เขย่างาน 'ทบ.-ฉก.คอแดง'

เช็กกระแสล่าสุดเก้าอี้ "ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ" หรือ "ผบ.ตร." คนที่ 15 ที่จะมีการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ที่ นายกฯ อิ๊งค์-แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งหัวโต๊ะประธานประชุมครั้งแรก วันจันทร์ที่ 7 ต.ค. 2567 ไม่น่าจะหนีชื่อ บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ที่ทำหน้าที่รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ในเวลานี้ น่าจะได้ขยับขึ้นมาทำหน้าที่เต็มตัวกุมบังเหียน "กรมปทุมวัน" เพราะองค์ประกอบทุกอย่างเพียบพร้อม และจะทำหน้าที่ "พิทักษ์ 1" ไปอีก 2 ปี ตามอายุราชการเกษียณปี 2569 หลายคนเลยมองข้ามช็อตไปหลังปี 2569 "สีกากี" ที่มีโอกาสจะมาแตะไม้ต่อมือ "บิ๊กต่าย"  ที่น่าจับมีอยู่ 3-4 ราย ได้แก่ บิ๊กไมค์-พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เกษียณปี 2571 บิ๊กหวาน-พล.ต.ท. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. เกษียณปี 2570 บิ๊กราญ-พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. เกษียณปี 2576 บิ๊กอิทธิ-พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เกษียณปี 2572 และ พล.ต.ท.ณพวัฒน์ อารยางกูร รอง จตช. เกษียณปี 2570 ๐

ดูท่า ป.ป.ช.ต้องจดชื่อเก็บไว้ในลิสต์รอตรวจบัญชีทรัพย์สินกันบ้างแล้ว "นายพลนักสืบ" ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ย่านรามอิทรา เชิญแขกเฉพาะคนสนิทไปร่วมงาน แต่พอเห็นบ้านหลายคนถึงกับตะลึง ถึงกับขยี้ตา นี่ไม่ใช่คอนเทนต์แบบที่ตัวเองชอบทำแน่ เพราะบ้านใหญ่โตโอ่อ่ามูลค่าน่าจะไม่ต่ำกว่า 40-50 ล้าน แบบที่เรียกว่า "คฤหาสน์" ได้เลยทีเดียว ซึ่งถ้าหากครอบครัวมีฐานะ มีทรัพย์สมบัติเก่าแก่ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใจ แต่ถ้าตรงกันข้าม ลำพังเงินเดือนข้าราชการตำรวจก็ไม่น่าจะมีได้ถึงขนาดนี้ แขกเหรื่อผู้มีเกียรติที่ได้รับเชิญเป็นพิเศษก็เลยแอบเมาธ์ มีอะไรในกอไผ่มากกว่าหน่อไม้หรือไม่ เพราะเท่าที่แวดวงสีกากีต่างรับรู้ "นายพลนักสืบ" หน้าฉากทำตัวเป็นตำรวจจนๆ คนทำงาน แต่หลังฉากอู้ฟู่เช่นนี้...ไม่รู้ ป.ป.ช.จะสนใจเคสนี้เอาไว้ในอ้อมอกอ้อมใจบ้างหรือเปล่า ๐

มีกระแสข่าวอย่างต่อเนื่องในเรื่องการปรับหน่วยรักษาพระองค์ และภารกิจของหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904) ให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ ซึ่งต้องถือเป็นพระบรมราชวินิจฉัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในกระบวนการขั้นตอนสุดท้าย ขณะนี้คงอยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล โครงสร้างของฝ่ายอำนวยการ โดยคาดว่าหน่วยทหารที่มีภารกิจเฉพาะ และ ต้องใช้สรรพกำลังสนับสนุนงานในโครงสร้างปกติ ก็แยกส่วนออกจาก ฉก.ทม.รอ.904 ไป ส่วนทหารรักษาพระองค์ที่ทำหน้าที่ใน ฉก.ทม.รอ.904 ก็ดำรงไว้ซึ่งภารกิจในการถวายพระเกียรติ ถวายรักษาความปลอดภัย และมีแนวโน้มที่จะให้ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ที่เดิมเป็นผู้บัญชาการทหารบกมาตลอด จะเปลี่ยนมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 (ซึ่งในโครงสร้างเดิม แม่ทัพภาคที่ 1 จะเป็น เสธ.ฉก.ทม.ฯ เท่านั้น) อาจทำให้ "แม่ทัพใหญ่" พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 ต้องสวมหมวก ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ๐

แต่งตั้งโยกย้าย “ทร.” จบไปแล้ว แต่คลื่นลมใน ทร.ยังไม่ค่อยสงบ เพราะกระแสต่อต้านยังไม่จบ เรียกได้ว่าใบปลิวอิเล็กทรอนิกส์ปลิวว่อน ลากไส้-แฉพฤติกรรมเบื้องหลัง “กายแก้ว” ออกมาเป็นระลอก ทั้งงัดทั้งขุดคนที่ถูกโปรโมตในตำแหน่งต่างๆ ที่ได้รับการแต่งตั้งกันมาเป็นว่าเล่น เรียกได้ว่า ทร.บอบช้ำจากศึกครั้งนี้มากกว่าทุกครั้ง ภาระที่หนักอึ้งคือคนที่ยังอยู่และต้องพิสูจน์ตัวเอง ก็คงเป็น "บิ๊กแมว" พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผบ.ทร. ที่ถูกเลือกเข้ามารับไม้ต่อ  และในวันที่ 9 ต.ค.นี้ จะมีการแถลงนโยบายอย่างเป็นทางการ ก็ต้องดูว่าในแผนการเสริมสร้างกำลังทางเรือ การผลักดันโครงการเรือดำน้ำที่ใกล้จะจบแต่ยังไม่จบ และกลยุทธ์ในการหลอมรวมลูกประดู่ให้กลับมาเป็นหนึ่งเดียวจะเป็นอย่างไรด้วย หากย้อนไปสมัย พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ขึ้นเป็นผบ.ทร. ปีที่แล้วมีการมอบนโยบายต่อหน่วยขึ้นตรง ทร. อย่างละเอียดยิบตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบแล้ว แถมทิ้งท้ายด้วยเนื้อความที่ดุดันถึงเหล่าบรรดาแคนดิเดตในไลน์ 5 เสือทร.มาตั้งแต่ต้น ก็ต้องรอดูว่าสไตล์ "บิ๊กแมว" จะเป็นอย่างไร ๐

สิ่งที่เห็นได้ชัดในการรับมือภัยพิบัติต่างๆ ของกองทัพยุคนี้คือ “ไม่ต้องรอคำสั่ง” เหตุเกิดตรงไหน หน่วยที่ใกล้พร้อม "ซัพพอร์ต" ด้วยกำลังพล เครื่องมือ ยุทโธปกรณ์ที่มีอยู่ เห็นได้จากเหตุการณ์เพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษานักเรียน โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต (ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ) ใกล้กับอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ทอ.ส่งเจ้าหน้าที่จากกรมช่างโยธา ทอ. พร้อมรถกู้ภัย รวมทั้งอุปกรณ์ เช่น เครื่องมือตัดถ่าง พัดลมระบายควัน เครื่องยนต์ทำไฟฟ้า และกล้องจับความร้อนเพื่อให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน พร้อมจัดทหารเกณฑ์จากกรมทหารต่อสู้อากาศยานรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน เข้าช่วยอำนวยการจราจรและจัดตาข่ายพรางเพื่อปิดบังสายตาในการลำเลียงร่างของผู้เสียชีวิต ขณะที่ตรงนั้นมีพื้นที่หน่วยทหารที่พร้อม ขณะที่กองทัพไทยเปิดอาคารศูนย์ประสานงานอันเนื่องมาจากพระราชดำริและความมั่นคง (ศปร.) ตั้งเป็นศูนย์อำนวยการประสานงาน ให้เป็นที่พักคอยของนักเรียนและครูที่หนีออกมาได้ โดยมี พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด ลงมาอำนวยการที่ศูนย์เอง ๐

ย่างเข้าสู่ปีสุดท้ายในราชการของ “ท็อปไฟว์” ทหาร ที่มาจาก ตท.24 ไล่ตั้งแต่ พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. รวมไปถึง ตท.23 อย่างเช่น พล.ร.อ.จิรพล ที่เป็น ผบ.ทร.ปีเดียว นอกจากที่ต้องสนับสนุนงานของรัฐในการใช้สรรพกำลังของกองทัพเข้าไปช่วยรับมือภัยพิบัติแล้ว ยังมีภารกิจอีกมากที่ยังค้างคา ในส่วนของกองทัพอากาศที่ต้องทำให้จบในสิ้นปีนี้ แม้จะได้รับไฟเขียวงบประมาณในการจัดหาเครื่องบินขับไล่ฝูงใหม่ และคัดเลือกแบบเป็นเครื่องบิน Gripen E/F แล้วก็ตาม แต่การลงรายละเอียดในรายการที่เสนอ Direct Offset  และ Indirect Offset จากสวีเดนต้องมีการติดตามให้ครบตามเอกสารที่เสนอมา ดังนั้นจึงต้องประสานงานกับกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย มีกระแสข่าวว่า พล.อ.อ.พันธ์ภักดี ได้แต่งตั้ง “ผช.ปุ้ย” พล.อ.อ.คิดควร สดับ ผช.ผบ.ทอ. เป็นคณะทำงานรับมือในงานที่ละเอียดนี้ แต่เชื่อมั่นว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นอย่างราบรื่น ๐