บันทึกหน้า 4

คำว่า “สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อในตน” นั้น เหมาะสมอย่างยิ่งกับสถานการณ์ของรัฐนาวา “แพทองธาร ชินวัตร” ในเพลานี้ และที่สำคัญ เป็นการ “ตบหน้า” พรรคเพื่อไทยอีกครั้ง ที่มักพร่ำบ่นเสมอๆ ว่ามีบุคลากรคุณภาพคับแก้ว เดินชนไหล่กันเต็มพรรค เพราะในยุครัฐบาลชีพจรลงเท้าถลุงงบประมาณไปทัวร์ทั้งในและต่างประเทศของ “เศรษฐา ทวีสิน” ก็เอวังไปด้วยการเสนอชื่อทนายถุงขนม “พิชิต ชื่นบาน” ในขณะที่ “รัฐบาลมาดามแพ” กลับ เจ็บแล้วไม่จำ ไปขุด “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” อดีตแกนนำ นปช.และอดีต รมช.พาณิชย์ที่ไปเปิดร้านขายข้าวแกงปักษ์ใต้มาเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ...๐

งานนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าจะเจริญรอยตามรัฐนาวาเสี่ยนิดหรือไม่อย่างไร เพราะก็ถูกร้องเรียนในเรื่องมาตรฐานจริยธรรมไปแล้ว แต่ต้องบอกว่า “บุคลากรคับแก้ว” ของพรรคเพื่อไทยที่ชื่อ “ทั่นเต้น” ยามนี้ยิ่งกว่าดงกระสุนตกเสียจริงๆ เพราะนอกจากเรื่องกลืนน้ำลาย

และตระบัดสัตย์เหมือนเมื่อครั้งพรรคตั้งรัฐบาลข้ามขั้วแล้ว ยัง ถูกตั้งคำถามในเรื่องเงินๆ ทองๆ อีกต่างหาก โดยคนที่ถามก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น “จตุพร พรหมพันธุ์” วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชนที่บอกใครอยากรู้อยากเห็นเรื่องเงินบริจาคในช่วงม็อบคนเสื้อแดงปี 2552-2553 จำนวน 42 ล้านบาท ใช้และไปอยู่ที่ไหน ก็ต้องถาม “คนสู้แล้วรวย” อย่างทั่นเต้นนั่นแล ไม่ต้องมาถามเพื่อนตู่ที่ตอนนี้ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบกันแล้ว...๐

ในขณะที่ “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” อดีต สส.พัทลุงก็ตั้งคำถามอีกเช่นกัน ที่สำคัญเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนกว่า “ตุ๊ดตู่” ด้วยซ้ำนั่นคือ การจ่ายค่าเผาทรัพย์อาคารพาณิชย์ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อปี 2553 จำนวน 21,356,650 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตรา 7.5% ต่อปี ตามคำพิพากษาศาลฎีกา ว่าจ่ายจบครบหรือยัง ต้องบอกว่าเรื่องสตุ้งสตังค์ไม่เข้าใครออกใครเสียจริงๆ ...๐

ในขณะที่ “นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม” ประธานพรรคไทยภักดีก็สวมบทวิเคราะห์วิจารณ์ในกรณีการแต่งตั้ง “ณัฐวุฒิ” เช่นกันว่า อาจได้ ซ้ำรอยรัฐบาลอาปู “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ก็เป็นได้ เมื่อครั้งแต่งตั้งเป็น รมช.พาณิชย์ โดยหวังว่ามาช่วยแก้ต่างถูไถในโครงการจีทูเจี๊ยะ แต่สุดท้ายก็ไม่รอด  ในขณะที่ยามนี้ “หลานอิ๊งค์” ตั้งพี่เต้นมาก็หวังจะมาช่วยรับมือสารพัดม็อบ แต่ดูแววแล้วยังไม่ทันมีม็อบแต่รัฐบาลอาจเสียรังวัดไปเสียก่อนก็เป็นได้ ...๐

พูดถึงพรรคเพื่อไทยแล้ว ไม่เอ่ยถึงพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ของลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ไม่ได้ เพราะเลขาธิการพรรคที่ชื่อ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” ได้ตีฆ้องร้องป่าวให้จับตาในเวลา 07.00 น.ของวันที่ 10 ตุลาคมนี้ จะมีการแถลงข่าวถึงขั้นพรรคล่มสลายกันเลยทีเดียว ซึ่ง “ไพบูลย์” จั่วหัวไว้แบบต้องติดตาม แต่ดูเหมือนรัฐมนตรีและบรรดาคนในพรรคเพื่อไทยต่างไม่ให้ราคากันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึงล่าสุด “สมคิด เชื้อคง” รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมืองที่บอกว่าเป็นแค่การสร้างข่าวเอาสะใจ ไม่มีอะไร พรุ่งนี้ 7 โมงเช้าตื่นมาก็จิบกาแฟเหมือนเดิม ...๐

แหม! อยากบอกว่าอย่าเล่นกับระบบนะจ๊ะ ของแบบนี้คนระดับเลขาธิการพรรคคงไม่มาเต้าข่าวให้ตัวเองเสียหมาหรอก แต่ก็อย่างว่า อาจไม่ถึงขั้นพรรคล่มสลาย แต่ก็อาจทำให้ถึงขั้นเป๋นั้นก็ไม่แน่ โดยเฉพาะหากเป็นคลิปเสียงใน กรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจ หรือเหตุการณ์ต่างๆ ในบ้านจันทร์ส่องหล้าที่มีชื่อหรือมีเสียงของ “ทักษิณ ชินวัตร” เกี่ยวข้อง ก็อาจลุกลามและบานปลายได้เสมอ เพราะขนาด “จตุพร” ยังแบ่งรับแบ่งสู้ว่าต้องมีอะไรดีแน่นอน ...๐

หันกลับมาเรื่องคดีตากใบที่ก็ใกล้หมดอายุความกันบ้าง เพราะล่าสุดกรรมาธิการในสภาทั้ง กมธ.การกฎหมายและ กมธ.ความมั่นคงฯ ต่างเดินหน้าขยี้ปมดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดก็เปิดเผย จำเลยในคดีตากใบ 14 คนว่ายังอยู่ในไทย 12 ราย รับราชการ 2 ราย และหนีต่างประเทศ 2 ราย โดย “พรรณิการ์ วานิช” ในฐานะที่ปรึกษา กมธ.มั่นคงฯ ถึงกับเสนอให้ประสาน “อินเตอร์โพล” จับกุม กันเลยทีเดียว ในขณะที่ “เพื่อไทย” ที่เป็นต้นสังกัดของ “พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และอดีตแม่ทัพภาค 4 ซึ่งเป็นหนึ่งในจำเลยที่เผ่นไปอยู่ในต่างประเทศนั้น ก็ล้อฟรีบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวและไม่ใช่หน้าที่พรรคในตามหา ต้องบอกว่านี่เป็นตัวอย่าง ตบหน้าซ้ำถึงเรื่องบุคลากรคุณภาพของเพื่อไทย และตอกย้ำเรื่องที่จะแก้ไขมาตรฐานจริยธรรมให้ดูแลกันเอง ว่าหากทำได้จริง ก็ต้องบอกว่านักการเมืองสีเทาและเสือสิงห์กระทิงแรดคงเต็มบ้านเต็มเมืองแน่นอน ...๐

 

ท.ศักดิ์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

จากกระแสข่าว นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เข้าพบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย

บันทึกหน้า 4

การเมืองเมื่อวันจันทร์ โฟกัสกันไปที่ข่าวลือการพบกันของ 2 ผู้นำจิตวิญญาณพรรคร่วมรัฐบาล หลังแพร่สะพัดว่า เมื่อค่ำวันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา 'เสี่ยหนู' อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย

บันทึกหน้า 4

บันทึกในวันครบรอบ 48 ปี 6 ตุลาคม ทั้งคนเดือนตุลา และคน "โหน" เดือนตุลา ยังคงคึกคักบนเวทีเสวนารำลึกเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ที่้น่าสนใจเห็นจะเป็นวาทะของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า ที่บอกว่า กรณีคดีตากใบ ที่ใกล้หมดอายุความ แต่ยังตามจับทหารและตำรวจระดับสูง 7 คนไม่ได้ ถือเป็น "วัฒนธรรมผู้พ้นผิดลอยนวล"

บันทึกหน้า 4

นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 แค่เดือนกว่า ไม่ทันไร "แพทองธาร ชินวัตร" ขึ้นแท่นหนึ่งใน 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต ปี 2024 ประเภทผู้นำ ของนิตยสารไทม์

บันทึกหน้า 4

การสูญเสียถึง 23 ชีวิตในอุบัติเหตุเพลิงไหม้รถบัสรับ-ส่งนักเรียนทัศนศึกษาจากจังหวัดอุทัยธานี ที่หวังมาดูความเจริญและความศิวิไลซ์ในเมืองกรุงนั้น ต้อง ถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและเจ็บปวดแก่ผู้ยังอยู่อย่างยิ่ง ซึ่งเหตุการณ์ในท่วงทำนองนี้ของไทยไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก และเชื่อว่าจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่นอน

บันทึกหน้า 4

ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวเด็กนักเรียนและครู รร.วัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี ที่เกิดเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา บริเวณถนนพหลโยธินขาเข้า ปากซอยพหลโยธิน 72 ใกล้เซียร์ รังสิต เสียชีวิตทั้งหมด 23 ราย เป็นนักเรียน 20 คน ครู 3 คน