'ผบ.ตร.' ส้มหล่น?

ชัดเจนงานส่งท้ายในฐานะ "ผบ.ตร." ของ บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำหนดจัดพิธีรับ-ส่งมอบหน้าที่ ผบ.ตร. ระหว่างบิ๊กต่อกับ ผบ.ตร.คนใหม่ วันจันทร์ที่ 30 กันยายน 2567 เวลา 15.00 น. ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 ตร. คนที่จะมารับไม้ต่อมือครั้งนี้ น่าจะเป็น บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แต่ยังไม่ใช่ในฐานะ ผบ.ตร.คนใหม่ เป็นเพียงรักษาราชการแทน ผบ.ตร. ที่ทำหน้าที่แทนไปก่อน เพราะยังไม่มีการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนที่ 15 อันเป็นผลมาจากการตีความข้อบังคับบางมาตรา ในกฎ ก.ตร.ใหม่ เกี่ยวกับการแต่งตั้ง 180 วันอาจสุ่มเสี่ยงฝ่าฝืนกฎ ฝ่าฝืนระเบียบ หากจะแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ก่อนครบกำหนด 180 วัน นายกฯ อิ๊งค์-แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้เสนอชื่อแต่งตั้ง "ผบ.ตร." ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2567 

อาจสุ่มเสี่ยงเกินไป สุดท้ายได้ข้อสรุปเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย การแต่งตั้ง "ผบ.ตร." คนที่ 15 ก็ให้ผ่านพ้นวันที่ 5 ต.ค. 2567 ซึ่งเป็นวันครบ 180 วันตามกฎ ก.ตร.ไปก่อน ป้องกันการเปิดช่องให้ใครไปร้องเรียน ๐

ถามว่าจะมี "ศรีธนญชัย" มาใช้อิทธิฤทธิ์ แปรเปลี่ยนเก้าอี้ "ผบ.ตร." หรือไม่ หากถอดคำสัมภาษณ์ของ บิ๊กนัย-พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่พกดีกรีสายสัมพันธ์หลานเขยคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร แม่ของนายกฯ อิ๊งค์ ยืนยันเสียงหนักแน่น ขณะนี้มีแคนดิเดต 3 คน คือ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. โดยจะต้องส่งข้อมูลผลงานที่เคยรับราชการมาให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาก่อนวันประชุม ก.ตร.แต่งตั้ง ผบ.ตร. ซึ่งนายกฯ จะเป็นผู้เสนอรายชื่อในที่ประชุมให้ ก.ตร.ให้ความเห็นชอบ โดยการพิจารณาแต่งตั้งครั้งนี้จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ความอาวุโส และความรู้ความสามารถด้านการสืบสวนปราบปราม ตามกฎหมาย พ.ร.บ.ข้าราชการตำรวจ จึงไม่น่าจะมีรายการ "สอดไส้" รวมทั้งไม่น่าจะมีการแต่งตั้งแค่ "รักษาราชการแทน ผบ.ตร." น่าจะแต่งตั้ง "ผบ.ตร." ตัวจริงเสียงจริง ซึ่ง ณ ชั่วโมงนี้ชื่อ บิ๊กต่าย ยังคงโดดเด่น แม้จะมีบางคนรีบปั่นผลงานถึงขนาดไม่อนุญาตให้ใครเข้าพบช่วงนี้ หวังอาจจะมีรายการ "ส้มหล่น" ก็ตาม ๐

เจอดรามาในพิธีสวนสนาม เป็นเกียรติแก่ ผบ.ตร.ในโอกาสเกษียณอายุราชการ ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ สามพราน จนหลายคนมองข้ามพิธี "แหวนอัศวิน พลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์” โดยปีนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติคัดเลือกตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความเข้มแข็ง เสียสละ ผลการปฏิบัติโดดเด่น และสร้างคุณประโยชนให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สังคม และประเทศชาติ จนเป็นที่ประจักษ์จำนวน 3 นาย ประกอบด้วย 1.พ.ต.อ.อัครพล โทยะ ผู้กำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 กองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผู้มีผลการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดเป็นที่ประจักษ์ 2.พ.ต.ต.สุชาติ ดุสดี สารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรบางละมุง ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เป็นผู้มีผลการปฏิบัติงานด้านป้องกันปราบปรามเป็นที่ประจักษ์ และ 3.ส.ต.ท.ศรัณยู สิงห์คำ ผู้บังคับหมู่ ป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรนาหวาย ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ระหว่างเข้าจับกุมผู้ค้ายาเสพติด เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2567 เป็นผู้มีผลการปฏิบัติงานด้านสืบสวนสอบสวนเป็นที่ประจักษ์ โดยมี น.ส.รัชฎาภรณ์ บุญเรือง ภรรยาผู้เสียชีวิต เป็นผู้รับมอบแหวนอัศวิน เพื่อเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลแทน ๐

วันจันทร์ที่ 30 ก.ย.นี้ กองทัพบก จัดพิธีรับ-ส่งหน้าที่ผู้บัญชาการทหารบก ระหว่าง พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบกคนปัจจุบัน กับ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมามีการซ้อมสวนสนามในพิธีอย่างเข้มแข็ง เพื่อเตรียมความพร้อมบริเวณลานอเนกประสงค์ ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติฯ โดยมีการจัดกำลังสวนสนามจาก กองพันทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์, กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ และกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ ขณะที่ไฮไลต์ของการรับ-ส่งหน้าที่น่าจะอยู่ที่ "กองทัพเรือ" โดยจะมีพิธีรับ-ส่งหน้าที่ระหว่าง  พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือคนปัจจุบัน กับ พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือคนใหม่ บริเวณห้องโถงกองทัพเรือวังเดิม เพราะหลังจากประกาศ “โผทหาร” ออกมาแล้ว ดูเหมือนว่า “บิ๊กดุง” จะออกงานแบบเดี่ยวๆ ไม่มี 5 เสือร่วมเฟรมเหมือนก่อน บรรยากาศช่วงส่งท้ายก่อนเกษียณดูตึงๆ มากกว่าทุกปี ๐

ขณะที่กองทัพภาคที่ 1 จะจัดพิธีรับ-ส่งหน้าที่ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ระหว่าง พล.ท.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ แม่ทัพภาคที่ 1  คนปัจจุบัน กับ พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 ที่ลานอเนกประสงค์ กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 โดย พล.ท.ชิษณุพงศ์ ได้ขยับขึ้นเป็น 5 เสือ ทบ.ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ส่วนในแผงผู้บริหารของ ทบ. “ต่อ-เจริญชัย” จัดทัพแบบกระจายรุ่น แม้จะมีรุ่นพี่มาร่วมทีมทำงานกับ “ปู-พนา” แต่ก็ล้วนเป็นคนคุ้นเคยในงานสนามมาด้วยกันเกือบทั้งหมด เพราะหากย้อนประวัติไปเมื่อครั้งกองทัพไทยส่งกำลังทหารไปรักษาสันติภาพที่ติมอร์ตะวันออกผลัดที่ 1 “ปู-พนา” ถูกส่งไปประจำการประมาณปีกว่า เริ่มตั้งแต่  ต.ค. 42 - ก.พ. 43 ปฏิบัติหน้าที่ในกองกำลังนานาชาติ ติมอร์ตะวันออก INTERFET และจากนั้น ก.พ. 43 -  ก.ค. 43 ปฏิบัติหน้าที่รักษาสันติภาพของสหประชาชาติติมอร์ตะวันออก ในนามกองกำลัง UNTAET และในผลัดแรก มีทั้ง พล.อ.เอกรัตน์ ช้างแก้ว ประธานคณะที่ปรึกษา ทบ.  พล.อ.ณัฐวุฒิ นาคะนคร รอง ผบ.ทบ. พล.อ.ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก ซึ่ง “เสธ.ธง” รวมเป็น 4 ทหารไทยใน “เอ-ทีม” ที่ได้ขึ้นมาในแผง 5 เสือ-ปธ.คณะที่ปรึกษา ทบ.ในยุคนี้ ๐

ใน “โผทหาร” รอบนี้มีรายชื่อที่น่าสนใจ คือการส่ง “เสธ.คิ้ว” พล.ต.ชาคริต อุจะรัตน ผู้บัญชาการกองพลรบพิเศษที่ 1 ลงไปเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 4 เพื่อรอคิวขึ้นแม่ทัพภาคที่ 4 ต่อจาก พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ ที่กำลังจะขึ้นแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยมีการส่งแม่ทัพภาคที่ 4 มาจากที่อื่น  เช่น พล.อ.วลิต โรจนภักดี จากกองทัพภาคที่ 1 และ พล.อ.ปราการ ชลยุทธ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ   สำหรับโผนี้ "เสธ.คิ้ว" ถือว่าเป็นรายชื่อที่ผ่านไฟเขียวทั้ง 2 ขั้วใน “ศึกโผ” ช่วงที่ผ่านมา จึงเห็นทิศทางในการดับไฟใต้ที่น่าจะขยับปรับเปลี่ยนอะไรหลายอย่าง ทั้งในระดับนโยบาย  นอกจากหน่วยงานระดับอำนวยการต่างๆ แล้ว การจัดทัพของฝ่ายทหารที่ต้องลดจำนวนกำลังลงในพื้นที่ ส่งต่อให้กำลังประจำถิ่นเต็มรูปแบบ แต่สิ่งที่ต้องเข้มข้นขึ้นคืองานด้านการข่าว การใช้รบพิเศษปฏิบัติการ ที่มีกลไกทำงานในการดูความเป็นไปของชายแดนไทย-มาเลเซีย ซึ่งเป็นหน้างานของ กรมรบพิเศษที่ 4 ซึ่ง “เสธ.คิ้ว” อยู่ในกรมดังกล่าว และเกาะติดพื้นที่มาตลอดอยู่แล้ว น่าจะหวังผลได้ ว่ากันว่าการมาครั้งนี้ เป็นการรื้อขุมข่ายบิ๊กทหารที่คุมสภาพอยู่หลายยุค เพราะเมื่อมีความสลับซับซ้อนทางการเมืองเข้ามาผสม การจัดยุทธวิธีใหม่ไปพร้อมกับการกวาดล้างผลประโยชน์เดิมให้หมดไป ถือเป็นเป้าหมายสำคัญที่ต้องวัดใจใครหลายคน ๐

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไม่ทำชั่ว...ไยกลัวจริยธรรม ไม่ทำระยำ..ไยกลัวกฎหมาย

รัฐธรรมนูญของไทยฉบับ 2560 ได้ชื่อว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง เมื่อมีการทำประชามติจึงมีประชาชนมากกว่า 16 ล้านคนยอมรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะมีบทบัญญัติที่ทำให้คนเลว

คุณค่าและความจำเป็นของศีลธรรม-จริยธรรม

ในโลกยุคใหม่ สังคมสมัยใหม่นั้น...เอาเข้าจริงๆ แล้ว คงต้องยอมรับว่า ศีลธรรม หรือ จริยธรรม นั้น เป็นสิ่ง จำเป็น เอามากๆ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ

ทหารก็ไม่เอา...เจ้าก็จะล้ม ยังชื่นชมกันอีกหรือ

นักการเมืองบางคน (ย้ำ บางคนนะ ไม่ใช่ทุกคน) ที่มีพฤติกรรมแบบมนุษย์ยุคไดโนเสาร์ เล่นการเมืองกันแบบน้ำเน่า แย่งกันเป็นรัฐมนตรีโดยไม่คำนึงถึงความสามารถของตน

อินทรีคืนถิ่น!

เข้าสู่โค้งสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการ "สีกากี" หลายโรงพัก หลายกองบังคับการ หลายกองบัญชาการ จัดพิธีและงานเลี้ยงอำลาตำรวจวัยเกษียณในสังกัดกันไปบ้างแล้ว