมเป็นนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง "Mr.White Lie"