ส่องภาพสะท้อนยุคที่ 13 ของเมืองรัตนโกสินทร์ ผ่านการเลือกตั้งซ่อมพิษณุโลก

ภาพปกหนังสือลอกคราบใหม่ประเทศไทย ผู้เขียน ฟองสนาน จามรจันทร์ สำนักพิมพ์ กรีนปัญญาญาณ พิมพ์ครั้งแรก มกราคม 2558

ผู้เขียนเคยเขียนทำนายให้เตรียมรับมือยุคที่ 13 ของเมืองรัตนโกสินทร์ ในหนังสือชื่อ ลอกคราบใหม่ประเทศไทย ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์กรีนปัญญาญาณ พิมพ์ครั้งแรก ตั้งแต่มกราคม 2558 ว่า

               ยุคที่ 13 ของเมืองรัตนโกสินทร์ ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2562 และจะกินเวลายาวนานไป 20 ปี นั้น คือยุคแห่ง อินเทอร์เน็ต ที่จะทำให้ข้อมูลต่างๆ ล้นทะลักติดต่อสื่อสารรวดเร็วสะดวกสบาย กระทบต่อความคิดอ่านของประชาชนไปหมดทุกซอกมุมของเมือง

               รวมทั้งอีกหนึ่งอาการตามมาคือ จะมีการต่อสู้ทางความคิด-อุดมการณ์สำคัญของชาติ เพียงแต่ ขณะเขียนหนังสือก็ยังไม่ปรากฏชัดว่าเป็นเรื่อง-ประเด็นใด

            ก่อนอื่นขออธิบายซ้ำถึงการเกิดของ ยุคต่างๆ ของเมืองรัตนโกสินทร์ ที่แต่ละยุคจะกินระยะเวลายาวนาน 20 ปี โดยใช้หลักที่ครูโหรผู้ล่วงลับ เทพย์ สาริกบุตร ท่านให้ไว้ในหนังสือโหราศาสตร์ในวรรณคดี ส่วน ท่านใดจะใช้หลักอื่นก็ไม่ว่ากัน

               หลักที่ว่าคือการเริ่มต้นของยุคต่างๆ นั้น จับหลักเอาวันที่พฤหัสบดีจร (5) หัวหน้าดาวดีหรือศูภเคราะห์ เริ่ม แตะร่วมราศี กับพระเสาร์จร (7) หัวหน้าดาวร้ายหรือบาปเคราะห์ครั้งแรก วันนั้นถือเป็นวันเริ่มแต่ละยุคของเมืองที่จะกินเวลายาวนานไปประมาณ 20 ปี

               รอจนดาวสองดวงนี้มาแตะร่วมราศีกันอีกรอบจึงจะเป็นวันเปลี่ยนยุค

               ด้วยหลักดังนี้ใน หนังสือโหราศาสตร์ในวรรณคดี อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ได้จัดยุคเก่าก่อนของเมืองที่ถือกำเนิดเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2325 เวลา 06.54 น. เป็น 10 ยุคที่ คำอธิบายปรากฏการณ์สำคัญที่เกิดในเมืองช่างสอดคล้องกับชื่ออย่างไม่น่าเชื่อ เพียงแต่ผู้เขียนไม่มีพื้นที่อธิบายรายละเอียด โดยชื่อยุคได้แก่

               ยุค มหากาฬ-พาลยักษ์-รักบัณฑิต-สนิทธรรม-จำแขนขาด-ราชโจร-ชนร้องทุกข์-ยุคทมิฬ-ถิ่นกาขาว-ชาววิไล

            จากนั้นผู้เขียนใช้หลักที่ อ.เทพย์ให้ไว้เพิ่มยุคใหม่กว่าเข้าไปอีก 3 คือ

               ยุคที่ 11-โชติช่วงชัชวาล-เพราะมีการนำก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยขึ้นมาใช้ เปลี่ยนประเทศจากเกษตรกรรมเป็นหลักสู่อุตสาหกรรม

               ยุคที่ 12-ยุคโทรศัพท์มือถือ-ที่เริ่มมีใช้กันตั้งแต่รุ่นกระดูกหมาใหญ่เทอะทะพัฒนามาเรื่อยๆ มาจนถึงรุ่นลอดตะแกรงท่อระบายน้ำของ กทม.ได้

               ทีนี้มาว่ากันที่ ยุคที่ 13 กำหนดให้เป็นยุค-อินเทอร์เน็ต-ที่การติดต่อสื่อสารรวดเร็ว-ล้ำสมัย แผ่ไปทุกหย่อมหญ้า-วงการ-พื้นที่ คลิปและข้อมูลต่างๆ ล้นเมือง-โลก-แอปพลิเคชันต่างๆ มีให้เลือกใช้เต็มไปหมด

               ผลคือ ผู้คนรับข้อมูลข่าวสารมาก แนวความคิดก็สั่นไหวแน่นอน สถาบันหลักในสังคมย่อมกระทบกระเทือนไปด้วย

               จึงจากหนังสือลอกคราบใหม่ประเทศไทยได้ทำนายไว้ล่วงหน้าเพียงแต่ว่าตลอดระยะ 20 ปีของยุคนี้จะมีการต่อสู้ในเรื่อง อุดมการณ์สำคัญของชาติ นั้น

            บัดนี้ชัดเจนยิ่งแล้วว่าการต่อสู้นี้คือ การต่อสู้เรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์

            เริ่มจากการตั้งพรรคอนาคตใหม่ตั้งแต่มีนาคม 2561 เป็นหัวเชื้อท้าทายความคิดการคงอยู่ของสถาบัน หรือพูดง่ายๆ คือ ไม่เอาเจ้า สะสมพลังเรื่อยๆ มา

               เมื่อพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบกลายมาเป็นพรรคก้าวไกลก็ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งทั่วไปได้เมื่อ 14 พฤษภาคม 2566 ได้ที่นั่ง สส.สูงสุดชนิดที่สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วด้วยสโลแกน เลือกพรรคก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม

               หลังเลือกตั้งใหญ่ปี 2566 แล้ว แม้ต่อมาการเลือกตั้งท้องถิ่นพรรคก้าวไกลต่อมาใช้ชื่อพรรคประชาชนจะไม่ชนะในทุกสนามที่ลงแข่ง

               ล่าสุดการเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 1 พิษณุโลกเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2567 ยังไปพ่ายให้กับพรรคเพื่อไทย ที่นานมาแล้วไม่มี สส.เขตนี้

               แต่สัญญาณที่ส่งออกมาจากการเลือกตั้งซ่อมวันนั้นบ่งบอกว่าแม้ไม่ชนะ-คะแนนจะลดลง ตัวเลขที่พรรคประชาชน (ก้าวไกลเดิม) ได้มาถึง 28,486 คะแนน บ่งบอกถึงความไม่ธรรมดาของแนวความคิดเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์

               ซึ่งสอดคล้องกับการอยู่ในยุคที่ 13 ของเมืองที่จะต้องมีการต่อสู้กันทางความคิด-อุดมการณ์สำคัญๆ และยาวนานไปถึงปี 2582

               จึงคาดว่าทั้งฝ่ายเอาสถาบันและไม่เอาสถาบันน่าจะต้องต่อสู้กันอีกนาน จะผลัดกันรุก-รับไปเรื่อย

               ส่วนสุดท้ายผลสรุปจะออกมาอย่างไร นั้น ผู้เขียนซึ่งอายุมากแล้วอาจจะไม่มีบุญวาสนาได้อยู่ดู

               เพียงแต่มีหลักโหรที่อ่านจากพื้นดวงชะตาเดิมของเมืองนำให้อีกครั้งคือ ดวงชะตาของเมืองรัตนโกสินทร์ถูกออกแบบมาให้ สายพระโลหิตของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระผู้สถาปนา-สร้างเมืองรัตนโกสินทร์อยู่คู่กับเมืองตลอดไปจนกว่าจะไม่มีเมือง (พระอาทิตย์ดวงเดิม ๑-ปุตตะกุมลัคนาเมืองที่สถิตราศีเมษ)

               อีกทั้งจิตใจคนไทยอาจจะผันแปรไปบ้างในแต่ละยุค แต่ในที่สุดก็ผูกติดอยู่กับสถาบันพระมหากษัตริย์ (พระอาทิตย์ ๑ เป็นดาวตนุเศษ หรือดาวจิตใจ)

               ในอดีตในชีวิตของผู้เขียนเคยผ่านยุคที่อาการใกล้เคียงกันกับ ยุคอินเทอร์เน็ต นี้คือ ยุคชาววิไล ที่ระยะ 20 ปีนั้น คอมมิวนิสต์ซึ่งมีหนึ่งในอุดมการณ์คือ ไม่เอาสถาบันพระมหากษัตริย์ ขึ้นสู่กระแสสูงมาก มีการต่อสู้กันทางความคิดเลวร้ายไปถึงการใช้กำลัง

               ยุคนั้นเกิดทั้งเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 และ 6 ตุลา 19 นักศึกษาหนีเข้าป่าจับอาวุธกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยสู้กับอำนาจรัฐ บาดเจ็บล้มตายไปมาก

               ขณะที่เรียนนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ผู้เขียนไปฝึกงานที่เพชรบูรณ์ อยู่ศาลากลางได้ยินเสียงยิงปืนใหญ่ตูมๆ อีกไม่นานเฮลิคอปเตอร์นำทหารบาดเจ็บล้มตายมาจอด

               ขณะไปรับราชการครั้งแรกที่ สวท.กระบี่  ยากนักที่จะไปที่ ลำทับ เพราะเป็นพื้นที่สีชมพูออกแดง หรือเขตอิทธิพลของคอมมิวนิสต์

               แต่ครั้นสู้กันไป-มาในที่สุดคอมมิวนิสต์ก็กลับมาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย และเหลือเชื่อ-วิถีของเมืองพลิกผัน สหายคนคอมมิวนิสต์สำคัญคนหนึ่งที่เคยเข้าป่า กลายมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนี้

               ผู้เขียนเองก็เคยถูกจัดอยู่ในกลุ่มคอมมิวนิสต์ขณะเรียนจุฬาฯ ออกไปชุมนุมเดินขบวนเกือบทุกนัด ทุกวันนี้ยังขำๆ อยู่เมื่อคิดย้อนไป เพราะขณะนั้นอยู่ในข่าย ฉันจึงมาหาความหมาย อยู่ไปอยู่มาความหมายของชีวิตก็เปลี่ยนตามวัย

               แต่ที่สำคัญคือ สถาบันกษัตริย์ก็ยังคงอยู่ เพียงแต่เปลี่ยนแปลงไปตามกาล-วาระ-บุคคล

               แต่อาการท้าทายสถาบันหลักของประเทศนั้นจะมีอยู่ตลอดเวลา จบจากเรื่องนี้ก็เรื่องนั้น ต้องมีสักเรื่องอยู่เสมอ ไม่มีทางจะหมดไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทหารก็ไม่เอา...เจ้าก็จะล้ม ยังชื่นชมกันอีกหรือ

นักการเมืองบางคน (ย้ำ บางคนนะ ไม่ใช่ทุกคน) ที่มีพฤติกรรมแบบมนุษย์ยุคไดโนเสาร์ เล่นการเมืองกันแบบน้ำเน่า แย่งกันเป็นรัฐมนตรีโดยไม่คำนึงถึงความสามารถของตน

อินทรีคืนถิ่น!

เข้าสู่โค้งสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการ "สีกากี" หลายโรงพัก หลายกองบังคับการ หลายกองบัญชาการ จัดพิธีและงานเลี้ยงอำลาตำรวจวัยเกษียณในสังกัดกันไปบ้างแล้ว

น้ำฝนท่วมเชียงราย...น้ำลายท่วมจอ

ในขณะที่พายุนำพาน้ำฝนมาถล่มภาคเหนือของประเทศไทย ทำให้หลายจังหวัดในภาคเหนือทั้งตอนบนและตอนล่างต้องเผชิญกับอุทกภัย มีความลำบากยากเข็ญ ทั้งน้ำหลาก

ขอส่ง'กำลังใจ'แด่ผู้ประสบภัยพิบัติทั้งหลาย

เจอกับ สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ ที่มาพร้อมๆ กับ นารีขี่ม้าขาว รายใหม่...เล่นเอาบรรดาผู้คนในภาคเหนือของบ้านเรา น่าจะอ่วมอรทัยอยู่พอสมควรทีเดียว

จ่อเพิ่มอำนาจการเมืองจัดโผ

น้ำท่วมภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงรายปีนี้หนักหนาสาหัส มวลน้ำขยายวงสร้างความเสียหายให้ชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก หลายภาคส่วนต่างเข้าพื้นที่ช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พร้อมด้วย บิ๊กจวบ-พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข