ในโลกยุคใหม่ สังคมสมัยใหม่นั้น...เอาเข้าจริงๆ แล้ว คงต้องยอมรับว่า ศีลธรรม หรือ จริยธรรม นั้น เป็นสิ่ง จำเป็น เอามากๆ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ ดังที่อภิมหานักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านยีนและดีเอ็นเอ อย่างดอกเตอร์ Gerald Crabtree ท่านถึงกับกล้า ฟันธง เอาไว้ในรายงานการวิจัยว่าด้วยเรื่อง ความเปราะบางทางสติปัญญาของเรา หรือ Our fragile intellect เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ถึงทิศทางความเป็นไปแห่งอนาคตว่าจะต้องเริ่มต้นด้วยการ ฟื้นฟูศีลธรรม กันก่อนเป็นอันดับแรก...
ด้วยเหตุเพราะ ความลาดเอียงทางสติปัญญา และ ความไม่มั่นคงทางอารมณ์ ของบรรดาผู้คนยุคใหม่ๆ คือ ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ ที่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยยีนและดีเอ็นเอ จนไม่อาจนำเอาเพียงแค่ข้อมูล
ทางประวัติศาสตร์ ทฤษฎีโน่น ทฤษฎีนี่ มาใช้ตัวกำหนดรูปแบบทางสังคมได้อีกต่อไปแล้ว มีแต่ต้องอาศัย หลักฐาน และ ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เท่านั้น ในการสรรค์สร้างระบบการเมือง-การปกครอง ที่สอดคล้อง-เหมาะสม กับความเป็นไปแห่งยุคสมัย โดยจะเรียกระบบหรือระบอบนั้นๆ ว่า ประชาธิปไตย-ไม่ประชาธิปไตย แบบไหนต่อแบบไหน อันนั้น....คงต้องไปหาคำนิยามกันเอาเอง...
และอาจด้วยเหตุนี้หรือไม่? อย่างไร? ก็แล้วแต่จะว่ากันไป ที่ทำให้บรรดาพวก ประชาธิปไตยแม่แบบ ทั้งหลาย ไม่ว่ายุโรปหรืออเมริกา ต่างเริ่มเกิดอาการ ใกล้เจ๊ง หรือเจ๊งไปแล้วกันเป็นประเทศๆ อันเนื่องมาจาก ศีลธรรม-ไม่กลับมา หรือจากสิ่งที่อภิมหาพระ ท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านเคยย้ำแล้ว ย้ำอีก มาตั้งแต่นานนมเนนั่นแหละว่า ถ้าหากประชาชนไม่มีธรรม หรือไม่มีศีลธรรม-จริยธรรมซะอย่าง ประชาธิปไตยก็อาจกลายเป็น ประชาธิป-ตาย ได้ทุกเมื่อ ขณะที่พวกเผด็จการ พวกอำนาจนิยม แม้ว่าจะเลวร้ายในหลายต่อหลายเรื่อง แต่ถ้าหากยังคงยึดมั่นอยู่กับ เผด็จการโดยธรรม ก็น่าจะยัง พอรับได้ หรือยังดีกว่าพวก ประชาธิป-ตาย เป็นไหนๆ...
ดังนั้น...เผด็จการคอมมิวนิสต์ในเมืองจีน ที่ชอบจับเอาใครต่อที่ทุจริต-ประพฤติมิชอบ หรือบรรดาพวก นักคอร์รัปชัน ทั้งหลาย ไม่ว่าตั้งแต่ระดับ แมลงวัน ไปจนถึง มังกร ไปตัดหัว-คั่วแห้งกันไปเป็นรายๆ อีกทั้งยังทุ่มเทความเพียรพยายามที่จะยกระดับชีวิต ความเป็นอยู่ ของราษฎรนับสิบๆ ร้อยๆ ล้าน ให้พ้นไปจาก เส้นมาตรฐานความยากจน ในช่วงระยะเวลาแค่ไม่กี่สิบปีเท่านั้นเอง หรือพวกประชาธิปไตยมาเฟียในรัสเซีย ที่ยังคงยึดมั่นอยู่กับ ผลประโยชน์แห่งชาติ และ อธิปไตย ของประเทศ เลยเป็นอะไรที่ แข็งโป๊ก ไม่ว่าจะถูกรุมเหยียบ รุมกระทืบจากนักประชาธิปไตยแห่งโลกตะวันตก ชนิดตีนแล้วตีนเล่า แต่ก็ยังคงยืนหยัดอยู่ได้แบบเบิร์ดๆ-สบายๆ...
ด้วยเหตุนี้...ความพยายามที่จะ แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อที่จะให้สิ่งที่เรียกว่า ศีลธรรม-จริยธรรม ต้องลดมาตรฐานต่ำลงไปกว่าเดิม จึงเป็นอะไรที่ออกจะน่าสมเพช-เวทนาเป็นอย่างยิ่ง เพราะย่อมเท่ากับทำให้ ประชาธิปไตย อันเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญ หรือเป็น กรรมวิธี ที่ทำให้ตัวเองมีอำนาจ วาสนา มีบทบาทอยู่ในแวดวงการเมือง ในคณะรัฐบาลทุกวันนี้ อาจต้องกลายไปเป็น ประชาธิป-ตาย ขึ้นมาในวันใด-วันหนึ่งจนได้!!! จนเผลอๆ...อาจต้องใช้ ช่องทางธรรมชาติ หลีกลี้ หลบหนี กลายสภาพไปเป็น สัมภเวสี รอบใหม่ แทนที่จะสามารถดำรงความเป็น นักโทษเทวดา ได้แบบเย้ยฟ้า-ท้าดิน...
สรุปเอาเป็นว่า...ที่คิดจะ ถอยไปตั้งหลัก ไว้ก่อน ก็น่าจะชอบแล้ว ถูกต้องแล้ว เพราะถ้ายังเพียรพยายามออกแรงฮึดๆ ฮัดๆ อีกต่อไป โอกาสที่ เหงื่อโง่ จะไหลพรากๆ ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าโดย เงื่อนไข และ เหตุปัจจัย มันจะหมดเรื่อง-หมดราว สิ้นเรื่อง-สิ้นราวลงไปเพียงเท่านี้ เพราะถ้าหากตราบใดที่ยังไม่เห็นถึงคุณค่าของ ศีลธรรม-จริยธรรม ว่าเป็นสิ่ง จำเป็น เอามากๆ สำหรับยุคนี้ ยุคหน้าและยุคต่อๆ ไป ไม่เพียงแต่ประเทศไทย สังคมไทยเท่านั้น กระทั่งโลกทั้งโลก...ย่อมอาจ วินาศ ได้เช่นกัน อย่างมิพึงต้องสงสัย ดังนั้น...คงหนีไม่พ้นต้องลองไปเงี่ยหูฟังสิ่งที่คุณ ถนอม อัครเศรณี ท่านเคยเตือนๆ ไว้เป็นบทกลอนมานานแสนนาน และกรุณาจดจำไว้ให้ขึ้นใจไม่ว่าจะอยู่อีกกี่เดือน หรือกี่ปีก็ตาม นั่นคือ... เมืองใดไร้ธรรมอำไพ-เมืองบรรลัยแน่นอน!!!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หมดปัญญา...เทวดาต้องรอด
เวลานี้ มีคนบางคนทำผิดกฎหมาย ไม่ให้ค่ารัฐธรรมนูญ บดขยี้กระบวนการยุติธรรมจนป่นปี้ แล้วปรากฏว่าเขาไม่มีความผิดใดๆ ไม่มีหน่วยงานใด ไม่มีกฎหมายมาตราใดจะเอาโทษเขาได้
ว่าด้วยความสำคัญของ 'จังหวะ' และ 'โอกาส'
อาทิตย์นี้...ก็ 22 ธันวา.เข้าไปแล้ว อีกแค่ไม่กี่วันก็ถึงช่วงจังหวะ คริสต์มาส ที่คงมีโอกาสได้ยิน ได้ฟัง บทเพลงอันสุดจะซาบซึ้ง ตรึงใจ ไม่ว่าประเภท จงกระเบน-จงกระเบน (Jingle Bells)
ตั้ง'นายพล'ไปต่อ
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ จำนวน 41 นาย ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา ที่เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
นักการเมืองไม่ทำชั่ว...ไม่ต้องกลัวรัฐประหาร
นายกรัฐมนตรี 2 คนที่มาจากตระกูลชินวัตรต้องถูกยึดอำนาจจากการทำรัฐประหารในปี 2549 และ 2557 ทำให้นายใหญ่ของพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นหมายเลข 1 ของตระกูลชินวัตรมีความประหวั่นพรั่นพรึงการทำรัฐประหารของทหารเป็นอย่าง
'หิริ-โอตตัปปะ'คือวาระแห่งชาติ!!!
คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยว่า...ไอ้สิ่งที่เรียกว่า ความอาย หรือจะเรียกภาษาพระ ภาษาบาลี ประมาณว่า หิริ-โอตตัปปะ ก็คงพอได้ นับวันมันชักเป็นอะไรที่ ขาดแคลน
'เห็นลิ้นไก่' แก้ กม.กลาโหม
ป่วนกันทั้ง "กรมปทุมวัน" หลังคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. มีคำวินิจฉัยกรณีตำรวจยศ พ.ต.อ. ตำแหน่งนักบิน (สบ 5) รายหนึ่ง