รัฐธรรมนูญของไทยฉบับ 2560 ได้ชื่อว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง เมื่อมีการทำประชามติจึงมีประชาชนมากกว่า 16 ล้านคนยอมรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะมีบทบัญญัติที่ทำให้คนเลว คนชั่ว คนขี้โกง คนทำผิดกฎหมาย คนไม่ซื่อสัตย์สุจริต คนที่ไม่มีจริยธรรม จะเข้ามาดำรงตำแหน่งบริหารรับผิดชอบบ้านเมืองไม่ได้ หรือได้ยากมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็มีบทลงโทษสำหรับคนที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่ประพฤติปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมจะต้องถูกลงโทษรุนแรง ทั้งคดีความที่ไม่มีวันหมดอายุ ต้องติดคุกติดตะรางยาวนานถึง 15 ปีไปจนถึงตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต ถ้าไม่ติดคุกติดตะรางก็จะถูกตัดสิทธิไม่ให้เข้ามาอยู่ในแวดวงการเมือง 5 ปี 10 ปี หรือตลอดชีวิต เมื่อการเข้าดำรงตำแหน่งมันยาก และการถูกถอดถอนให้หลุดออก
จากตำแหน่งมันดูง่ายเกินไปในสายตาของนักการเมืองบางคน ทำให้พวกเขามุ่งที่จะแก้รัฐธรรมนูญทันทีที่ได้อำนาจในการบริหารบ้านเมือง พวกเขากลัวบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงเหมือนผีกลัวใบหนาด กลัวสายสิญจน์
พวกเขามองว่าการตีความเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นประจักษ์ และการไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงเป็นการตีความที่กว้างเกินไป เป็นการย้อนไปในอดีตไกลเกินไป และมีบทลงโทษที่รุนแรงเกินไป ทำให้หลายคนออกมาตั้งคำถามกับพวกเขาว่า ถ้าหากประพฤติตนเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ไม่เคยคดโกง ไม่เคยทำผิดกฎหมาย ไม่เคยติดคุกติดตะรางมาก่อน เป็นคนรู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี ยึดหลักของการทำดี ละเว้นการทำชั่ว จะกลัวอะไรกับการตรวจสอบทางจริยธรรม เพราะคนทำดีมาตลอด ไม่เคยทำชั่ว ตรวจสอบไปก็คงไม่เจออะไรที่เสียหาย “คนไม่ได้ทำชั่ว ย่อมไม่กลัวการตรวจสอบจริยธรรม” คนที่กลัวการตรวจสอบจริยธรรมน่าจะเป็นคนที่รู้ตัวดีว่าเคยประพฤติผิดคิดไม่ชอบมาก่อน และเมื่อถูกตรวจสอบก็จะพบว่าเป็นคนที่ไม่ได้ปฏิบัติตนตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ส่วนเรื่องต้องเป็นผู้ซื่อสัตย์สุจริตนั้นเป็นเชิงประจักษ์นั้น เขาก็ต้องการให้แก้ว่า “ไม่มีพฤติกรรมหรือการกระทำที่ประจักษ์ว่าไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต” และการจะตัดสินในประเด็นนี้ให้จำกัดเฉพาะคนที่มีคดีอยู่ในชั้นศาลฎีกา และให้มองไปแค่หลังจากวันที่มีประกาศแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้แล้วเท่านั้น ไม่ให้มองไปไกลในอดีต การที่พวกเขาคิดจะแก้แบบนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาน่าจะเคยทำอะไรบางอย่างที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริตที่อาจจะไม่โดนคดีเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ หรือถ้ามีคดีก็อาจจะยังอยู่ในชั้นศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ ทำให้คนที่มีความประพฤติไม่ซื่อสัตย์สุจริตในอดีตที่หลุดรอดจากการถูกฟ้อง หรือถูกฟ้องแต่คดียังไม่ถึงชั้นศาลฎีกา สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีได้ แบบนี้ก็ทำให้เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาพยายามจะแก้รัฐธรรมนูญให้พวกเขาสามารถเข้าสู่ตำแหน่งบริหารได้ง่ายขึ้น ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องการที่จะให้ลดโทษจากการทำผิดของพวกเขาให้น้อยลง จึงมีคนพูดกันว่า “คนเราหากไม่เคยหรือไม่คิดทำระยำอะไร จะกลัวทำไมกับบทลงโทษของการทำผิดกฎหมาย” เพราะคนเราถ้าหากไม่ทำผิดกฎหมาย ต่อให้บทลงโทษรุนแรงแค่ไหน จะไปกลัวทำไม เมื่อไม่ได้ทำชั่ว ทำระยำอะไร ก็จะไม่โดนลงโทษตามบทบัญญัตินั้น
รัฐธรรมนูญฉบับนี้ประกาศใช้มาตั้งแต่ปี 2560 บัดนี้ใช้มาแล้ว 7 ปี ก็ไม่เห็นว่าจะมีบทบัญญัติใดที่สร้างปัญหาให้ประเทศชาติ พวกเขาที่ต้องการจะแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้บางมาตรา โดยอ้างว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่เป็นประชาธิปไตยบ้าง เป็นรัฐธรรมนูญที่ร่างตามคำสั่งของเผด็จการบ้าง เป็นรัฐธรรมนูญเพื่อการสืบทอดอำนาจบ้าง ถ้าหากรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นเผด็จการจริง คนที่ด่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา สาดเสียเทเสีย ทำไมไม่โดนคุกคาม ไม่โดนตัดสินแบบที่ผู้นำลุแก่อำนาจล่ะ ถ้าหากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่เป็นประชาธิปไตยเราจะมีการเลือกตั้งได้อย่างไร ถ้าหากรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นการสืบทอดอำนาจ ทำไมพรรครวมไทยสร้างชาติที่เสนอชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี จึงไม่ชนะการเลือกตั้งแล้วเอาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใส่พานให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และพลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ และพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ไม่ได้ตำแหน่งใดๆ หลังจากการเลือกตั้งปี 2566 ล่ะ ไม่มีหรอกการสืบทอดอำนาจ ตอนนี้เห็นแต่คณะรัฐมนตรีสืบสันดาน จากพ่อสู่ลูก จากพี่สู่น้อง และจากลูกสู่พ่อเท่านั้น
หยุดคิดที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเชิงประจักษ์ และการปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมสำหรับคนที่จะเข้าดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารประเทศเถอะนะ เพราะการแก้ไขทั้ง 6 ประเด็นนั้น ไม่เห็นว่ามันแก้ไขปัญหาความไม่เป็นประชาธิปไตยตรงไหน มันแก้ปัญหาความเป็นเผด็จการตรงไหน และมองไม่เห็นว่าประชาชนจะได้อะไรจากการแก้ไขทั้ง 6 ประเด็นที่เสนอมา มันมีความพยายามที่จะแก้เพื่อประโยชน์ของนักการเมืองที่ต้องการเข้าสู่อำนาจให้ง่ายขึ้น และต้องการให้การหลุดออกจากตำแหน่งทำได้ยากขึ้นเท่านั้น ประชาชนเขาไม่เห็นด้วย มีเสียงคัดค้านกระหึ่มใน social media พร้อมคำถามที่ว่า “ไม่คิดจะทำชั่ว ไยกลัวเรื่องจริยธรรม ไม่คิดจะทำระยำ ไยกลัวกฎหมาย” ที่กำลังขับเคลื่อนอยู่เวลานี้ ประชาชนรู้ทัน และไม่ได้เห็นแค่ลิ้นไก่นะ เขาเห็นไปถึงไส้ติ่งเลย อย่าทำสิ่งที่เป็นการวางระเบิดให้ตัวเองเลยนะ
ความซื่อสัตย์สุจริต และการมีจริยธรรมเป็นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ ถ้าหากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นเชิงประจักษ์ และไม่รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี ไม่มีศีลธรรม ไม่มีคุณธรรม ทำสิ่งที่ผิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง อย่าว่าแต่จะมาเป็นผู้บริหารบ้านเมืองเลย แค่เป็นคนก็ยังเป็นไม่ได้เลย ถอยเถอะนะ อย่าดันทุรังเลย อย่าคิดว่ามีอำนาจแล้วจะทำอะไรก็ได้โดยไม่เห็นหัวประชาชน เวลานี้ประชาชนก็กำลังทนกับสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควรของรัฐบาลนี้มากพอแล้ว แต่พวกเราก็ยังให้โอกาส เผื่อจะทำงานที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนให้ได้ชื่นใจบ้าง อย่าให้ประชาชนหมดความอดทนเลยนะคะ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คุณค่าและความจำเป็นของศีลธรรม-จริยธรรม
ในโลกยุคใหม่ สังคมสมัยใหม่นั้น...เอาเข้าจริงๆ แล้ว คงต้องยอมรับว่า ศีลธรรม หรือ จริยธรรม นั้น เป็นสิ่ง จำเป็น เอามากๆ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ
'ผบ.ตร.' ส้มหล่น?
ชัดเจนงานส่งท้ายในฐานะ "ผบ.ตร." ของ บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำหนดจัดพิธีรับ-ส่งมอบหน้าที่ ผบ.ตร. ระหว่างบิ๊กต่อกับ ผบ.ตร.คนใหม่
ลางกำเนิดซุป'ตาร์ ในดวงเมือง
ผู้เขียนเคยทำนายม้า แต่ผลไปออกช้างบ่อยๆ เพราะหนึ่งตัวเลขทางโหราศาสตร์นั้นมีหลายความหมายมาก
'ดร.เสรี' กรีดเหวอะ! แม่ชีหนีไมค์ วิญญาณพ่อสิง ต้องวิ่งหนีสื่อ ฉันคือคนโง่กว่าอา
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร พิธีกรรายการทีวี โพสต์กลอนผ่านเฟซบุ๊กว่า
ทหารก็ไม่เอา...เจ้าก็จะล้ม ยังชื่นชมกันอีกหรือ
นักการเมืองบางคน (ย้ำ บางคนนะ ไม่ใช่ทุกคน) ที่มีพฤติกรรมแบบมนุษย์ยุคไดโนเสาร์ เล่นการเมืองกันแบบน้ำเน่า แย่งกันเป็นรัฐมนตรีโดยไม่คำนึงถึงความสามารถของตน
กระบวนการวิวัฒนาการกับสังคมในอนาคต
อภิมหาพระอย่าง ท่านพุทธทาสภิกขุ ...ท่านเลือกใช้ถ้อยคำพื้นๆ-ง่ายๆ ในการอรรถาธิบายถึงกระบวนการ วิวัฒนาการ แห่งความเป็นไปของโลก