ผมขออนุญาตเขียนเรื่องเบาๆ อีกสักครั้งหนึ่งครับ ไม่เขียนวันนี้ผมไม่รู้จะเขียนตอนไหน และเอาเข้าจริงผมอยากพาแฟนๆ ทั้งหลายออกจากโลกข่าวดิไอคอนกรุ๊ปครับ
ผมเชื่อเหลือเกินว่าสัปดาห์นี้คงมีข่าวเรื่องอื่นมาแทนเรื่องดิไอคอน ถ้าไม่มี ผมขอภาวนาให้มีเถิด ไม่ใช่เพราะเรื่องดิไอคอนไม่สำคัญนะครับ มีผู้เสียหายเกิดขึ้นต้องเป็นเรื่องใหญ่ แต่ไม่ใช่ว่าหันไปทางไหนเห็นแต่หน้ากลุ่มผู้บริหาร ที่ทั้งใสปิ๊ง และเต็มไปด้วยโบท็อกซ์กับซิลิโคน
เป็นเรื่องใหญ่จริง และเป็นเรื่องสำคัญ ลึกๆ แล้วเป็นเรื่องที่คนไทยชอบ ผมไม่พูดถึงไทยระดับล่าง ผมพูดถึงไทยทุกระดับ ไทยทุกคนครับ
จะมีอยู่ไม่กี่เรื่องที่ทุกระดับสังคมจะให้ความสนใจแบบพร้อมเพรียงกัน เรื่องหนึ่งแน่ๆ คือเรื่องใต้สะดือ ยิ่งถ้าเป็น คนนี้เป็นชู้กับคนนั้น คนให้ความสนใจ หรือพระมีเรื่องใต้สะดือกับสีกาคนยิ่งสนใจเข้าไปใหญ่ อีกเรื่องคือ คอร์รัปชัน ถ้าคนที่ถูกจับเป็นผู้มีชื่อเสียง หรือนักการเมืองมีชื่อเสียงนั้น คนไทยสนุก ส่วนเรื่องสุดท้ายคือเรื่อง คน (อวด) รวย ล้ม หรือสะดุด เหมือนกรณีอดีตนักร้องลูกทุ่งที่เปิดแอร์ให้กระเป๋าแบรนด์เนมเย็นฉ่ำ หรือแม่ค้าขายทองอวดรวยและโดนจับได้ขึ้นมาว่าไม่เป็นอย่างที่โฆษณาไว้
อย่างไรก็แล้วแต่ คนไทยชอบเรื่องแบบนี้ และจะยังชอบเรื่องแบบนี้ต่อไป มันสนุก มันเมาธ์กันมันส์
ก็เอาเถอะ ขนาดผมจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ผมก็ยังพูดถึงอยู่ดี ผมเห็นว่าพรุ่งนี้เป็นวันครบรอบ 28 ปี ไทยโพสต์ หรือจะคิดอีกมุมหนึ่งคือ พรุ่งนี้เป็นวันก้าวสู่ปีที่ 29 แล้วแต่มุมมองครับ แต่เพื่อไม่งง พรุ่งนี้ครบ 28 ปีที่ผมมีโอกาสเขียนให้ไทยโพสต์ เพราะเหตุการณ์ 9-11 (11 กันยายน 2001) คือเหตุการณ์ถล่มตึกเวิลด์เทรด
พอเหตุการณ์เกิดปุ๊บ คุณเปลว สีเงิน ชวนให้ผมเขียนบทความ อธิบายเหตุนี้ผ่านสายตาคนที่คุ้นเคยกับโลกหรือวัฒนธรรมตะวันตก ที่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกและอธิบายให้คนไทยเข้าใจ ไม่ใช่เพื่อโน้มน้าวให้คนไทยรักฝรั่ง หรือบ้าคลั่งความเป็นฝรั่ง แต่ให้บทความนี้มีความแตกต่างกว่าบทวิเคราะห์อื่นๆ ที่เพียงแต่รายงานและแปลข่าวให้คนไทย
วัตถุประสงค์ของบทความช่วงนั้นคือ พยายามถ่ายทอดความสะเทือนใจที่คนอเมริกันมีต่อเหตุการณ์นี้ และทำไมเหตุการณ์นี้จึงเป็นเรื่องใหญ่โต และทำให้โลกและชีวิตของคนอเมริกันเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง ผมเลยรับโจทย์นี้ เขียนบทความทุกวันเป็นเวลาเกือบ 2-3 เดือนเต็ม
พอเรื่อง 9-11 เริ่มหมดประเด็น มีแนวความคิดว่าให้บทความผมเป็นคอลัมน์ประจำ เขียนเรื่องราวการต่างประเทศผ่านสายตาคนที่คุ้นเคยและเข้าใจวัฒนธรรมตะวันตก อธิบายให้คนตะวันออกเข้าใจ แต่ปรับจาก 7 วัน ให้เหลือ 5 วัน พอนานเข้า 5 วันเหลือ 3 วัน หลังจาก 3 วัน เป็นอาทิตย์ละ 1 ครั้ง
ผมก็เขียนต่อเนื่องมา 15 (หรือ 16) ปีเต็มครับ ผมตัดสินใจ หยุดเขียนช่วงที่ผมต้องย้ายไปอยู่อินโดนีเซีย ช่วงปี 2016-2019 เนื่องจากผมไม่รู้ว่าหน้าที่การงานของผมจะเป็นอย่างไร และในแต่ละสัปดาห์กับเดือน ผมจะต้องทำอะไร ที่ไหนอย่างไร ผมเกรงว่า ผมจะหาเวลาเขียนบทความไม่ได้ เลยขออนุญาตทางไทยโพสต์หยุดเขียน โดยอาจจะกลับมาเขียนในวันข้างหน้าก็ได้ แต่ ณ เวลานั้นผมเขียนลาแฟนคอลัมน์ และเข้าไปกราบลาผู้ใหญ่ไทยโพสต์ด้วยความเคารพ เพราะไม่คิดว่าจะกลับมาเขียน
ใครจะไปรู้ว่าจะหยุดชั่วคราวเป็นเวลา 6 ปีเต็ม?
พอหมดวาระที่อินโดฯ ผมกลับมาอยู่ไทย พอดีเวลาที่โลกหยุดหมุน เพราะยุค Covid 19 ซึ่งจะพอดีช่วงเวลาที่ผมลองงานใหม่ ทำหน้าที่ Country Director for Thailand ให้คำปรึกษาบริษัทข้ามชาติที่อยากจะมาลงทุนในไทยแต่ไม่มีความรู้ หรือมีความเข้าใจน้อยเรื่องหน่วยงานรัฐ กับวิธีทำงานของรัฐบาล
แต่พออยู่พักหนึ่ง เหมือนมีความรู้สึกและความอยากจะกลับมาสัมผัสแฟนคอลัมน์ผ่านไทยโพสต์อีกครั้ง แต่ทุกครั้งที่เหมือนอยากกลับมาผมนึกถึงความทุกข์ทรมานที่ต้องคิดเรื่องเขียนในแต่ละสัปดาห์ ผมเลยผลักความรู้สึกและความอยากที่จะสัมผัสแฟนคอลัมน์ผ่านไทยโพสต์ออกไปก่อน จนกระทั่งถึงช่วงเหมาะ ถ้าจะกลับมา
ปีที่คุณพ่อผมเสีย (พ.ศ.2539) คุณพ่อผมอายุ 51 ย่าง 52 ครับ บังเอิญปีที่ผมอายุ 51 จะย่าง 52 วันที่ 11 เมษา.ปีนั้นตรงกับวันอาทิตย์ ซึ่งจะตรงกับวันที่คอลัมน์ผมเคยลงทุกอาทิตย์ ผมเลยมีความรู้สึกว่า ถ้าผู้ใหญ่ไทยโพสต์ไฟเขียว ผมอยากจะกลับมาเริ่มเขียนบทความอีกรอบหนึ่ง ลงวันนั้นครับ
ที่ผมเลือกวันนั้น ปีนั้น ผมเขียนในบทความทำนองว่า เป็นวันครบรอบเสียชีวิตคุณพ่อผมก็จริง แต่ตั้งแต่วันนี้ (วันที่ลงคอลัมน์วันนั้น) เป็นต้นไป ผมจะอายุมากกว่าคุณพ่อผมแล้ว และทุกวันที่ผมจะยังมีชีวิตอยู่ต่อจากนี้ไป ผมจะอายุมากกว่าคุณพ่อผมมากขึ้นทุกวันๆ
ผมไม่ได้มีส่วนสำคัญอะไรทำให้ไทยโพสต์ยืนหยัดยาวนานจนทุกวันนี้ ไทยโพสต์มีจุดเด่นจุดสำคัญ ขับเคลื่อนความนิยม ที่มั่นคงอยู่แล้ว ผมเป็นเพียงแค่เสี้ยวเล็กๆ เสี้ยวหนึ่งที่ไทยโพสต์กรุณาเปิดช่องทางให้ผมมีส่วนร่วมด้วย ผมเลยขอถือโอกาสตรงนี้ ขอบคุณไทยโพสต์ด้วยใจ ที่เปิดโอกาสให้ผมสัมผัสกับแฟนคอลัมน์ทุกท่านครับ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คุยเรื่อง…ที่ไม่ใช่เรื่อง
เผลอแป๊บเดียว วันนี้เราเข้าเดือนสุดท้ายของปีแล้ว ถือว่าเราเข้าฤดูกาลซื้อของขวัญสำหรับคริสต์มาสและปีใหม่อย่างเป็นทางการ ถึงแม้ตามห้างต่างๆ
'ศาลอาญาระหว่างประเทศ….มีไว้ทำไม?'
เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา ศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court หรือ ICC) ได้ออกหมายจับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล Benjamin Netanyahu
'BRO!!!!!'
เกือบ 2 สัปดาห์กับผลการเลือกตั้งในสหรัฐ ที่สร้างความประหลาดใจให้กับคนทั่วไป เว้นบรรดานักวิเคราะห์แม่นๆ….หลังผลออกมา พวกนี้ยังพูดเต็มปากเต็มคำว่า
“ถ้าไม่เลือกเรา...เขามาแน่”...ทำให้เขาชนะขาดลอย
ผมไม่แน่ใจว่ากว่าแฟนคอลัมน์จะได้อ่านบทความนี้ เรื่องที่ผมจะเขียนนั้นมันแห้งเกินไปหรือเปล่า เพราะกว่าจะถึงวันที่ได้อ่านบทความนี้ เรื่องนี้อาจจะเก่าไปแล้วก็ได้
ผมจะไม่แปลกใจถ้าTrumpชนะ….แต่ผมจะแปลกใจถ้าHarrisแพ้
อีกไม่กี่วันข้างหน้าจะได้รู้กันว่าใครจะเป็นผู้นำ “The Free World” ระหว่างอดีตประธานาธิบดี กับอดีตรองประธานาธิบดี
Thank you, Fernando
โค้งสุดท้ายในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐมาถึงแล้ว ผมขอประกาศตัวว่า ผมไม่ใช่นักวิเคราะห์แม่นๆ….หลังผลออกมาครับ บ้านเมืองเราเต็มไปด้วยนักวิเคราะห์ที่จะฟันธงและวิเคราะห์อย่างหนึ่ง….