กี่ปีๆก็เหมือนเดิม

อะไรก็เป็นไปได้..

วันก่อน..ผลการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาสของนิด้าโพลยังพบว่า คุณแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับความนิยมมาเป็นอันดับ 1 ให้ดีใจกันทั้งพรรค

และวานซืน ภาพยนตร์ไทยเรื่อง “สัปเหร่อ” ก็กวาดรางวัลสุพรรณหงส์ครั้งที่ 32 ไปได้ถึง 7 รางวัล..

ทั้งรางวัลเพลงนำภาพยนตร์ยอดเยี่ยม รางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม รางวัลผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม

รางวัลภาพยนตร์ส่งเสริมวัฒนธรรมไทยยอดเยี่ยม และภาพยนตร์ไทยรายได้สูงสุดประจำปี 2566

ซึ่งทีมงาน ผู้สร้าง ผู้กำกับ นักแสดงก็คงจะดีใจจนเนื้อเต้น รวมถึงผมก็พลอยอดไม่ได้ที่จะยินดีและดีใจไปกับพวกเขาด้วย

แม้ลึกๆ ผมก็ให้สงสัยอยู่ว่า “สัปเหร่อ” นี่นะ ได้รับการคัดเลือกให้เป็น “ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี” ที่หมายถึงเป็นหนังที่ดีพร้อมในทุกมิติ!

คือ..ถ้าเอากันตามรสนิยม ความรู้สึกส่วนตัวจากที่ได้ดูหนังสัปเหร่อมา พูดแบบไม่อ้อมค้อม หนังเห็นจะไม่ถึงขั้นคว้าทั้งรางวัล..

“บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม”-“ผู้กำกับยอดเยี่ยม” และ “ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” ได้เลย!

แต่เมื่อคณะกรรมการตัดสินที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เพียบพร้อม มีสายตา-ความเห็นตรงกันว่าสัปเหร่อเป็นหนังดี ยอดเยี่ยมแห่งปี

ผม..แค่คนดูหนัง ก็ไม่อยากไปวิจารณ์ให้เสียความรู้สึกต่อกัน ได้แต่หวังว่าอนาคตข้างหน้าผู้สร้าง-ผู้กำกับจะไม่ทำ (โปรดักชั่น) หนัง ถ่ายหนังกันอย่างสัปเหร่อเท่านั้นแหละ!

ไม่ใช่ เห็นสัปเหร่อ เป็นหนังยอดเยี่ยมในสายตาคนในแวดวงเดียวกันอย่างนี้เข้า ก็พากันเอาตามอย่าง ยิ่งสัปเหร่อเก็บเงินรายได้ถึง 700-800 ล้าน..

แล้วพากันคิด-เข้าใจว่าเป็นเพราะหนังดี มีคุณภาพ คนดูถึงได้แห่กันไปซื้อตั๋วเข้าโรงดู!

หากเป็นเช่นนั้น ก็อดที่จะเป็นห่วงอนาคตหนังไทยไม่ได้ เพราะแม้เวลานี้ผู้กำกับต่างพยายามพัฒนา ยกระดับทั้งพล็อตเรื่อง ทั้งบท ทั้งงานโปรดักชั่นกันอย่างเต็มที่-เต็มกำลัง

กระนั้น หนังไทยก็ยังลุ่มๆ ดอนๆ ขึ้นอยู่กับ “รสนิยม” ของคนดูที่เอาแน่-เอานอนไม่ได้อยู่เลย และยิ่งถ้าหันไปทำหนังตามอย่างสัปเหร่อ (หนังยอดเยี่ยม) เข้าอีก..

เกรงว่าที่พร่ำเรียกร้องให้รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ส่งเสริม ช่วยเหลือ แก้ไข ผลักดัน และซัพพอร์ตพวกคนทำหนังอย่างจริงๆ นั้น จะเมื่อยปากเปล่า!

ครับ..จะว่าไปแล้วปัญหาเรื่องรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเนี่ย หลังเสร็จงานก็มักมีประเด็นดรามาต่อเสมอ ไม่ว่าครั้งไหนหรือที่ไหนๆ ในโลกใบนี้

และโดยทั่วไปปัญหาที่เกิดจะกระทบกับรางวัลหลักๆ เช่น นักแสดงนำยอดเยี่ยม การถ่ายภาพยอดเยี่ยม บทยอดเยี่ยม เรียบเรียงภาพยอดเยี่ยม

กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และรางวัลบิ๊กสุดคือ “ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” ส่วนรางวัลอื่นๆ ไม่ค่อยมีปัญหา เพราะคนดูหนังให้ความสนใจน้อย 

แล้วดรามาพวกนี้จะแก้กันยังไง? ก็เห็นจะทำอะไรไม่ได้มาก เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามสังคมที่สมาทานประชาธิปไตยเป็นสรณะ

ถ้าจะแก้ไขดรามา ก็คงแก้มายด์เซตของคนดูหนังนั่นล่ะครับ น่าจะง่ายกว่า คือเลิกเชื่อถือรางวัลนี้เสียก็จบ!

อย่าไปว่าหนังเขาเลย คนทำเขาไม่ได้รู้เช่นเห็นชาติอะไรด้วย ตัดสินให้เขาได้รางวัลเขาก็รับ หรือไม่ได้เลยสักรางวัลก็ไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว

เอ๊ะ..หรือว่าปีนี้ หนังที่เข้าชิงทั้ง 5 เรื่อง ไม่มีเรื่องไหนที่โดดเด่น เห็นชัดว่า “ยอดเยี่ยมที่สุด” เมื่อสัปเหร่อเด่นสุด ก็เลยต้อง (จำใจ) เลือก เหมือนกับการเลือกนางงาม ที่ในบางปี..

ไม่สวยที่สุด แต่ก็พอกล้อมแกล้มได้..

เอาไว้ก่อน (วะ)!.

 

สันต์ สะตอแมน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ความจำเป็นของทักษิณ?

บรรพบุรุษคงสืบทอดสอนกันมา ยามใดที่ประเทศไทยแตกความสามัคคี ผู้นำอ่อนแอ สังคมเห็นแก่ตัว ต่างคนต่างอยู่ ธุระไม่ใช่..

ปัญญาอ่อนไหม?

สงสัยคนหมดตังค์ทำบุญ! เปิดตัว “หลวงพี่เท่ง” วันแรกฉายจึงเก็บเงินไปได้แค่หลักแสน รวม 4-5 วันมานี้ไม่รู้ว่าจะได้ถึง 3 ล้าน พอจ่ายค่า “ใบปิด” รึยัง?

มึงได้หน้า..กูแบกหนี้!

อ้าว..แล้วกัน! วานนี้ ผมฝากคุณกัน จอมพลัง ช่วยไปหยุดพวก (ปากหมา) ที่พูดให้ร้ายมูลนิธิองค์กรทำดี ที่คุณบุ๋ม ปนัดดา เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงอยู่ให้ที

มือไม่พาย เอาตีนราน้ำ?

ว้า..เซ็งเป็ด! อุตส่าห์เตรียมรองเท้า ค้นหานกหวีด-มือตบมาเช็ดถูไว้เสร็จสรรพ แต่แล้วพรรคเพื่อไทยก็ใจปลาซิว ยอมถอย ไม่เอา-ไม่แก้รัฐธรรมนูญ ปมมาตรฐานจริยธรรมซะดื้อๆ

เชื่อคนกลับมารัก?

“ตอนนี้แม่สายคนไม่มีข้าวกินจำนวนมาก ทางมูลนิธิสนับสนุนวันละหลายพันกล่องต่อเนื่องมาหลายอาทิตย์ ไม่มีของสดและของแห้งเหลือแล้ว

คุยกันฉันมิตร

ไม่ได้เจอหน้าค่าตากันมานาน.. แต่ก็ได้รับรู้ข่าวคราวอยู่บ้างตามโซเชียล-เฟซบุ๊ก อย่างเช่นหลายวันก่อน คุณสืบ-บุญส่ง นาคภู่ ผู้กำกับ-นักแสดงฝีไม้ลายมือดีคนหนึ่งในวงการ