'เปิดและปิดเครื่อง'

ก่อนอื่นผมต้องขอโทษสำหรับคอลัมน์สัปดาห์ก่อนที่หายไปครับ ผมไม่ได้หายไปไหน และผมไม่ได้ไปไหน ผมพร้อมและตั้งใจเขียนคอลัมน์ปกติ แต่เมื่อเริ่มเขียน ในวันเวลาปกติที่ผมเขียนนั้นเกิดปัญหาเทคนิคขัดข้อง

ผมออกตัวหลายครั้งว่า ผมไม่ใช่คน Hi-Tech แต่ผมไม่ใช่ Lo-Tech ผมเป็น Middle-Tech ซึ่งคือใช้คอมพ์เป็น ใช้เทคโนโลยีเป็น รู้ว่าอะไรคืออะไร ถึงแม้อาจไม่รู้ลึกซึ้ง และไม่รู้ถึงไส้ แต่รู้เรื่องพอที่จะใช้ในชีวิตประจำวันได้ แต่ความสามารถของผมจะจบเมื่อเกิดอุปสรรค และต้องแก้ไขหรือซ่อมแซมเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น

วิธีแก้ปัญหาของผมทางเทคโนโลยีคือ เมื่อเกิดปัญหาปุ๊บ ลองปิดเครื่องและเปิดใหม่ กว่า 90 เปอร์เซ็นต์จะได้ผลครับ แต่อีก 10% ที่ไม่ได้ช่วยอะไร ผมอาจกดนี่

กดนู่นกดนั่น เผื่อฟลุกว่าจะซ่อมแซมได้ แต่ถ้าไม่มีฟลุกผมก็เดี้ยงครับ

สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อนคือ ทุกอย่างปกติ แต่ปรากฏว่า Save กับ Save as หายไปเลย หาตรงไหนก็หาไม่เจอ ตำแหน่งเดิมที่เคยอยู่ไม่มีร่องรอยอะไร พยายามเสิร์ชหาก็ไม่มี ปิดเครื่องรีบูตใหม่ไม่ได้ผลอะไร Save กับ Save as หายจากโลกผมเลย ผมนั่งอยู่เกือบ 2 ชั่วโมงพยายามแก้ปัญหา แต่ทำอะไรไม่ได้ เลยต้องแจ้งไปทางไทยโพสต์ว่าน่าจะต้องงดคอลัมน์ 1 สัปดาห์ จนกว่าผมจะหาทางแก้ไขปัญหาได้

ซึ่งคำว่า “แก้ไขปัญหา” คือให้ทีมงานไอทีที่ทำงานผมช่วยแก้ปัญหาให้ ด้วยศักดิ์ศรี ด้วยความเป็นลูกผู้ชาย ผมก็เขินที่จะบอกเขาว่าผมมีปัญหาตรงนี้ เพราะเดี๋ยวเขาจะคิดในใจว่า “ก็แหงสิ… มึงแก่ขนาดนี้ มึงจะรู้เรื่องอะไร?” ก็ต้องยอมครับ ตราบใดที่ไม่พูดต่อหน้าผม ผมก็ไม่ได้ยินสิ่งที่เขาคิดในใจอยู่ดี

พอยื่นแล็ปท็อปให้เขา และอธิบายว่าอะไรคืออะไร ผมเห็นสีหน้าและรู้ว่าเขาคิดอะไร แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ถ้าเอาศักดิ์ศรีเป็นที่ตั้ง ผมก็ยังหา Save กับ Save as ไม่ได้ต่อไป พอเห็นเขากดนี่กดนั่นกดนู่น ผมคิดในใจว่า “กูตายแน่” ดูเหมือนว่าเขาจะแก้ปัญหาได้ทันที แล้วผมจะดูเป็นผู้เฒ่าในสายตาเขา ผมเลยทิ้งเครื่องกับเขา แล้วไปคุยเรื่องงานกับทีมงาน

คุยไปคุยมา เวลาล่วงเลยประมาณ 2 ชั่วโมงเศษๆ เลยเดินกลับไปหาน้องที่ดูเครื่องของผม ปรากฏว่าเครื่องผมยังกางอยู่ และเขากางเครื่องของเขาคู่ขนานกันไป พร้อมกับโทร.ปรึกษาหัวหน้าไอทีที่อยู่สำนักงานใหญ่ เพราะเขาไม่เคยเจอปัญหาแบบนี้มาก่อน และแถมครับ หัวหน้าและทีมไอทีก็ไม่เคยเช่นเดียวกัน ผมเลยรู้สึกดีใจ และไม่รู้สึกแก่แล้ว

ในที่สุดปัญหาที่เจอคือปัญหา Software และสิ่งที่ต้องทำคือ ปรึกษาออนไลน์กับแผนกไอทีของ Software นั้น เพื่อหาข้อสรุปและแก้ปัญหา แฟนคอลัมน์ทราบไหมครับว่าทางออกคืออะไร? ก็คือลบ Software นั้นออกจากเครื่องและ Download ใหม่!!!

โธ่เอ๊ย ก็ไม่ต่างจากวิธีบ้านๆ ของผมที่เปิด-ปิดเครื่อง!!! แต่วิธีของเขาเหนือชั้นกว่าผม…หนึ่งชั้น

เมื่อสัปดาห์ก่อนผมตั้งใจเขียนเรื่อง ผลการดีเบตระหว่าง Kamala Harris กับ Donald Trump เพราะดูเป็นการดีเบตที่มีโอกาสสร้างหรือฆ่า Harris เพราะอย่าลืมว่าเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา จากการดีเบตครั้งก่อน ถือว่าเป็นการดับอนาคตและชีวิตทางการเมืองของ Joe Biden ถ้าย้อนกลับไปช่วงนั้น (ช่วงหลังดีเบต) ชีวิตสมาชิกพรรคเดโมแครตทุกคนมืดมน มืดมัว และไร้ความหวัง มองไปทางไหนไม่มีอนาคต มองไปทางไหนเห็นแต่ทางตัน จะดัน Biden ต่อ ไม่รู้จะดันไปไหน ทั้งดันทั้งดึงไปไหนไม่ได้

ถ้า Biden ฝืนเดินหน้าหาเสียงต่อไป และไม่ยอมถอนตัวออกจากการแข่งขันนั้น คะแนนมีแต่ดิ่งลง เปรียบเทียบกับสมาชิกพรรครีพับลิกันหลังดีเบตนั้น อนาคตสดใส หันไปทางไหน ทุกเส้นทางชี้ไปทางทำเนียบขาวและชัยชนะ บวกกับคะแนนนิยมหรือตัว Trump หลังถูกลอบสังหาร มีภาพเด็ดที่ชูมือ ท่ามกลางสายเลือดและความวุ่นวาย หลังดีเบตครั้งนั้น ทุกคนพูดเสียงเดียวกันว่า Trump นอนมา

แต่พอวันเวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน โลกก็เปลี่ยนครับ จากที่ Trump ดูหนุ่ม ดูฟิต ดูแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับ Biden แล้วนั้น ตอนนี้กลายเป็นว่า Trump ดูเป็นคนแก่ ดูเป็นคนไม่ทันโลก ดูเป็นคนช้า และไม่กระชับ ดูเป็นกระแสไปทาง Harris หมดหลังจากที่ Biden ถอนตัวออก

ทุกคนลืมว่าตลอดระยะเวลาที่ Harris เป็นรองประธานาธิบดี มีแต่ข่าวออกในทางลบเกี่ยวกับการบริหารงาน ทั้งทางราชการและภายในทีมงานตัวเอง คนลืมเรื่อง Staff ลาออกและหมุนเวียนตำแหน่งเป็นว่าเล่น คนลืมเรื่องการบริหารงานทางราชการที่ไร้ประสิทธิภาพ และไร้ผลงานชัดเจนที่แตะต้องเป็นรูปธรรมได้ พอวันที่ Biden ประกาศถอนตัวปุ๊บ Harris เสียบเป็นผู้สมัครทันที

ซึ่งผมผมนึกว่าระบบพรรคเดโมแครตจะเปิดโอกาสให้ผู้สมัครท่านอื่นๆ ลองตะลุมบอนเสนอชื่อ ผมก็นึกว่าที่ประชุมใหญ่ของพรรคจะต้องเป็นเวทีตัดสิน แต่ในที่สุดไม่มีเหตุนั้นเกิดขึ้น ในที่สุดทุกอย่างราบเรียบ กระชับ และแสดงพลังของพรรคที่เป็นปึกแผ่นเดียวกันในการต่อสู้กับ Trump เพราะถ้าเขา (พรรคเดโมแครต) มัวแต่เปิดศึกภายในและซัดกันเอง คนลอยตัวและได้คะแนนคือ Trump

การดีเบตระหว่าง Harris กับ Trump ถือว่าเป็นเวทีสร้างหรือฆ่า Harris ผ่านเวทีสดๆ ให้คนทั่วโลกได้ชม คงไม่ต่างจากยุคโรมันที่ทาสต้องออกมาสู้รบกันเองต่อหน้าจักรพรรดิและมวลชน เพื่อความบันเทิงและความสนุกสนานของผู้ชม คนดูก็เชียร์ คนดูพนัน แต่คน “แสดง” เอาชีวิตตนมาเสี่ยง “เล่นๆ”

การดีเบตที่เพิ่งผ่าน เป็นเวทีของ Harris แท้ๆ ครับ จะรุ่งหรือจะดับขึ้นอยู่กับตัวเขา เพราะคนไม่คาดหวังอะไรกับ Trump เนื่องจากรู้ว่าเขาเป็นอย่างไร รู้ว่าจะได้อะไรจากเขา แต่ไม่มีใครรู้ว่าจะได้อะไรจาก Harris ถ้าจะสรุปสั้นๆ ง่ายๆ Harris ผ่านและชนะการดีเบตในสายตาผมครับ

ในสัปดาห์หน้าผมขอคุยต่อเรื่องนี้ ขอคุยต่อในเรื่องผลกระทบที่ยังเป็นประเด็นอยู่หลังการดีเบตครับ. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'…It is what it is…'

ผมบอกเลยว่า ผมรู้สึกห่างเหินกับแฟนคอลัมน์เป็นเวลาเกือบ 3 อาทิตย์เต็มครับ เหตุผลเพราะระยะเวลา 3 คอลัมน์เต็มๆ (คือ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา)

'Hey…Google!!!' (ต่อ)

ก่อนอื่นผมขออธิบายว่า ทำไมผมตั้งชื่อเรื่องวันนี้และอาทิตย์ที่แล้วว่า “Hey…Google!!!”

“Hey…Google!!!!” (ตอน 1)

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ในสหรัฐอเมริกา มีการตัดสินคดียักษ์ใหญ่ ที่จะมีผลกระทบและเขย่าโลก ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ไม่แน่ครับ ดีไม่ดีอาจเป็นชิ้นโบแดงของ Joe Biden ก็ได้

Imane Khelif นักกีฬาหญิงใจสู้

เมื่อสัปดาห์ก่อนผมบอกว่า ผมจะเขียนเรื่องราวของ Google ทั้งที่มาที่ไปของคดี และผลการตัดสินเมื่อเร็วๆ นี้ เพราะผมยังอยู่ในกระแสโอลิมปิก

'ทำให้อยากเล่นเลย'

ความจริงวันนี้ผมอยากจะเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับคดี Google เพราะเป็นเรื่องที่ผมเคยเขียนเกริ่นไปแล้ว ผมเขียนว่าเป็นเรื่องน่าจับตามองที่รัฐบาลอเมริกันยอมปะทะและสู้รบกับบริษัทยักษ์ใหญ่