นายกฯ โพยกับนักโต้วาที

วิชาภูมิศาสตร์เบื้องต้น แม่น้ำเจ้าพระยา เกิดจากการไหลรวมกันของแม่น้ำ ๔ สาย

ได้แก่ แม่น้ำปิง วัง ยม และน่าน

แม่น้ำ ๒ สายหลัก คือ แม่น้ำปิง วัง และแม่น้ำยม น่านบรรจบกันบริเวณแหลมเกาะยม ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมืองนครสวรรค์

ถือเป็นจุดเริ่มต้นของแม่น้ำเจ้าพระยา

แต่นายกฯ แพทองธาร แถลงข่าวหลังประชุมคณะรัฐมนตรี ย้ำนะครับ การประชุมคณะรัฐมนตรี ไม่ใช่สมาคมหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ว่าน้ำไหลจากที่ต่ำไปสู่ที่สูง

เรื่องน้ำท่วมเชียงใหม่ ไอแพดบอกนายกฯ ว่า 

"...น้ำท่วมเชียงใหม่เริ่มลดลงแล้ว ตัวของลำปาง กับลำพูน นะคะ ก็ อ่า.. น้ำจากเชียงใหม่ก็จะไป แต่ว่าไม่ท่วมเยอะนะคะ เพราะว่าน้ำก็เคลื่อนตัวไปลงเขื่อนภูมิพล และแม่น้ำโขงด้วยค่ะ

แต่ว่าอย่างไรก็ตามน้ำก็จะท่วมแต่ไม่เยอะ..."

น้ำจากเชียงใหม่หลักๆ คือมาจากแม่น้ำปิง อาจจะไหลลงแม่น้ำวังบ้างแต่ไม่มาก

ฉะนั้น ลำปาง ลำพูน ก็ต้องระวังปริมาณน้ำในแม่น้ำ ๒ สายนี้ครับ

แม่น้ำปิงไหลจากเชียงใหม่ไปลำพูน ลงเขื่อนภูมิพล

ส่วนแม่น้ำวัง ไหลรวมกับแม่น้ำปิงที่อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก

แล้วไหนแม่น้ำโขง

มีกรณีเดียวครับที่ น้ำในแม่น้ำปิงกับวังไหลลงแม่น้ำโขง คือไหลจากที่ราบข้ามภูเขาไปลงแม่น้ำโขงที่ไหนสักที่ แล้วแต่ไอแพดอยากจะให้เป็น

มันไหวหรือครับ

เรื่องนี้ไม่ได้ยากต่อการทำความเข้าใจเลย อาศัยแค่ความรู้ภูมิศาสตร์เบื้องต้นก็สามารถอธิบายเป็นฉากๆ ได้แล้ว

แต่นายกฯ ไม่รู้

นึกถึง ประเทศซิดนีย์ ขึ้นมาทันที

ทีแรกดูทรง หลานน่าจะดีกว่าอา เพราะซ้อมนานกว่า

ไปๆ มาๆ สูสีต้องวัดกันที่ขนคิ้ว ว่าใครจะเข้าวิน

ประจวบเหมาะกับข่าว จะเปลี่ยนตัวนายกฯ

เป็นนายกฯ คนละครึ่งบ้าง นายกฯ คนนอกบ้าง เหมือนจะเอาฮา แต่หากพิจารณาจากข้อเท็จจริง นายกฯแพทองธาร ยังไม่ทันได้เจอเรื่องหนักๆ ก็ออกอาการเป็นโพยทองธาร กอดไอแพดแน่นซะแล้ว

 ถ้าเจอเรื่องยากๆ จะทำไง

นับจากวันแถลงนโยบายรัฐบาลจนถึงวันนี้ ยังไม่ถึงเดือนเลยครับ แต่สถานการณ์ของ "รัฐบาลไอแพดทองธาร" มีแต่แย่ลง

บุคคลแวดล้อมที่ทยอยเข้ามาใกล้ตัวนายกฯ ก็ดูช่างขี้่เหร่ สวนทางกับใบหน้าอันงดงามของนายกฯ ซะงั้น

หลังจากรอจังหวะมาหลายเดือนในที่สุด "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ ซึ่งเป็นตำแหน่งใหม่ เพื่อเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายทั้งปวง

แต่ก็นับว่า "ณัฐวุฒิ" มีความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ครับ

จากผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย มาเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ ถือว่าก้าวกระโดดทีเดียว 

จากระดับ ผอ. พุ่งพรวดไปอยู่ใกล้ตัวนายกรัฐมนตรี จะมีนักการเมืองสักกี่คนที่ทำได้

มวยถูกคู่ "จตุพร พรหมพันธุ์" ลากไส้ "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" พวกที่นั่งดูตรงเก้าอี้วีไอพี ตบเข่าดังฉาด! มาหมดทั้งรูป รส กลิ่น เสียง

"...ผมอยากบอกว่า หลายวันที่ผ่านมา ณัฐวุฒิ ต้องออกมาชี้แจง (เรื่องเงินบริจาค ๔๒ ล้าน) เพราะการชุมนุมเมื่อปี ๒๕๕๒ ต่อเนื่องปี ๒๕๕๓ ณัฐวุฒิ รับผิดชอบทางการเงิน โดยผมกับพี่วีระ ยินยอมโดยดุษณี ไม่มีใครไปติดใจอะไร

อีกอย่างตลอดการชุมนุมไม่เคยถามว่า ใช้จ่ายเรื่องอะไร ไม่ว่าเงินจะมาในรูปแบบใดก็ตาม และหลังการชุมนุม (ณัฐวุฒิ) ก็ไม่เคยมารายงานว่าใช้จ่ายเรื่องอะไรบ้าง ผมกับพี่วีระ ไม่เคยไปสอบถาม ข้อเท็จจริงมีอยู่เท่านี้..."

"..ถึงวันนี้พวกติ่งเพื่อไทยไปขุดเรื่องราวเมื่อปี ๒๕๕๓ ที่ผ่านมาร่วม ๑๔ ปี แล้วแต่งเสริมเป็นนิยายว่า ผมเอาเงิน ๔๒ ล้านไป ซึ่งผมหวังให้ณัฐวุฒิ คนดูแลเงินได้ชี้แจงติ่งเพื่อไทยให้รับรู้ เพราะผมไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเงินบริจาคด้วย..."

"....พวกเขารู้กันหมดเรื่องเงินบริจาค ใครมาเบิกก็ไปที่ณัฐวุฒิคนเดียว ไม่ได้มาเบิกที่ผมเลย ซึ่งเป็นอย่างนั้น ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน แต่ผ่านมา ๑๔ ปีโยนใส่เฉยเลย แล้วผมไปยุ่งอะไร แต่คนที่รับผิดชอบกรณีชุมนุมก็มีชีวิตอยู่ทั้งนั้น ย่อมรู้ถึงการอมเงินที่เป็นเรื่องอุบาทว์ชาติชั่วนี้..."

 “...เมื่อวันนี้ พะ-นะ-ท่าน เป็นที่ปรึกษานายกฯ แล้ว ช่วยอธิบายให้พวกบรรลัย คนพวกนี้ที่ปั่นเรื่องเท็จใส่ร้ายด้วย...”

พะ-นะ-ท่านเต้น ออกจากปากซอยเจอด่านตรวจทันที

แถมเป็นด่านที่ตรวจเข้มด้วย

๔๒ ล้านบาท ไม่ใช่เงินน้อยๆ นะครับ

แถมยังเป็นเงินที่รับบริจาคมาจากคนเสื้อแดง ที่แกนนำเสื้อแดงบอกว่าเป็น "ชาวรากหญ้า" เป็นคนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบมาช้านาน

เอาไงล่ะครับทีนี้

ข้อมูลนี้ไม่ใช่ไก่กา นอกจาก "จตุพร" กับ "ณัฐวุฒิ" แล้ว ยังมีอีกหลายคนเห็นเงินจากรากหญ้าในช่วงการชุมนุมปี ๒๕๕๒-๒๕๕๓

ลากไส้ขนาดนี้ "ณัฐวุฒิ" ต้องเต้นแล้วครับ

ว่าไป "ณัฐวุฒิ" มีเรื่องต้องเคลียร์อีกเยอะครับ

โดยเฉพาะเรื่องที่บอกว่า "เผาเลยครับพี่น้องผมรับผิดชอบเอง" ก็ยังไม่เห็นว่าจะรับผิดชอบอะไรได้

แต่ว่าไปแล้ว นักโต้วาที ไปเป็นที่ปรึกษาของนายกฯโพย ก็ดูเหมาะสมกันดีด้วยประการทั้งปวง

ปิง วัง ยม น่าน นี่เรื่องเล็กไปเลย

เพราะออกทะเลไปด้วยกัน.