ทำตีปีก "หลงดีใจ" เป็น "ไก่โต้ง" กันไปเถอะ ที่เห็นเพื่อไทย "ยอมถอย"
ไม่แก้แล้ว "รัฐธรรมนูญ" ประเด็นจริยธรรม นั่นน่ะ
ระวัง จะเหมือนยุทธการที่ "ทุ่งพกบ๋อง"
"เล่าปี่" แสร้งเผาค่ายถอยทัพ
"แฮหัวตุ้น" ขุนพลของ "โจโฉ" หลงกลว่าเล่าปี่แตกพ่ายถลกตูดหนี ก็สั่งทหารไล่ล่า
เลยเข้า "หมากตากล" ของเล่าปี่
"แฮหัวตุ้น" ถูกกวนอูกับเตียวหุยที่นำกำลังทหารซุ่มรอถล่มซะ "แฮหัวตุ้น" หวิดถูก "แฮร์คัต" ดีแต่หนีไปตายดาบหน้าได้ทัน!
ที่เพื่อไทย ไม่อาววว...ถอยดีกว่า เรื่องแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราว่าด้วยเรื่องจริยธรรมนั่นน่ะ
จริงอยู่...."เพื่อไทย" ถอย
แต่ "เพื่อไทย" เขามี "เพื่อนทอน" เป็นกองซุ่ม รู้ไว้ซะด้วย และเขายังไม่ได้ถอย!
ทำเป็นไก่โต้ง นึกว่าชนะแล้ว ตีปีกพั่บๆ โดดขึ้นหลังคา โก่งคอขัน เอ้กอี๊เอ้กเอ่กกก....กันไปเถอะ
ถูกพรรคของ "เพื่อนทอน" ตีตลบหลัง ก็จะกลายเป็น "ไก่ต้มข่า" แล้วอย่ามาว่ากันเชียวนะว่า "ไม่บอก"!
เรื่องยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมรายมาตรา ที่เกี่ยวกับเรื่องจริยธรรมนี้
ไม่ใช่ "พรรคเพื่อไทย" ฝ่ายรัฐบาลพรรคเดียวที่ "ยื่นก่อน-ถอยทีหลัง"
พรรคประชาชน "ฝ่ายค้าน" อีกพรรค เขาก็ยื่นด้วยและไม่ได้ถอย!
พรรคประชาชน "พรรคน้อง" เขายื่นร่างฯ ต่อประธานรัฐสภาวันนอร์ เมื่อ ๑๗ กันยา. ส่วนพรรคเพื่อไทย "พรรคพี่" ยื่นเมื่อ ๑๙ กันยา.
นั่นคือ "เพื่อไทย" ถอย ก็ยังมีร่างฯ "พรรคประชาชน" อยู่ในสภาอีกร่างฯ เมื่อวาน (๒๕ ก.ย.๖๗) "ณัฐวุฒิ บัวประทุม" พรรคสามนิ้ว ถึงได้บอกว่า
"ก่อนหารือกับประธานวันนอร์ถึงเรื่องกำหนดวันพิจารณารัฐธรรมนูญ ต้องหารือในพรรคก่อนอีกครั้ง"
สรุป...เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ประเด็นจริยธรรม
เพื่อไทย "ถอยแล้ว" ก็จริง
แต่ "เพื่อทอน" ยังไม่ถอย ต้องดูกันต่อไป ท่านประธานวันนอร์ จะนำเรื่องบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมสภาวันไหน ก่อนปิดสมัยประชุม ปลายเดือนตุลา.!?
เรื่อง "แก้รัฐธรรมนูญ" นี้ ผมว่าพวกเรา รวมทั้งตัวผมเองด้วย ก็ยังมีความสับสนบางเรื่้อง-บางประการอยู่
ฉะนั้น วันนี้ เรามาทำความเข้าใจคร่าวๆ กันซักหน่อยดีมั้ย เพื่้อไม่สับสนจนตกหลุมพรางเขา
มันมีอยู่ "๒ แก้" ซ้อนๆ กันอยู่
ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เกี่ยวเนื่องจริยธรรม พูดกันอยู่ตอนนี้ เป็นเรื่องหนึ่ง
นี่เป็นการ "แก้รายมาตรา" พูดให้เข้าใจง่ายๆ เป็นการแก้ "ปลีกย่อย" รายทาง เฉพาะประเด็น "จริยธรรม" เท่านั้น
ยังมีอีกแก้ที่ "แก้ใหญ่" ยกเลิกรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบัน แล้วเขียนขึ้นใหม่ทั้งฉบับ
คือ "ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๕๖ เพื่อเปิดทางตั้ง "สภาร่างรัฐธรรมนูญ" (ส.ส.ร.)"
ตรงนี้ ต้องใช้ความอดทนเพื่อ "ทำความเข้าใจ" กันนิด
คือการ "แก้รัฐธรรมนูญ" กฎหมายไม่ห้าม
แต่ต้องปฏิบัติตาม "หลักเกณฑ์-วิธีการ" ที่รัฐธรรมนูญมาตรา ๒๕๖ กำหนดไว้ ตาม (๑).....(๙)
แก้รายมาตราโน่น-นี่ พอเป็นกระสายยา ไม่ยาก แต่ถ้าจะแก้หมวด ๑ ว่าด้วยการแบ่งแยกราชอาณาจักรไทย หมวด ๒ ว่าด้วยพระมหากษัตริย์ และหมวด ๑๕ ว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
ตรงนี้ มาตรา ๒๕๖ (๘) กำหนดหลักเกณฑ์-วิธีการไว้
หมายความว่า ถ้าต้องการรื้อ-จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ อยากทำ-ก็ทำได้ แต่ต้องทำตามนี้
ตามไหนล่ะ?
ก็ตามที่ "ศาลรัฐธรรมนูญ" มีคำวินิจฉัยไว้ เมื่อ ๑๑ มี.ค.๖๔ ความตอนหนึ่ง ว่า........
“หากรัฐสภาต้องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องจัดให้ "ประชาชนผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ"
ออกเสียงประชามติเสียก่อนว่า....
"สมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่?"
ถ้าผลการออกเสียง "ประชามติเห็นชอบ" ด้วย จึงดำเนินการจัดทำ "ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่" ต่อไป
เมื่อ "เสร็จแล้ว" ต้องจัดให้มีการ "ออกเสียงประชามติ" ว่าเห็นชอบหรือไม่กับ "ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่" อีกครั้งหนึ่ง”
สรุป ต้องถาม "ประชาชน" ก่อน ว่า "ต้องการให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ต้องการ"?
ถ้าประชาชน "ต้องการ"
ก็ให้รัฐสภาไปร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มา เสร็จแล้ว เอาไปให้ประชาชนอ่านดู ว่าเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบตามร่างฯ ใหม่นี้
ถ้าเราสังเกตคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญให้ถ่องแท้ จะเห็นว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น
ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ....
"รัฐธรรมนูญฉบับใหม่" ท่านให้ "รัฐสภา" เป็นผู้จัดทำ
ไม่ใช่ให้ "ตั้ง ส.ส.ร." จัดทำ!!!
ทีนี้ ทั้งรัฐบาล-ฝ่ายค้าน ต้องการให้ตั้ง ส.ส.ร.จัดทำ โดยไม่แตะหมวด ๑ หมวด ๒
แต่ต้องแตะหมวด ๑๕ คือว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ อันเป็นหมวด "ต้องห้าม"!
เหตุที่ต้องแตะ เพราะรัฐธรรมนูญ ไม่มีมาตราไหนระบุว่า "ให้รัฐสภาตั้ง ส.ส.ร.เขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้"
รัฐบาล-ฝ่ายค้าน ก็เลยต้องยื่นร่าง "แก้ไข" เพื่อ "แก้ไขเพิ่มเติม" มาตรา ๒๕๖ เพิ่ม "หมวด ๑๕/๑"
จากที่ "ไม่มีการให้ตั้ง ส.ส.ร."
ก็ "ให้มีการตั้ง ส.ส.ร." เขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้!
เมื่อต้องแก้มาตรา ๒๕๖ ซึ่งอยู่ในหมวด ๑๕ ก็ต้องทำประชามติ ตาม (๘) และตามวิธีที่้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไว้
จะแก้ไขเพิ่มเติมหมวด ๑๕ ก็ต้องไปทำ "ประชามติ"
คือต้องไป "ถามประชาชนก่อน" ว่า....
"สมควรจะให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่?"
ฉะนั้น จะผ่านด่าน ๒๕๖ ไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ ก็ต้องผ่านด่าน "ประชามติ" ก่อน
เมื่อกุมภา.๖๗ "เพื่อไทย-ก้าวไกล" ยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ประชามติ" ๒ ฉบับ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ประชามติ พ.ศ.๒๕๖๔ ต่อประธานสภา
จากเดิม "ประชามติ" ต้องมีผู้มาใช้สิทธิออกเสียง “เกินกึ่งหนึ่ง” ของผู้มีสิทธิออกเสียง และต้องได้คะแนนเห็นชอบ “เกินกึ่งหนึ่ง” ของผู้มาใช้สิทธิออกเสียง
ก็เปลี่ยนเป็นให้ใช้แค่ “เสียงข้างมาก” ของผู้มาใช้สิทธิออกเสียง และต้องมีคะแนนมากกว่าคะแนนไม่แสดงความเห็น!
หมายความว่า สมมุติ ผู้มีสิทธิลงประชามติมี ๕๐ ล้านคน ต้องมีผู้ออกมาลงประชามติมากกว่า ๒๕ ล้านคน
และใน ๒๕ ล้านคนนั้น ต้องมีเสียงเห็นชอบมากกว่า ๑๒.๕ ล้านคนขึ้นไป ถึงจะถือเป็น "ประชามติ" ให้จัดทำได้
แต่ร่างแก้ไขของ "เพื่อไทย-ก้าวไกล" ที่ผ่านความเห็นชอบสภา แก้เป็นว่า ผู้มีสิทธิออกเสียง ๕๐ ล้าน ออกมาใช้สิทธิเท่าไหร่ก็ได้
สมมุติออกมาใช้สิทธิแค่ ๑ แสนคน มีเสียงเห็นชอบ ๕๐,๐๐๑ คน แค่นั้นก็ถือว่า เป็น "ประชามติ" เห็นชอบตามเกณฑ์แล้ว!?
แต่ พ.ร.บ.ประชามติก็ผ่านสภาผู้แทนฯ เมื่อปลายสิงหา.เข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภา
การพิจารณา วาระ ๒ มี สว.เสนอทบทวนประเด็น "การใช้เสียงข้างมาก" ในการลงประชามติ
ว่าควรใช้เสียง "เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียง" เป็นเกณฑ์ เพื่อเป็นธรรมกับทุกคน และขอ "สงวนคำแปรญัตติ"
ก็ต้องโหวตเสียงกัน ....
ปรากฏว่า เสียงข้างมากให้ตั้ง กมธ.พิจารณาในประเด็นนี้ ๖๐ วัน
ประเด็นสำคัญก็คือ ที่เพื่อไทย-ประชาชนคาดหวัง พ.ร.บ.ประชามติ จะผ่านวุฒิสภา ได้ทำประชามติรอบแรก ก็แห้ว
แห้วยังไง....ฟังบทโอดของ "สว.คางส้ม" เมื่อวาน (๒๕ ก.ย.) ก็แล้วกัน
สว."นันทนา นันทวโรภาส" ในฐานะรองโฆษก กมธ.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประชามติ วุฒิสภา พิไรร่ำ ว่า
"ที่ประชุมกรรมาธิการฯ มีมติเสียงข้างมาก ให้กลับมติ ให้ไปใช้เสียงข้างมาก ๒ ชั้น หรือ Double Majority ที่ต้องมีเสียง "กึ่งหนึ่ง" ของ "ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง" มาใช้สิทธิ
และผลประชามติ ต้องเป็น "เสียงข้างมาก" อีกชั้นหนึ่งด้วย หากวุฒิสภาเห็นพ้องตาม กมธ.เสียงข้างมาก
คาดว่า "การทำประชามติจะทำไม่ทันช่วงเลือกตั้งนายก อบจ.และสมาชิกสภา อบจ.ทั่วประเทศ เดือนก.พ.๖๘"
แปลไทยเป็นไทย ก็คือ รัฐธรรมนูญ ฉบับ "มีชัยลงยันต์"
แก้ย่อย "จริยธรรม" ยังติดแหง็กแค่ด่าน "ประชามติ"
แล้วคิดหรือว่า "แก้ใหญ่" โดยตั้ง ส.ส.ร.เขียนใหม่ทั้งฉบับ
จะทำได้ง่าย เหมือนให้เทวดาอยู่เหนือคุก"!?
-เปลว สีเงิน
๒๖ กันยายน ๒๕๖๗
คนปลายซอย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลึกสุดใจ..'บิ๊กต่าย' ยึดกฎกติกา ไม่กลัวทุกอิทธิพล
ลึกสุดใจ..'บิ๊กต่าย' ยึดกฏกติกา ไม่กลัวทุกอิทธิพล วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม 2567 เวลา 09.00 น.
'๑ ประเทศ ๒ รัฐบาล'
คงเป็น "ที่สุดแห่งปี" จริงๆ สำหรับประเทศแห่งประชากรผู้หิวโหยและเทิดทูน ๒ พ่อลูก "ตระกูลชิน"
'รัฐมนตรี' ที่ 'นักข่าวลืม'
"นายกฯ แพทองธาร" นี่.... ต้องยอมรับกันจริงๆ จังๆ ว่า "ออร่า" ในตัวเธอเจิดจ้ามาก!
ฮัลโหล 'พีระพัง' มาแว้ว!
"พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" เจ้าสำนัก "รวมไทยสร้างชาติ" นี่ ดูเหมือน "งานจะเข้า" แฮะ!
แบงก์ชาติ 'อย่านึกว่ารอด'!
ประเทศ "พ้นบ่วงมาร" ไปอีกบ่วง! เมื่อวาน (๒๔ ธ.ค.๖๗) ปลัดคลังแถลง กฤษฎีกาตีความทางกฎหมายและตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว
ถ้าไม่รู้ทัน "มันกินเรียบ"
"ตรรกะโจร" บางเรื่องนี่ ใช้ได้นะ เช่นที่พูดว่า "ผลไม้พิษย่อมมาจากต้นไม้พิษ"