ผบ.ตร. 'ในอุ้งมือพ่อ'

แล้วก็ถึง "วันสิ้นปี" ข้าราชการจนได้!

คนอยู่ก็....ตื่นเต้น

ตื่นเต้นกับการลุ้น "เลื่อนขั้น-เลื่อนตำแหน่ง"

 คนอายุครบ ๖๐ ต้องเกษียณ...ก็ใจหาย

ถูกปลดระวาง ต้อง "ถอดหัวโขน" สิ้นยศ-สิ้นตำแหน่ง-สิ้นอำนาจ ถูกไล่ไปอยู่ในหมวด "คนชรา"

ที่มีหลานให้เลี้ยงก็ดีไป ที่ไม่มี ก็ต้องดิ้นรนไปหาคนมาให้เลี้ยง (แก้เหงา) แทน!

สังคมไทยในภาวะ "คนแก่" มากกว่า "คนเกิด" ผมว่าถึงเวลาปรับเกณฑ์การเกษียณใหม่ได้แล้วละ

จากที่ ๖๐ เกษียณ

ควรขยายไปเกษียณ ในอายุ ๖๕ ปีนะ...ผมว่า!

เหตุผลหลัก ไม่ใช่เพราะไทยขาดแคลนทรัพยากรมนุษย์ ในมุมมองผม มี ๒ สาเหตุ คือ

๑.อายุ ๖๐ ทุกวันนี้ ถ้าบอกว่าแก่ ที่แก่นั้น นั่นไม่ใช่วัย

หากแต่มันเป็น "แก่ประสบการณ์" ของคนผ่านงาน-ผ่านโลกมาแล้วตะหาก

๒.ข้าราชการโตระบบ "บ่มแก๊ส" ได้ยาก ถึงมีบ้าง แต่น้อย

 ส่วนใหญ่ต้องไต่ระดับขึ้นไปแต่ละขั้นด้วยงาน กว่าจะเอาที่เรียนตำรามาแปลงเป็นประสบการณ์ในงาน แต่ละคนต้องใช้เวลา ๒๐-๓๐ ปี เป็นอย่างน้อย

หมายถึง แต่ละคน กว่าจะถึงระดับ ๘-๑๑ ล้วนต้องผ่านการบ่มเพาะ-เคี่ยวกรำ ถึงขั้นเรียกได้ว่า

ผ่าน "ด่านนรก" ระบบราชการ มาแล้วทั้งนั้น!

ฉะนั้น น่าเสียดาย ในเมื่องานในระบบราชการเคี่ยวกรำเขาแต่ละคนจนเป็น "มะพร้าวห้าว" เป็น "หัวกะทิ" ขนาดนั้น

กำลังเหมาะกับงาน ใช้ต้มยำทำแกง ได้อร่อยทุกจาน

แต่น่าเสียดาย ....

พอกะทิแตกมัน กำลังได้ที่ ก็ "ถึงวัยเกษียณ"

ก็เลยเป็น "โชค" บริษัทเอกชน เล็งตัวคนไหนไว้  เกษียณปุ๊บ ก็ไปคว้า "หัวกะทิ" ที่ระบบราชการเคี่ยวไว้ ไปใส่กระทะของเขา สบายไป!

พูดกันตามสภาพเป็นจริงนะ

เดี๋ยวนี้ ตามอัตราเฉลี่ย คนวัย ๗๒ ปี จึงจะจัดได้ว่าเข้าเกณฑ์ "หนุ่มใหญ่"

จะถึงวัย "คนแก่-คนชรา" ก็ต้องโน่น... ๗๕-๗๗ ปี ขึ้นไป

อย่างผมนี่ เขาไม่เรียก "วัยชรา"

ต้องเรียก "วัยขึ้นรา" และกำลังพัฒนาสู่วัย "ฟอสซิล" แล้วแหละ!

เห็น "ครม.แพทองธาร" เคาะรายชื่อ "แต่งตั้ง-โยกย้าย" ข้าราชการระดับหัวไปแล้วแทบทุกหน่วย ทั้งทหาร-ข้าราชการพลเรือน

เหลืออยู่แต่ "ข้าราชการตำรวจ" เท่านั้น ที่ยังไม่เคาะว่าจะแต่งตั้งใครเป็น "ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ" แทน "พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล" ที่เข้าพิธีอำลาตำแหน่งไปแล้ว เมื่ออังคารที่ผ่านมา

ก็สงสัยกันมาก ทำไมยังไม่มีการแต่งตั้ง ผบ.ตร.?

ในเมื่อตำแหน่ง "ผบ.ตร." หัวองค์กรยังไม่มี ตำแหน่งลำตัวและหางของตำรวจ ๒ แสนกว่านาย ก็ยังกระดิก-กระเดี้ยไม่ได้ จนกว่าจะมีหัวมาส่ายให้หางกระดิก

"ตำรวจ" เป็นด่านหน้าของผู้ใช้กฎหมาย จะเอาใคร "เข้าคุก-ออกคุก" ก็ตำรวจนี่แหละ

ดังนั้น อำนาจที่การเมืองจะไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือ ก็คือ "ตำรวจ"

"นายกรัฐมนตรี" ว่าใหญ่สุดในระบบบริหารประเทศ

แต่คนที่ใหญ่กว่านายกฯ ก็คือ "ตำรวจ"

เพราะตำรวจเท่านั้นที่สามารถ "จับนายกฯ" เข้าคุกได้!

เพราะฉะนั้น ทุกยุค-ทุกสมัย การเมืองต้องเขียนกฎกติกาให้นักการเมือง "คุมตำรวจ"

พูดให้แคบเข้า เอาเฉพาะการตั้ง ผบ.ตร.ปีนี้เลย

ปีนี้ ที่ช้า เพราะเป็นปีแรกที่นำ “พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ  ๒๕๖๕" ใช้เป็นหลักพิจารณาคัดเลือกคนเป็น ผบ.ตร.

มาตรา ๗๗ พ.ร.บ.ตำรวจฯ บอกว่า "การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่ง ให้แต่งตั้งตามหลักเกณฑ์ต่อไปนี้ 

ตำแหน่ง “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ”.....

จะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากข้าราชการตำรวจยศ "พลตำรวจเอก" ซึ่งดำรงตำแหน่ง "จเรตำรวจแห่งชาติ" หรือ "รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ"

"หลักเกณฑ์" ที่กำหนดไว้ มีดังนี้

"การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา ๗๗ (๑) ให้นายกรัฐมนตรี คัดเลือกรายชื่อพนักงานตำรวจผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา ๗๗ (๑)

โดยคำนึงถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน โดยเฉพาะประสบการณ์ในงานสืบสวนสอบสวนหรืองานป้องกันปราบปราม

เสนอ ก.ตร.เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน

แล้วให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง"

เห็นมั้ย...

"นายกฯ" เท่านั้น เป็นผู้มีอำนาจ "คัดเลือก" คนใด-คนหนึ่ง ขึ้นเป็น ผบ.ตร.

แต่ พ.ร.บ.ตำรวจฯ บอก ก่อนนายกฯ จะนำชื่อคนนั้นขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง

นายกฯ ต้องให้ ก.ตร.พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน! ทีนี้ตาม "กฎ ก.ตร." ที่ประกาศไปเมื่อ ๕ เม.ย.๖๗  ระบุให้มีผลบังคับใช้หลังประกาศไปแล้ว ๑๘๐ วัน

จะครบ ๑๘๐ วัน ก็ ๒ ตุลา.๖๗ นี้

นั่นคือเหตุผลที่สิ้นกันยา.แล้ว แต่ยังแต่งตั้ง ผบ.ตร.ไม่ได้ เพราะต้องรอให้ "กฎ ก.ตร." มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายก่อนนั่นเอง!

และเพื่อไม่ให้ตำรวจต้องขาดหัวในช่วงรอยต่อ เมื่อวาน (๒๗ ก.ย.) นายกฯ แพทองธาร จึงแต่งตั้ง

"พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์" รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผบ.ตร. ตั้งแต่ ๑ ตุลา.เป็นต้นไป

ก็แปลกดี สำหรับเส้นทางสู่ตำแหน่ง "ผบ.ตร." ของพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ"

ปีเดียว ได้รักษาการในตำแหน่ง ผบ.ตร.ถึง ๒ ครั้ง

คือครั้งนี้ กับเมื่อ ๒๐ มี.ค. ในยุคนายกฯ "เศรษฐา ทวีสิน"

สั่งย้าย "พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล" ผบ.ตร. กับ "พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล" รอง ผบ.ตร. ไปช่วยราชการสำนักงานปลัดสำนักนายกฯ

"นายกฯ เศรษฐา" ก็ตั้งให้ "พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ" รักษาการผบ.ตร. แทน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์

แล้ววันนี้ "พล.ต.อ.ต่อศักดิ์" เกษียณ นายกฯ แพทองธารก็ตั้งให้ "พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ" รักษาการ ผบ.ตร.อีกครั้ง

ก่อนที่จะมีการแต่งตั้งใคร "คนใด-คนหนึ่ง" ใน ๓ คนนี้ เป็น ผบ.ตร. "คนที่ ๑๕" หลังวันที่ ๒ ตุลา.เป็นต้นไป

ซึ่ง ก.ตร.จะต้องพิจารณาให้ความเห็นชอบในชื่อนั้นก่อน

 จากนั้น นายกฯ จึงจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง

๓ นายตำรวจ ที่อยู่ในหลักเกณฑ์ ๑.อาวุโสสูงสุด และ ๒.ความรู้ความสามารถ เรียงตามลำดับ ดังนี้

-"พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์" อาวุโสลำดับ ๑ คนราชบุรี

เตรียมทหาร รุ่น ๒๕ นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น ๔๑ เกษียณ ปี ๒๕๖๙

เติบโตในสายงานบริหารคือ "ฝ่ายบุ๋น" เป็นหลัก

ผลงานล่าสุด

เป็นคณะทำงานทบทวนปรับปรุงแก้ไขระเบียบคำสั่งกฎ ก.ตร.และกฎระเบียบเกี่ยวกับการรับบุคคลเข้ามาเป็นตำรวจสัญญาบัตร

การบรรจุ แต่งตั้ง ครองยศ รวมถึงการเข้าเรียนหลักสูตร กอส. หลักสูตรการอบรมบุคคลภายใน (ข้าราชการตำรวจชั้นประทวน) เป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร  (กอน.)

และหลักสูตรอื่นๆ ให้สอดคล้องสถานการณ์ปัจจุบัน ให้สอดรับกับ "พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๖๕" ฉบับใหม่ ที่กำลังใช้ปีนี้

-"พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง" จเรตำรวจแห่งชาติ อาวุโสอันดับ ๒ เตรียมทหารรุ่น ๒๓ นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น ๓๙ เกษียณปี ๖๘

ผ่านงานฝ่ายบุ๋นเป็นหลัก แต่ใช่ว่าจะไม่ถนัดด้านบู๊ เพราะเคยเป็นมือปราบ "การค้าน้ำมันเถื่อน" มาก่อน

-"พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์" รอง ผบ.ตร. อาวุโสอันดับ ๓  เตรียมทหาร รุ่น ๒๖ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น ๔๒ เกษียณ ปี ๖๙

ถนัดทั้งบุ๋นและบู๊ รวมทั้งด้านสืบสวน

"คดีเว็บพนันออนไลน์" ที่บิ๊กโจ๊กและตำรวจหลายนายตกเป็นผู้ต้องหาขณะนี้ เป็นผลงานด้านสืบสวนของ พล.ต.อ.ธนา

นี่แหละ....
๑ ใน ๓ คนนี้แหละ คนใด-คนหนึ่งที่ "นายกฯ แพทองธาร" จะต้องเลือกเป็น ผบ.ตร.

ถ้าถามความเห็นผม ตามกติกา พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติและคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่จะใช้คัดเลือก

ผมว่า "พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์" รักษาการ ผบ.ตร.ขณะนี้ คนนี้แหละ คุณสมบัติครบถ้วนและคู่ควรตำแหน่งผบ.ตร.คนที่ ๑๕!

เสียดายขาดคนเข้าชิงไปซะ ๒ คน คนแรกคือ "พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล" ตกเป็นผู้ต้องหาคดีเว็บพนันออนไลน์ถูกให้พักราชการไว้ก่อน จึงหมดสิทธิ์เข้าชิง

คนที่ ๒ คือ "พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช" รอง ผบ.ตร.เพราะท่านเกษียณอายุราชการปีนี้พอดี จึงไม่ได้เข้าชิง

พล.ต.อ.สราวุฒิ....

ก่อนเกษียณ ท่านฝากฝีมือด้วยผลงานเป็นประธานกรรมการสอบสวนวินัยบิ๊กโจ๊ก "พล.ต.อ.สุรเชษฐ์"

พร้อมตำรวจ ๕ นาย ที่ถูกกล่าวหาทำผิดวินัยร้ายแรง กรณีต้องหาคดีสมคบกันฟอกเงินฯ

ก็เก็บมาสรุปพอให้เข้าใจกัน เกือบทุกคนเข้าใจตรงกันว่า เรื่องตำรวจ..."ลูกไม่ต้อง พ่อเอง"!

แล้วท่านคิดว่า ผู้ครอบครองนายกฯ จะประทับทรงนายกฯ แพทองธาร "เลือกคนไหนเป็น ผบ.ตร."?

ผมว่า เกมนี้ ผู้ครอบครองไม่กล้า "แหกกฎ-แหกตา" หลักอาวุโสและความรู้-ความสามารถหรอก

เพราะถ้าผิดไปจาก "พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์"

สตช. "ไม่พัง" หรอก

นายกฯ ที่ "โทรม" อยู่แล้วตอนนี้ นั่นตะหากที่จะ "พังโครม" ทันที

นี่เพราะ "รักดอกนะ" ถึงเตือน!

-เปลว สีเงิน

๒๘ กันยายน ๒๕๖๗

 

วันเสาร์ที่ปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อย่าชะล่าใจ 'ไอ้เสือถอย'

ทำตีปีก "หลงดีใจ" เป็น "ไก่โต้ง" กันไปเถอะ ที่เห็นเพื่อไทย "ยอมถอย" ไม่แก้แล้ว "รัฐธรรมนูญ" ประเด็นจริยธรรม นั่นน่ะ

หวิดพา 'นายหญิง' ไปตาย

แค่ "จิ้งจกทัก" คนยังฟัง แล้วนี่ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย "อนุทิน ชาญวีรกูล" ทัก เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ประเด็น "จริยธรรม"

เพื่อไทย "รนหาที่ตาย"

พูดกันตามโฉลก... "นายกฯ แพทองธาร" นี่ น่าเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่มี "แม่พระธรณีบีบมวยผม" เป็นสัญลักษณ์

'ประชุมเพลิง' ตัวเอง!

อายุ ๓๘ แต่ "แก่หัวหงอก" ที่ไม่เคยเห็น จะได้เห็นจาก "นายกฯ แพทองธาร" กันคราวนี้แหละ!