ช่วงนี้มองไปทางไหนก็เจอแต่ของแพง ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ และราคาวัตถุดิบต่างๆ ก็ขยับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลทางจิตวิทยาจากราคาเนื้อหมูที่แพงจนสร้างประวัติศาสตร์ ยังไม่นับราคาพลังงาน ทั้งก๊าซหุงต้ม หรือ ราคาน้ำมันที่ก็ขยับตัวในขาขึ้นมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา
สิ่งเหล่านี้ล้วนกดดันทีมงานเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะต้องคิดและวางนโยบายในการแก้ปัญหา ทั้งในรายสินค้าและในส่วนของโครงสร้างมหภาค
ซึ่งต้องยอมรับว่า เสถียรภาพของรัฐบาลก็สั่นคลอนไม่ใช่น้อยจากปัญหาการระบาดของโควิด-19 ที่มาหลายระลอก ยังมาเจอซ้ำเติมกับปัจจัยราคาอาหารที่ปรับแพงขึ้นไปอีก ซึ่งทั้งหมดก็จะนำไปสู่การกระทบภาวะเศรษฐกิจในภาพใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเรื่องค่าครองชีพอันน่าจะเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลจะต้องเข้ามาจัดการ ซึ่งภาระหน้าที่นี้เป็นของกระทรวงพาณิชย์และกรมการค้าภายในที่จะต้องทำงานอย่างหนัก ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน
ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ก็เตรียมจะเสนอของบกลางในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 18 ม.ค.2565 วงเงินประมาณ 1,400 ล้านบาท มาจัดทำโครงการพาณิชย์ลดราคา! ลดค่าครองชีพประชาชน เพื่อเพิ่มทางเลือก สร้างความสมดุลด้านราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพในตลาดและการบริโภคภาคครัวเรือนในสถานการณ์นี้ ซึ่งจะเป็นโครงการระยะ 90 วัน หรือ 3 เดือน
ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังก็เตรียมช่วยเพิ่มกำลังซื้อ ผ่านการอุดหนุนงบประมาณแบบร่วมจ่าย อย่างโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 ที่จะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนในวันวาเลนไทน์ที่จะถึงนี้ แล้วคาดว่าจะเริ่มใช้เงินได้ ช่วงต้นเดือนมีนาคม ซึ่งก็จะช่วยลดภาระการใช้จ่ายได้
แต่อย่างไรก็ดี มันเป็นโครงการที่แก้ไขได้เพียงระยะสั้น สิ่งที่รัฐบาลจะต้องทำคือ การสร้างภาพรวมของเศรษฐกิจให้กลับมาเติบโต แข็งแกร่ง ซึ่งนี่จะช่วยให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ โดยเฉพาะการสร้างเศรษฐกิจ กระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน หรือการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาค่าครองชีพที่ยั่งยืนกว่า
แต่อย่างไรก็ดียังมีสิ่งที่รัฐบาลจะต้องคิดให้รอบคอบ นั่นก็คือ เรื่องอัตราเงินเฟ้อ เพราะต้องยอมรับว่าจากราคาสินค้าที่แพงขึ้นพร้อมๆ กันหลายรายการ ย่อมส่งผลกระทบไปยังเรื่องเงินเฟ้อด้วย โดยการที่เงินเฟ้อมากไปก็จะไม่ส่งผลดี ซึ่งตอนนี้ในหลายประเทศก็กำลังเจอภาวะเงินเฟ้อเล่นงานอย่างหนัก ทั้งในสหรัฐอเมริกาหรือในอินเดีย
ขณะที่ในส่วนของไทย กระทรวงพาณิชย์มีการคาดการณ์เงินเฟ้อปี 2565 เดิมคาดไว้ว่าจะอยู่ในช่วง 0.7-2.4% ซึ่งก็เป็นอัตราที่ยังไม่สูง แต่การได้เห็นระดับราคาสินค้าขยับสูงอย่างต่อเนื่องก็อาจจะต้องเข้าไปจัดการในท้ายที่สุด
ซึ่งปัญหานี้เหมือนทางสองแพร่ง เพราะการจัดการเงินเฟ้อจะต้องใช้นโยบายการเงินอย่างการขึ้นดอกเบี้ยมาเป็นตัวช่วย แต่ว่าสิ่งที่น่าห่วงคือ สภาพเศรษฐกิจไทยยังมีความอ่อนแอ และยังจะต้องใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำในการดูแลเศรษฐกิจ ดังนั้นการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อก็จะกลายเป็นการสกัดเศรษฐกิจไปในตัวด้วย โดยประเด็นนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยจะต้องเข้าไปดูแล แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าฝีมือรัฐบาลจะจัดการปัญหาราคาสินค้าได้ดีแค่ไหนด้วย
ดังนั้นถึงย้ำว่า เป็นงานหนักของรัฐบาลที่จะต้องร่วมช่วยกันแก้ปัญหา จะต้องหาทางออกในเรื่องนี้ให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาใหญ่ตามมา เพราะเป็นเรื่องปกติที่ของยิ่งแพงยิ่งทำให้คนไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย ส่งผลให้ความต้องการในการฟื้นเศรษฐกิจทำได้ยากยิ่งขึ้น
ดังนั้น ต้องวัดฝีมือของรัฐบาลที่จะบูรณาการแก้ปัญหาราคาสินค้าแพง เพื่อไม่ให้ไปกระทบกับอัตราเงินเฟ้อ และนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ซับซ้อนมากขึ้น.
ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เศรษฐกิจปี68เติบโตไม่ง่าย ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง
สำนักวิจัยหลากหลายสำนัก ฟันธงไปในทิศทางเดียวกันว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 นี้ยังต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน และการเติบโตที่เป็นไปได้มากที่สุดก็อยู่ระดับ 2.7-2.9% ซึ่งน้อยกว่าที่รัฐบาลมีการวางแผนเอาไว้ว่าจะผลักดันจีดีพีไทยปีนี้โตถึง 3%
ปี68สินเชื่อระบบแบงก์ไทยหืดจับ
ปี 2568 ยังเป็นอีกปีที่ต้องจับตากับทิศทางของเศรษฐกิจไทย เพราะยังมีปัจจัยหลายอย่าง ทั้งบวกและลบ ที่จะเข้ามามีผลกับภาคเศรษฐกิจ โดยเฉพาะสถานการณ์กดดันจากปัญหาหนี้ครัวเรือน
แผนดัน ‘เกษตรครบวงจร’
อุตสาหกรรมเกษตร เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศไทย และที่ผ่านมาเศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนไปได้ด้วยสินค้าเกษตร แต่ก็มีบางช่วงที่ติดขัดและไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ จากปัจจัยกระทบต่างๆ
เคาต์ดาวน์ปลอดภัยส่งท้ายปี
เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข เป็นวาระแห่งการเริ่มต้นใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยพลังและความหวัง โดยในปีนี้สถานที่จัดงาน Countdown ทั่วประเทศไทยหลายหน่วยงานได้เตรียมกิจกรรมไว้ให้ทุกคนได้ร่วมสนุกและสัมผัสความงดงาม
แชร์มุมมอง‘อินฟลูเอนเซอร์’ในตลาดอาเซียน
การตลาดอินฟลูเอนเซอร์ถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มายาวนาน แต่กลยุทธ์การทำการตลาดของแต่ละแบรนด์นั้นล้วนแตกต่างกันไป ล่าสุด วีโร่ ได้เปิดตัวเอกสารไวต์เปเปอร์ฉบับใหม่ในหัวข้อ “ผลกระทบ
ของขวัญรัฐบาล
อีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ก็จะเข้าสู่ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แล้ว ก็เป็นธรรมเนียมของรัฐบาลและ ครม.ที่จะมีมาตรการเป็นของขวัญมอบให้กับประชาชน ซึ่งการประชุม ครม.ล่าสุดเริ่มมีการเคาะมาตรการต่างๆ ออกมาช่วยเหลือประชาชนกันแล้ว