ยุบสภา ใครว่า "ไม่ดี"?

"ลมหนาว" มาปุ๊บ...

ข่าวลือ "ยุบสภา" ตามมาปั๊บ!

"จริง-ไม่จริง" ไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นมันอยู่ตรง "ความจริง" ที่ว่า

ปีกว่าของรัฐบาลเพื่อไทย นายกฯ ๒ คน ประเทศชาติ-ประชาชน "ได้อะไร" งอกเงย จากการบริหารของรัฐบาลชุดนี้บ้าง?

นอกจากความ "อัปยศ" และ "อับอายขายขี้หน้า" แล้ว!

ถ้าบอกว่า การหมกมุ่นแก้รัฐธรรมนูญ ออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และกู้มาแจก ๓ อย่างนี้ คือผลงาน

ตรงนี้ ผมเถียงไม่ออก

ยิ่งถ้าตอกย้ำลงไปอีกว่า การขมีขมัน ดัน-ผลัก เปิดบ่อนกาสิโน ถมทะเลทำเกาะเทียม "ขายต่างชาติ" ๙๙ ปี

ขุดก๊าซ "บริเวณเกาะกูด" แบ่งเขมรคนละ ๕๐/๕๐ และตั้งกองทุนซื้อสัมปทานรถไฟฟ้า อ้างว่าจะได้ ๒๐ บาทตลอดสาย

นี่คือผลงาน "หารายได้เข้าประเทศ" ของรัฐบาลแพทองธารด้วยแล้วละก็

จากเถียงไม่ออก

"ชาวบ้าน-ร้านตลาด" พากัน "หายใจไม่ออก" กับนโยบายกินเนื้อ-ซ่อนเม็ด-ซุกหนี้-ทิ้งซาก เป็นมรดกลูกหลานขนาดนั้นเลย!

นโยบายที่เคยขายฝันไว้ตอนหาเสียง ไม่มีซักอย่างที่เพื่อไทยทำได้จริงตามโม้

ดูการเติบโต GDP กลุ่มประเทศอาเซียน ไตรมาส ๑ ซิ

เวียดนามโต ๕.๗, ฟิลิปปินส์ ๕.๗, อินโดฯ ๕.๑, มาเลย์ ๔.๒, สิงคโปร์ ๒.๗

ส่วนไทย ที่โขมงโฉงเฉง "เพื่อไทยมีแต่คนเก่ง ๓% สบายมาก" นั้น

เก่งงานหรือเก่งโกง ไม่แน่ใจ

เพราะปรากฏว่าไทย "รั้งท้าย" โด่ โตแค่ ๑.๕%!

อย่างนี้ต้องซื้อปี๊บซักครึ่งโหล แจกนายกฯ อุ๊งอิ๊งใบ นายภูมิธรรมใบ นายพิชัย รัฐมนตรีคลังใบ นายพิชัย รัฐมนตรีพาณิชย์ใบ

อีก ๒ ใบ ให้นายจุลพันธ์ กับนายเผ่าภูมิ รมช.คลัง คนละใบ!

ดูแนวบริหารที่ไม่เป็นชิ้น-เป็นอัน คอยแต่โหนหมูเด้งบ้าง ลิซ่าบ้าง นักมวยบ้าง ชุบมือเปิบผลงาน "ประชาจิตอาสา" และทหารที่เขาช่วยคนน้ำท่วมบ้าง

ถึงไตรมาส ๔ "ทั้งปี" หุบปากไปเลยที่ว่าจะโต ๓%

ได้ซัก ๒% ก็หืดขึ้นแล้ว

ยิ่งที่ "คุยใหญ่-คุยโต" ในเทอมรัฐบาลเพื่อไทย จะทำให้โตถึง ๕% นั้น

ต่อมลูกหมากโตละได้ ไม่น่าใช่ GDP ไทยโต?

เศรษฐกิจซบ มีแต่ทรุด โทษ "แบงก์ชาติ" ไม่ลดดอกเบี้ย

ครั้น กนง.ลดให้ .๕๐

ไหนล่ะ..ที่ว่าเศรษฐกิจจะฟื้น ก็ยังเห็นชาวบ้านเป็นปลากระดี่แถกดอนเหมือนเดิม

บอก..ต้องเอาเงิน ๕ แสนล้านแจกคนละ ๑๐,๐๐๐ บาท เพื่อทะลวงท่อการบริโภคและการจับจ่ายใช้สอยชาวบ้าน เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ

แจกไป ๒ แสนล้านแล้วมั้งตอนนี้ ปรากฏว่า "เงียบฉี่"

เงินหมุนออกไป ท่อเศรษฐกิจก็ยังตันอี๋

จนแม่ค้าตลาด ผู้ชำนาญการเศรษฐกิจปากท้องชาวบ้านภาคปฏิบัติ ต้องออกมาอัดคลิป

สอนรัฐบาลและรัฐมนตรีคลัง ที่ชำนาญแต่ด้านเอาสมบัติชาติไปแปลงเป็นหุ้นขายในตลาดทุน

มันต้อง "คนละครึ่ง" อย่างรัฐบาลประยุทธ์เขาทำเว้ย "เงินต่อเงิน" มันถึงจะกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าว่าด้วยปากท้องได้

ตอนคนละครึ่ง แม่ค้า-แม่ขายตามตลาด ขายดิบ-ขายดี แป๊บเดียวหมด "ล้างหม้อ-ล้างไห" ทำของใหม่มาขายต่อแทบไม่ทัน

อย่างที่แจกคนละหมื่น ขึ้นต้นเป็นดิจิทัล แต่ลงท้ายเป็นเงินสด มันก็ลงขวดบ้าง เป็นเม็ด-เป็นผงบ้าง เป็นใต้ดิน-บนดินบ้าง

"นายทุนเงินกู้" ริบไปแต่หน้าตู้ ATM บ้าง

ที่จะกิน-จะใช้ มีเงินสด ๑ หมื่นทั้งที เรื่องอะไรกูจะไปกินของตามตลาด

มันต้องเข้าห้าง เข้าศูนย์การค้า ไม่งั้นก็เซเว่น ค่อยสมฐานะ "เศรษฐีมีเงินหมื่น" หน่อย

นี่...มันเป็นแบบนี้...

แม่ค้า-แม่ขายตามตลาด เลยหงอยเป็นหอยแห้งแหงแก๋ เพราะ "พายุหมุน" ส่วนใหญ่ หมุนเข้ารมณียสถานและห้าง มีแค่หางๆ ที่จะกะล่อย-กะหลิบไปหยิบซื้อตามตลาด!

สรุปแล้ว เข้าปีที่ ๒ รัฐบาลมีสภาพ "สวะลอยน้ำ" เกาะกินการท่องเที่ยวบ้าง โหนโน่น-นี่ แล้วตีขลุมเป็น "ซอฟต์เพาเวอร์" ไปมื้อๆ บ้าง

ผลงาน "เป็นเนื้อ" ไม่มี

มีแต่คอย "ถลกหนัง" ประเทศไปขายหากิน

ลงท้าย ก็ต้องปัดฝุ่นเศรษฐกิจอุตสาหกรรมฐานรากที่รัฐบาลประยุทธ์ทำไว้ ชู EEC เป็นเนื้องาน "สานต่อ"

ตรงนี้ นอกจากไม่ว่า ยัง "ยกย่อง-ชมเชย" ด้วยซ้ำ

อะไรที่ดี-ที่ใช่ มันต้องสานต่อ ไม่มีการเสียหน้า มีแต่ได้หน้า เพราะมันเป็นงานจากเงินภาษีประชาชน เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของประชาชน และสังคมประเทศ

อย่าง BCG อย่างรถไฟฟ้าไทย-จีน ต้องทำต่อ

รถไฟฟ้าเชื่อม ๓ สนามบิน มันติดตรงไหน ป่านนี้ยังไม่ได้ลงมือตามสัญญา

ต้องแก้ปัญหา ด้วยเอาผลประโยชน์ชาติเป็นตัวตั้ง

ไม่ใช่แก้ โดย "รื้อสัญญา" ผลประโยชน์มึง-ผลประโยชน์กู เป็นตัวตั้ง!?

มัวแต่บ้า พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พ.ร.บ.ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.ประชามติ          

ถามคำ เรื่องพวกนี้ มันจำเป็นและสำคัญเร่งด่วน ชนิดหายใจเข้าต้องรีบ หายใจออกก็ต้องรีบ ขนาดนั้นเชียวหรือ?

มันเพื่อใคร

เพื่อประโยชน์ชาติและประชาชน หรือเพื่อพวกล่มชาติ-ล้มสถาบัน และเพื่อ "พวกู" จะได้โล่งจาก "รัฐธรรมนูญ ฉบับปราบโกง"!?             

มันออกอ่าว-ออกทะเล "ลึก" จนไม่เห็นฝั่งไปทุกทีแล้วล่ะ รัฐบาลนี้ ภายใต้นายกฯ ที่มีแต่ "แบรนด์เนม"

แต่ไร้ "เบรน เนม"!

แค่ให้บริหารธุรกิจตระกูลซักแห่ง ก็ยังยาก แล้วนี่ให้มาเป็น "ผู้นำบริหารประเทศ"

ออกงานที คนไทยทั้งประเทศก็ต้องลุ้นกันจนเสียดท้องน้อย ด้วยกลัวว่า ผู้นำไทยจะทำขายหน้า

แล้วก็ต้องมีให้ขายไปทุกงานจนได้ อย่างนี้ ที่จะให้ครบ ๔ ปี บ้านเมืองไม่ป่นเป็นแป้งไปหมดหรือ?

พวกลูกหาบในพรรคและพวกมีหน้าที่หิ้วชายกระโปรง ก็แบกหน้าออกมาแก้ต่างให้นายหญิงกันจนตัวโก่งไม่เว้นแต่ละวัน

พวกคุณไม่อาย แต่ผมอายแทนนะ!

ลูกโป่ง พองได้ขนาดไหน อัดลมเข้าไปมากๆ มันยังแตกได้ แล้วคน ศักยภาพมันก็ "มี-เท่าที่มี"

ทั้งพ่อ ทั้งลูกคอก ช่วยกันขนาดไหน มันก็ได้แค่นั้น ผมจึงบอกด้วยสงสารว่า "เมื่อไม่ไหว ก็อย่าฝืน"

ประเทศชาติ-บ้านเมือง ไม่ใช่เครื่องประดับเกียรติวงศ์ตระกูล อย่าเข้าใจว่า รัฐบาลมี ๓๐๐ กว่าเสียง "ฝ่ายค้าน" ก็แค่ลูกกรอกดุ๊กดิ๊กอยู่ในกระเป๋ากางเกงพ่อ ไม่มีน้ำยาอะไร

ทั้งรัฐบาลพ่อ รัฐบาลอา...

เสียงคุ้มกระบาล "ล้นสภา" ทั้งนั้น แต่ถึงวันที่ประชาชนทนไม่ไหว ไอ้ที่ล้นสภาก็ไม่มีความหมาย

ประชาชนเลือกเข้ามาได้ ประชาชนก็ลากออกไปได้

ต้องเข้าใจ ประชาธิปไตย "โดยประชาชน ของประชาชน เพื่อประชาชน" ในมุมนี้ไว้ด้วย!

ไม่ต้องมาขึ้นเสียงเถียงจ๋อยๆ หรอกว่า เพิ่งเป็นรัฐบาล

เข้าปีที่ ๒ แล้ว....

มันพ้นโปร สู่สถานะ "เพิ่งตาย" ได้แล้ว!  

ดูอย่างญี่ปุ่นซิ "นายชิเงรุ อิชิบะ" ขึ้นเป็นนายกฯ ได้เพียง ๘ วัน เห็นท่าไปไม่ไหว รัฐบาลฉาวโฉ่เรื่องเงินทุนนอกระบบ

ก็คืนการ "ตัดสินใจ" ให้ประชาชน ประกาศ "ยุบสภา"

เพิ่งเลือกตั้งใหม่ เสร็จไปเมื่อวันเสาร์นี่เอง

ได้รัฐบาลใหม่ปุ๊บ "ตลาดเงิน-ตลาดทุน" ญี่ปุ่น พุ่งปรู๊ดปร๊าดตลาดแตก

นั่นเพราะอะไร ที่ซบก่อนหน้า เพราะคนไม่เชื่อมั่น-ไม่ศรัทธารัฐบาลและตัวผู้นำ

แค่เปลี่ยนใหม่ "โดยประชาชน" แม้ยังไม่ทันได้เข้ามาทำอะไร แต่การได้เขี่ยสวะบนหลังทิ้งไป "ความหวัง" จากสิ่งใหม่ ก็ปลุกให้ตลาดตื่น!

รัฐบาลเพื่อไทยนี่เหมือนกัน ประชาชนมองไม่เห็นอะไรที่จะหวังได้จากการอยู่ของรัฐบาลนี้ นอกจาก "จมลงไป"

ฉะนั้น ข่าว "ยุบสภา" ที่โชยมากับลมหนาว ข่าวจริง-ข่าวปล่อยไม่รู้

ที่รู้ สมควรที่จะให้มัน "เป็นจริง!"

ก็เห็นทุกพรรคชูประชาธิปไตย เพื่อไทยเอง ประกาศเป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย"

ยุบสภา "เลือกตั้ง" มันคู่กับประชาธิปไตย เชื่อมั่นในประชาชน จะกลัวเลือกตั้งทำไม?

หรือต้องการให้รัฐประหารในประชาธิปไตย?!

หรือเลือกตั้งไปเมื่อปี ๖๖ ยังไม่ทันถอนทุน จึงไม่อยากเลือกตั้งตอนนี้

ไม่เป็นไรน่า เทียบกับงบประมาณ ที่ต้องใช้ในการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ และงบประมาณที่ต้องใช้ตั้ง ส.ส.ร.เขียนรัฐธรรมนูญใหม่

ไม่หนี ๓-๕ หมื่นล้านบาท เสียไปโดยไม่จำเป็น!

เลือกตั้งใหญ่ ปี ๖๖ ยังใช้แค่ ๕.๙ พันล้าน สมมุติ "ยุบสภา" เลือกตั้งใหม่ ปี ๖๘ ก็ตีละว่า ๖ พันล้าน

ได้รัฐบาลใหม่ ผู้นำบริหารใหม่ ยังไงก็คุ้มกว่า ๓-๕ หมื่นล้านที่เสียไป เพื่อล้มรัฐธรรมนูญ ฉบับ "ปราบโกง"

หวังเขียนใหม่ เปิดช่องให้นักการเมือง "ล้วงลูก" ระบบราชการ "เพื่อโกง" กันได้สบายๆ อย่างตะก่อน

อยากจบอย่างมีเกียรติ-มีศักดิ์ศรี ก็ "ยุบสภา" ซะ

แต่ถ้าอยากจบอย่างมีคดี-มีไข่เน่าปาใส่ ก็ "อยู่ไป"

ส่วนผม ก็ทู่ซี้อยู่ตรงนี้แหละ

"มีกิน-มีใช้ ไม่มีศักดิ์ศรี" แต่มีแบรนด์ "เมด อิน ไทยแลนด์" ใส่ ไปไหนๆ มีแต่คนชมว่า

"หล่อดอก" เหมือน "ยางใหม่" เลยนะ..พ่อคุณ!.

-เปลว สีเงิน

๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๗

 

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ถ้าบ้านเมือง 'ไม่มีทหาร'

"พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว" และ "สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี"

ความเหมือนที่แตกต่าง ของช่วงโค้งสุดท้าย เลือกตั้งไทย-สหรัฐฯ | จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์

ความเหมือนที่แตกต่างของช่วงโค้งสุดท้าย เลือกตั้งไทย-สหรัฐฯ | จับจ้องมองโลก.. จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์ : วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ.2567

ตากใบ:ตากยังไงให้แห้ง?

รัฐบาลชอบพูด "ถอดบทเรียน" ผมเห็นด้วย ดังนั้น วันนี้ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๗ ผมก็อยากให้ "นายกฯ แพทองธาร-พรรคเพื่อไทย" และ "คนในระบบรัฐ"