คำถาม-คำตอบสำหรับ 'คนเดือนตุลา.'

6 ตุลา. 2519 นั้น...ผ่านมาแล้วตั้ง 48 ปี ยิ่ง 14 ตุลา. 2516 ด้วยแล้ว ยิ่งปาเข้าไปถึง 51 ปี ด้วยเหตุนี้...ถ้าใคร??? ที่ยังสามารถ ดำรง รักษา ความโกรธ ความเกลียด ความอาฆาตพยาบาทและชิงชัง มาได้จนตราบเท่าทุกวันนี้ คงต้องเรียกว่าน่าตื่นตะลึงพรึงเพริดยิ่งกว่า พระเอกหนังจีนกำลังภายใน ไม่รู้จะกี่ต่อกี่เท่า เพราะประเภทนั้น ยังคงจัดอยู่ในประเภท ลูกผู้ชาย...สิบปีล้างแค้นก็ไม่น่าจะสาย แต่ถ้าลองยืดเยื้อ ยาวนาน มาถึง 40-50 ปี สำหรับปุถุชนคนธรรมดาโดยทั่วไปแล้วมันน่าที่จะเพลาๆ ลงไปได้มั่ง!!!

แต่ก็นั่นแหละ...เรื่องของ เหตุการณ์เดือนตุลา. ไม่ว่าในแง่ ความพ่ายแพ้ หรือ ชัยชนะ ต่างก็มักถูกหยิบมารำลึกนึกถึงในช่วงทุกๆ เดือนตุลาคมของแต่ละปี ส่งผล

ให้บรรดา วีรบุรุษ และ วีรชน มีช่อง มีโอกาส ปรากฏตัวขึ้นมาในแต่ละครั้ง แต่ละครา แม้ว่าจะ แก่-แสน-แก่ เพียงใดก็เถอะ!!! แต่ก็ยังสามารถร่วมเสวนา ร่วมอภิปราย เล่าถึงเรื่องความเจ็บ ความปวด ความแค้น ไล่เรียงมานับแต่ครั้ง “แต่ปางหลังยังมีกรุงกษัตริย์-สมมุติทรงนามท้าวสุทัศน์-ครองสมบัติรัตนานามธานี ฯลฯ” โน่นเลย คือต่างพร้อมที่จะหยิบเอาเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย ได้เรื่องมั่ง-ไม่ได้เรื่องมั่ง มาบอกเล่าเก้าสิบให้กับบรรดาลูกๆ หลานๆ ที่นั่งมองตาแป๋ว เกิดอารมณ์-ความรู้สึกไปในแบบ ไปในแนวที่ ตัวเอง ต้องการ...

เรื่องราวของ เหตุการณ์เดือนตุลา. มันเลยยาวอีเหลนเป๋น ยืดเยื้อ คาราคาซัง แบบชนิด หามุมจบยังไม่เจอ ไปด้วยประการฉะนี้ ขณะที่บรรดา คนเดือนตุลา. ทั้งหลาย ต่างหันไปแสวงหา มุมจบ ตามแบบฉบับของใคร-ของมัน จนบางรายถูกด่า ถูกว่า ถูกแบก ถูกเชียร์ ฯลฯ ไปตาม วาสนา (สันดาน) หรือตาม กรรมใคร-กรรมมัน ที่มีแต่ พระผู้เป็นเจ้า เท่านั้น ที่พอจะรับรู้และวัดตัดสินชี้ขาดได้ว่า ใครผิด-ใครถูก ใครดี-ใครเลว ใครทรยศ-ไม่ทรยศ ต่อสิ่งที่เรียกว่า อุดมการณ์ (ที่ก็ยังไม่รู้ว่าหมายถึงอะไรกันแน่???) แม้ว่าโดยสรุปความแล้ว...ต่างก็น่าจะเป็น เพื่อนผู้ร่วมวัฏสงสาร ไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งปวง นั่นแล....

การที่เรื่องราว เหตุการณ์เดือนตุลา. มันยืดเยื้อ ยาวนาน คาราคาซัง มาจนถึงบัดนี้...เลยทำให้บรรดา คนเดือนตุลา. ทั้งหลาย ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ หรือยังไม่ได้ โชคดี...ที่ตายก่อน ให้สิ้นเรื่อง-สิ้นราว หมดเรื่อง-หมดราวกันไปซะที อาจต้องกลายสภาพเป็น คนดี และ คนชั่ว ไปได้เสมอๆ โดยเฉพาะถ้าหากหยิบเอา มาตรฐานอุดมการณ์ ตามแบบฉบับของใคร-ของมัน มาเป็นตัวชี้วัดตัดสินแบบลวกๆ-ง่ายๆ ความโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาตพยาบาทและชิงชัง มันจึงสามารถสืบต่อ ดำเนินต่อไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีข้อยุติ แม้ ลูกผู้ชาย หรือแม้ว่า พระเอกหนังจีน กำลังตกอยู่ในอาการพะงาบๆ อยู่ในวัย ไม้ใกล้ฝั่ง ยิ่งเข้าไปทุกที อันเป็นวัยที่น่าจะหาคำตอบ หาข้อสรุปได้ชัดเจนบ้างแล้ว โดยเฉพาะสำหรับ คำถาม ที่ติดตัวมนุษย์มนามาโดยตลอด นั่นก็คือ...คนเราเกิดมาทำไม??? อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิด??? อะไรเป็นจุดมุ่งหมายของการดำรงคงอยู่??? แม้ยังไม่อาจรู้ได้ว่า...ตายแล้วไปไหน??? ก็ตามที...

บรรดา คำถาม ประเภทนี้...ว่าไปแล้วมันน่าจะสำคัญซะยิ่งกว่าเรื่อง การมง-การเมือง เป็นไหนๆ หรือถ้าว่ากันตามความเห็นของนักจิตวิทยา อย่างเช่นนักจิตวิเคราะห์ผู้โด่งดังชาวเยอรมัน นาย อีริก ฟรอมม์ ที่ถือเป็นคำถามซึ่งมนุษย์ทุกๆ คนต้องพยายามหา คำตอบ ให้จงได้ แม้ตัวเองจะพยายามปฏิเสธ หรือพยายาม ลืมๆ ไปเพียงใดก็ตาม แต่วันหนึ่ง-วันใด หรือขณะที่ ตัวกูเอง กำลังพะงาบๆ อยู่นั่นแหละ ถ้าหากยังไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้อย่างถนัดชัดเจน โอกาสที่จะตายโหง-ตายห่า ไปโดยไม่หลงเหลือความสงบ-ความเย็น ติดปลายนวมไว้เลย มีแต่ความรุ่มร้อน เร่าร้อน จนอาจต้องไป เกิด เป็นอะไรต่อมิอะไรที่ตัวเองไม่พึงปรารถนาและต้องการ หรืออาจต้องเกิดมาเป็น ผู้แพ้ แบบในเหตุการณ์เดือนตุลา. ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า จนหนีไม่พ้นต้องโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาตพยาบาทต่อเนื่องกันไปเป็นชาติๆ หรือเป็น สุธี...สี่ห้าชาติ ก็ยังมิวายต้องเกิดๆ-ดับๆ ไม่มีโอกาสเป็น อิสระ ไปจากวงจรแห่งวัฏสงสารได้เลย...

ด้วยเหตุนี้...ไม่ว่า คนเดือนตุลา. ทั้งหลาย จะดี-จะชั่ว ไปตามมาตรฐาน อุดมการณ์ แบบของใคร-ของมันก็ตามที แต่ด้วย วัย และ สังขาร ของคนรุ่นนี้ ที่น่าจะแก่แล้ว-แก่เลย ไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งปวง น่าจะ ถึงเวลาแล้ว ที่คงต้องหันมาหา คำตอบ ต่อ คำถาม ในลักษณะที่ว่าให้เป็นเรื่อง-เป็นราว เป็นจริง-เป็นจัง พอที่จะทำให้ตัวเองเกิดความ มั่นใจ ในคำตอบนั้นๆ โดยไม่จำเป็นต้องไปนำเอา มาตรฐาน ของใครต่อใครมาเป็นตัวกำหนดให้เสียเวลา... คำตอบ ที่จะทำให้ตัวเองเกิด ความสงบ-ความเย็น ขึ้นมาได้มั่ง แม้จะไม่ได้ทำให้ตัวเองเป็น วีรบุรุษ-วีรชน ก็เถอะ เพราะไม่ว่าจะ เป็น อะไรต่อมิอะไร สุดท้ายแล้ว...ต่างก็ไม่ได้มีอะไรจีรัง ยั่งยืน มั่นคง เที่ยงแท้ มีแต่ต้องเลือนหายไปตามกาลเวลา ไปตาม กฎแห่งธรรมชาติ ที่พระผู้เป็นเจ้าท่านได้วางเอาไว้ก่อนที่จะมีโลก มีจักรวาลซะอีก แบบที่สรุปไว้สั้นๆ ง่ายๆ ว่า...ล้วนแล้วแต่ต้องเป็นไปตามหลักมาตรฐานแห่ง อนิจจัง-ทุกขัง-อนัตตา นั่นแหละสหาย!!!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข้าอยากได้อะไร...ข้าต้องได้

เราคนไทยมักจะอ้างว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐ มีการบริหารกิจการต่างๆ ภายในประเทศตามหลักการของนิติธรรม แต่สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเวลานี้ หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐจริงหรือ

เมื่อ 'ธรรมชาติ' กำลังแก้แค้น-เอาคืน!!!

เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาของบ้านเรา...ท่านเคยคาดๆ ไว้ว่า ฤดูหนาว ปีนี้น่าจะมาถึงประมาณปลายสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคม

จ่ายเงินซื้อเก้าอี้!

ไม่รู้ว่าหมายถึง "กรมปทุมวัน" ยุคใด สมัยใคร จ่ายเงินซื้อเก้าอี้ ซื้อตำแหน่ง ในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ตามที่ "ทักษิณ ชินวัตร" สทร.แห่งพรรคเพื่อไทย ประกาศเสียงดังฟังชัดในระหว่างขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก

ไม่สนใจใครจะต่อว่า เสียงนกเสียงกา...ข้าไม่สนใจ

ถ้าหากเราจะบอกว่านายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีเสียงตำหนิ มีการนำเอาการพูดและการกระทำที่ไม่ถูกไม่ต้อง ไม่เหมาะไม่ควร