อีกไม่กี่วันข้างหน้าจะได้รู้กันว่าใครจะเป็นผู้นำ “The Free World” ระหว่างอดีตประธานาธิบดี กับอดีตรองประธานาธิบดี
ผลออกมาจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยจะได้เลิกถามว่า “ใครจะชนะการเลือกตั้ง?” เพราะผมบอกและออกตัวตั้งแต่แรกว่า ผมไม่รู้ พูดอีกครั้งว่า ผมไม่ใช่นักวิเคราะห์แม่นๆ….หลังผลออกมาแล้ว ปล่อยให้บรรดานักวิเคราะห์ นักวิชาการ และกลุ่มผู้รู้ดีทั้งหลาย ทำมาหากินของเขา เพราะคนไทยจำนวนหนึ่งชอบฟังและเชื่อพวกเขาครับ
แต่สำหรับผม ในการเลือกตั้งครั้งนี้มันยากที่จะบอกว่าใครจะชนะ เพราะมันไปทางไหนก็ได้ แต่รู้อย่างเดียว
ว่า การเป็นนารีขี่ม้าขาวของ Kamala Harris ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้สูสีมากกว่าปล่อยให้ Joe Biden เป็นผู้สมัครอยู่ โลกของสมาชิกพรรคเดโมแครตเมื่อ 3-4 เดือนที่แล้ว (ช่วงหลังดีเบตครั้งแรกระหว่าง Donald Trump กับ Biden) เป็นโลกที่มืดมน เป็นโลกที่ไม่เห็นอนาคต เป็นโลกที่ไร้ความหวัง
หันไปทางไหนมีแต่พ่ายแพ้ หันไปทางไหนมีแต่ความกลุ้มใจ ส่วนซีกรีพับลิกัน “เตรียมตัดชุดขาว” รอ เพราะชนะแน่ๆ
พอวันที่ Biden ประกาศถอนตัวและเปิดประตูให้ผู้สมัครใหม่เข้ามาชิงตำแหน่งแทนนั้น ทุกคนหันไปทาง Harris หมด ผมยอมรับว่าช่วงแรกๆ ผมนึกว่าพวกเดโมแครตจะมีการตะลุมบอน ผมนึกว่าเขาจะซัดกันเอง ฟัดกันเอง และมีสงครามภายในกันเอง เพื่อเลือกตัวแทนพรรค ซึ่งด้วยเวลาอันน้อยนิด และด้วยภาพพจน์จากภายนอก ถ้าซัดกันเองและฟัดกันเอง มีแต่ความฉิบหายเกิดขึ้นกับพรรค และฝั่งรีพับลิกันแทบไม่ต้องหาเสียงอะไรเลย
แต่ปรากฏว่าเดโมแครตมีเอกภาพ ไม่ฟัดกันเอง ไม่ซัดกันเอง ทุกคนรีบสนับสนุน Harris จนทำให้ฝั่งรีพับลิกันตั้งตัวไม่ทันและไปไม่ถูก จากเตรียมตัวชนะแน่ๆ ต้องปรับยุทธศาสตร์และรับมือกับผู้สมัครหน้าใหม่ ที่มีพลังและแรงสนับสนุนสูงจากฐานเสียงที่มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ช่วงแรกๆ ที่ Harris เข้ามานั้น กระตุ้นพรรคเดโมแครตอย่างจริงจัง ถ้าการเลือกตั้งลงคะแนนช่วงนั้น Harris ชนะด้วยคะแนนท่วมท้น…. แต่บังเอิญ เขาไม่ได้ลงคะแนนกันช่วงนั้นครับ
จากช่วงที่กระแสและพลังเทไปที่ Harris อย่างจริงจัง ทำไมตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถฟันธงได้ว่าใครจะชนะการเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่เข้าโค้งสุดท้าย?
ช่วง 2-3 เดือนในการหาเสียง ก็ถือว่าไม่ได้มีประเด็นอะไรที่จะเป็นเผือกร้อนให้กับผู้สมัครพรรคใดพรรคหนึ่ง อาจจะมีกระทบกระทั่ง อาจมีพูดเผลอพูดผิด อาจมีเรื่องเฉียดๆ เข้าข่าย “เผือกร้อน” แต่ไม่มีอะไรที่จะเขย่าผู้สมัครขนาดนั้นครับ อาจเป็นเพราะ Trump ไม่มีอะไรใหม่ที่จะขุดขึ้นมาได้ เนื่องจากคนรู้ว่าจะคาดหวังอะไรจากเขาถ้าเขาชนะ
เปรียบเสมือนยุคที่ Hillary Clinton ลงเลือกตั้ง เนื่องจากข้อกล่าวหาและข่าวฉาวทั้งหลายมันถูกเผยแพร่ไปหมด ไม่มีอะไรใหม่ที่จะทำให้คนรู้สึกตะลึง ตกใจ โกรธ หรือเกลียดเขาต่อไปได้ คนยังรู้สึกเฉยๆ และชิน เช่นเดียวกับ Trump ครับ ใครจะต่อว่าอะไรเขามากไปกว่าที่เคยต่อว่าและวิเคราะห์เขา ในช่วงที่ผ่านมา? ใครจะมีข้อมูลหรือการวิเคราะห์อะไรที่แตกต่างไปกว่าสิ่งที่ผ่านตาและผ่านหูมาแล้ว? บรรทัดฐานความตกใจและความเคืองกับข้อกล่าวหาต่อ Trump มันเลยจุดช็อกไปแล้ว
เช่นเดียวกับคุณพ่อของนายกรัฐมนตรีเรา ใครจะกล่าวหาอะไรเขา จะรู้ทันเขา หรือจะวิเคราะห์อะไรเขา ตอนนี้กลายเป็นว่าคนทั่วไปเฉยชาไปหมด พูดไปก็หาว่าเป็นแผ่นเสียงตกร่อง
ดังนั้นในเรื่องนี้ Trump ได้เปรียบ เพราะใครจะพูดอะไรเกี่ยวกับเขา คนเกลียด Trump ก็รู้สึกเป็นข้อกล่าวหาเดิมๆ ส่วนคนรัก Trump ก็ยิ่งรักเขามากขึ้น เพราะคิดว่าถูกกลั่นแกล้ง ผมจึงอยากย้อนกลับไปถามว่า เมื่อบริบทและบรรยากาศเป็นเช่นนี้แล้ว ทำไม Harris ไม่นำมากกว่านี้? ทำไมยังเป็นการแข่งขันที่สูสีอยู่?
เราต้องย้อนกลับไปดู Harris ก่อนเขาจะเป็นนารีขี่ม้าขาวกัน ในช่วงเป็นรองประธานาธิบดี คนลืมกันว่าเขาไม่ได้มีผลงานอะไรดีเด่น เขาไม่ได้มีประวัติอะไรน่าประทับใจขนาดนั้น และเขาไม่ได้เป็นที่ยอมรับ เหมือนที่ทุกคนพยายามปั้นให้เป็น ณ ตอนนี้ ใช่อยู่ว่าด้วยตำแหน่ง อำนาจไม่ได้อยู่ในมือเขา และด้วยตำแหน่ง เขาทำอะไรมากไม่ได้ แต่คนอื่นที่เคยอยู่ในตำแหน่งสร้างความผิดหวังให้กับผู้สนับสนุนเท่า Harris ไหมครับ? คงมีอยู่แล้วล่ะ แต่มีไม่มาก
เพราะอย่าลืมว่า แต่เดิม Biden มีแนวโน้มจะไม่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ช่วงที่ชนะการเลือกตั้งใหม่ๆ ด้วยปฏิกิริยา ด้วยคำพูด และด้วยอายุ เป็นการคาดการณ์กันว่า Biden มีหน้าที่ชนะ Trump เพื่อดึงเก้าอี้กลับคืนมา และพร้อมจะส่งไม้ต่อให้กับ Harris
ใครจะไปรู้ว่า Trump จะรอดจากเหตุการณ์ 6 January ที่ผู้สนับสนุนของเขาบุกสภา ใครจะไปรู้ว่าการเป็นอดีตประธานาธิบดีที่มีคดีและข้อกล่าวหาติดตัวเยอะขนาดนี้ จะสามารถเป็นผู้สมัครอีกรอบหนึ่งได้ ใครจะไปคิดว่า Trump ที่มีทั้งแผลและประวัติเลวร้าย ยังสามารถลุ้นชนะการเลือกตั้งครั้งนี้? อย่าว่าแต่ลุ้นชนะการเลือกตั้งเลย แค่เป็นผู้สมัครก็ถือว่าทึ่งแล้วครับ
การเลือกตั้งครั้งก่อน จากส่วนตัวผมถือว่า Biden ชนะไม่ใช่เพราะคนคลั่งไคล้หรือศรัทธา Biden ขนาดนั้น กลับเป็นเพราะ Biden ไม่ใช่ Trump การลงคะแนนให้ Biden เป็นการประกาศ พอกันทีกับ 4 ปีของ Trump พอกันทีกับเรื่องไร้สาระ พอกันทีกับเด็กงอแง พอกันทีกับผู้นำที่ไร้ภาวะผู้นำ การลงคะแนนให้ Biden เป็นการเรียกคืนความศักดิ์สิทธิ์ในตำแหน่งประธานาธิบดี
ผมจึงต้องถามอีกครั้งว่า แล้วทำไมการเลือกตั้งครั้งนี้มันจึงสูสีขนาดนี้ครับ? ถ้า Biden ยังเป็นผู้ชิงตำแหน่งอยู่ Trump ชนะแบบนอนมา แต่เมื่อเปลี่ยนเป็น Harris ทำไมคะแนนหรือกระแสไม่ท่วมท้น? คงจะต้องดูผลคะแนนเป็นคำตอบดีกว่า เพราะตอนนี้มีแต่การคาดการณ์และคาดเดา มีแต่โพล และมีแต่ความไม่แน่นอน
ผมไม่ฟันธงอะไรเลยครับ เพราะผมไม่รู้จริงๆ ว่าใครจะชนะ อย่างที่บอกเมื่อสัปดาห์ก่อน ผมจะไม่แปลกใจถ้า Trump ชนะ…. แต่ผมจะแปลกใจถ้า Harris แพ้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
Gisele Pelicot วีรสตรีของโลก
วันนี้ผมขออนุญาตเขียนเรื่องที่อาจสะเทือนใจ และสร้างความอึดอัดให้กับแฟนคอลัมน์หลายท่าน มันไม่ใช่เรื่องที่คนปกติจะนั่งพูดคุยกัน เป็นเรื่องสะเทือนใจ
สงครามที่โลกลืม…ปิดฉากไปแล้ว
มันแปลกจริงๆ ครับ ประมาณเกือบ 2 สัปดาห์ที่แล้ว อยู่ๆ ผมนึกถึงคอลัมน์ที่ผมเคยเขียน เรื่องเกี่ยวกับ “สงครามที่โลกลืม”
President Biden….You’re a Good Dad
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีสารพัดเรื่องที่น่าสนใจและน่าเขียนถึง เรื่องแรกต้องเป็นเรื่องประกาศกฎอัยการศึกในเกาหลีใต้ เพราะเป็นเรื่องไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้น และถือว่าเป็นการประกาศฟ้าผ่าทีเดียว
คุยเรื่อง…ที่ไม่ใช่เรื่อง
เผลอแป๊บเดียว วันนี้เราเข้าเดือนสุดท้ายของปีแล้ว ถือว่าเราเข้าฤดูกาลซื้อของขวัญสำหรับคริสต์มาสและปีใหม่อย่างเป็นทางการ ถึงแม้ตามห้างต่างๆ
'ศาลอาญาระหว่างประเทศ….มีไว้ทำไม?'
เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา ศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court หรือ ICC) ได้ออกหมายจับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล Benjamin Netanyahu
'BRO!!!!!'
เกือบ 2 สัปดาห์กับผลการเลือกตั้งในสหรัฐ ที่สร้างความประหลาดใจให้กับคนทั่วไป เว้นบรรดานักวิเคราะห์แม่นๆ….หลังผลออกมา พวกนี้ยังพูดเต็มปากเต็มคำว่า