ตั้งแต่มีสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดที่ 13 แทน สว.ชุดที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำคลอด การประชุมวุฒิสภาก็ดูมีสีสันขึ้นเยอะ เพราะมีความคิดเห็นที่หลากหลาย
แม้วุฒิสภาชุดนี้จะขึ้นชื่อว่าเป็น “สภาน้ำเงิน” แต่น้ำเงินก็มิอาจปิดปากได้ทั้ง 200 คน ยังมีเสียงข้างน้อยคอยค้าน คอยตรวจสอบถ่วงดุลกันอยู่ ไม่ใช่ปล่อยไหลเหมือนชุดเก่า
สำหรับสมาชิกที่ดูมีบทบาทมากคนหนึ่ง คือ “นันทนา นันทวโรภาส” สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ กลายเป็น สว.สายจ้อไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ทิ้งลายนักโต้วาที ทั้งในและนอกห้องประชุมมักจะเห็น อ.นันทนาให้ข่าวเป็นประจำ อาจด้วยเพราะเป็นเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาด้วยกระมั้ง จึงทำให้ต้องพูดบ่อยกว่าใครเพื่อน
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ เมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา แน่นอนว่า “อ.นันทนา” ไม่พลาดที่จะลุกขึ้นอภิปราย เนื่องด้วยเป็นคนจุดประเด็นตีฆ้องให้สังคมรับรู้ ผลพิจารณาคณะ กมธ.วิสามัญฯ ที่พิจารณากฎหมายดังกล่าว มีการเปลี่ยนแปลงในนาทีสุดท้าย
กมธ.เปลี่ยนหลักเกณฑ์การแก้รัฐธรรมนูญ เป็นโหวตแบบเสียงข้างมาก 2 ชั้น ทำให้สังคมกลับมาจับตาอีกครั้งว่าเกมจากนี้จะเดินอย่างไรต่อ เพราะหากเปลี่ยนเกณฑ์การโหวตก็จะส่งผลต่อความยาก-ง่ายในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ!!!
วกกลับมาที่บรรยากาศการประชุมถกกฎหมายประชามติ เกิดเหตุปะทะระหว่าง อ.นันทนา กับ พิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ โดย “สว.พิสิษฐ์” เปิดฉากเหน็บหนังสือที่มี สว.นันทนาเป็นผู้แต่ง พยายามจะดิสเครดิตเกี่ยวกับเรื่องเสียงข้างมาก แต่ปรากฏว่ายกตัวอย่างข้างๆ คูๆ เลยเจอผู้ประพันธ์หนังสือสวนกลับ บอกถ้าไม่เข้าใจก็พร้อมจะสั่งสอน@!$$#%#
แต่เรื่องก็ยังไม่จบ ช่วงท้ายของการประชุมมีการโต้แย้งกันระหว่าง “อ.นันทนา” กับ “พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร” ประธาน กมธ. เกี่ยวกับการประชุม กมธ.ครั้งที่ 4 ว่ามีการโหวตเอา-ไม่เอาเรื่องเสียงข้างมาก 2 ชั้น
จู่ๆ “สว.พิสิษฐ์” ก็ยกมือขอพูดในเรื่องที่เกิดขึ้น เลยเจอ “อ.นันทนา” ตอกอีกดอก ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับ “พิสิษฐ์” เพราะเป็นเรื่องที่ทาง กมธ.คุยกันหลังจากที่ “พิสิษฐ์” แปรญัตติแล้วออกจากห้องประชุมไปแล้ว ฉะนั้นจึงไม่ทราบ และขอความกรุณาไม่ต้องพูด เพื่อเป็นการประหยัดเวลาของที่ประชุมวุฒิสภา
แหม หากจะลุกขึ้นมาต่อปากต่อคำกับ “อ.นันทนา” ต้องไปฝึกวิชาให้แก่กล้ากว่านี้นะ เพราะขณะนี้ (ยัง) กระดูกคนละเบอร์จ้า.
มินนี่ เม้าธ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อายุไม่ถึงไปนิดเดียว
ต้นปีหน้าจะมีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือนายก อบจ.ทั่วประเทศ หลายสนามสู้กันดุเดือด มีการเมืองระดับชาติเข้าไปผสมโรง
“ผ้าไทยใส่ให้สนุก”
เมื่อเร็วๆนี้ “มท.หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย (มท.1) ถือโอกาสพานายกฯอิ๊งค์“ “แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชมนิทรรศการและการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ที่เข้าร่วมโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ที่ทำเนียบรัฐบาล
หลอกแล้ว หลอกอีก หลอนต่อ
ควันหลงเวที “ทักษิณ ชินวัตร” เทวดาชั้น14 เดินทางไปจังหวัดอุดรธานี ที่บอกว่าไปช่วย “ศราวุธ เพชรพนมพร”ผู้สมัครนายกอบจ.อุดรฯ ของพรรค หาเสียงดูเหมือนเป็นเพียงแค่ข้ออ้าง
“ต๋อม เวอร์ชันดุ”
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา การหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานีของเหล่าผู้ช่วยหาเสียง ดุเดือด แบบที่ไม่มีใครยอมใคร ทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชน และเมื่อวันที่ 16-17 พ.ย.ที่ผ่านมา พรรคประชาชน นำโดย “ชัยธวัช ตุลาธน” ผู้ช่วยหาเสียง ได้เดินหน้าจัดเต็มขึ้นเวทีปราศรัยกันอย่างดุเดือด
โชว์ลีลารำวง
เมื่อสวมหมวกหลายใบ ภารกิจของ “สส.มุ่ง” อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ก็จะเยอะหน่อย ไม่ว่าจะในฐานะสส. ที่ขาดไม่ได้ต้องร่วมทุกกิจกรรมในพื้นที่ ทั้งงานกฐิน
ไม่มีเกาะ ไม่มีเขา
เป็นเรื่้องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ในรัฐบาลชุดนี้กับประเด็นร้อนๆ ที่ดินเขากระโดง อ.เมืองฯ จ.บุรีรัมย์ ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดศึกกับกรมที่ดิน