เอาจริงปฏิรูปอุตสาหกรรม

หลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ รมว.อุตสาหกรรมคนใหม่ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ได้มอบนโยบาย “การปฏิรูปอุตสาหกรรม สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” ให้กับข้าราชการกระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ พร้อมระบุว่า ความท้าทายของภาคอุตสาหกรรมต่อจากนี้ ไม่ใช่แค่การเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ แต่สิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องใส่ใจ คือ การสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน

อย่างไรก็ตาม การปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย (Industrial Reform) โดยมี 3 พันธกิจสำคัญเร่งด่วน 1.จัดการกากอุตสาหกรรมตกค้างทั้งระบบอย่างเข้มงวด 2.ปกป้องอุตสาหกรรมไทยจากการทุ่มตลาด: ช่วยผู้ประกอบการรายย่อยที่รับผลกระทบจากการทะลักเข้าของสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน

และยกระดับขีดความสามารถ SME ไทย และ 3.สร้างอุตสาหกรรมแห่งอนาคต สร้าง New S-Curve กับประเทศ ด้วยสินค้าเกษตรเทคโนโลยีขั้นสูง พลาสติกชีวภาพ โอลีโอเคมี น้ำมันเชื้อเพลิง อุตสาหกรรมยานยนต์ EV ชิปเซมิคอนดักเตอร์ อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ

นอกจากนี้ยังเตรียมที่จะรื้อปรับปรุง กฎหมาย กฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง พร้อมผสานความร่วมมือกับภาคประชาชน เอกชน ท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการงานให้สำเร็จตามเป้าหมายภายในระยะเวลาที่ชัดเจน รวมถึงการจัดตั้ง “กองทุนเพื่อการปฏิรูปอุตสาหกรรม” แบบครบวงจร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถผู้ประกอบการไทย อัปสกิลผลิตแรงงานคุณภาพสูง ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยี บริหารจัดการค่าจับปรับด้านสิ่งแวดล้อมแบบไม่ต้องพึ่งพางบกลาง

 “การรวมกองทุนนั้น เป็นการปรับการทำงานให้เปลี่ยนตามสถานการณ์และอัปเดตภารกิจใหม่ๆ ทำให้เป็นกลุ่มเป็นก้อนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งในบางเหตุการณ์ทำให้ไม่ต้องรอเงินเยียวยา โดยเงินดังกล่าวสามารถนำไปยกระดับกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กให้สามารถปรับตัวได้ โดยการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี รวมถึงพัฒนาคน แรงงาน และบุคลากรให้เป็นไปตามกำหนดเป้าหมายของอุตสาหกรรม รองรับกลุ่มอุตสาหกรรมการลงทุนขนาดใหญ่และเพื่อรองรับการโยกย้ายฐานของกรมโรงงานอุตสาหกรรม” เอกนัฏ กล่าว

พร้อมทั้งยังได้ย้ำกับกับข้าราชการกระทรวง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ธพว.) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ว่า การจะทำงานให้สำเร็จ สิ่งแรกคือ ต้องสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร เพราะกระทรวงอุตสาหกรรมเพียงลำพังอาวุธน้อย จึงต้องเริ่มต้นที่จะติดอาวุธ ด้วยการสร้างความร่วมมือในกระทรวงก่อน สร้างภาพเป้าหมายการทำงานให้ชัดเจน มีระยะเวลากำหนดที่ชัดเจน ไม่ใช่พูดวันนี้แล้วอีกหนึ่งปี มาพูดเรื่องเดิมอีก ไม่เอา

 “วันนี้เป็นการซักซ้อมเข้ามาทำงานก่อนที่จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการหลังแถลงนโยบาย จึงถือโอกาสเข้ามาเซ็นบันทึกเป็นคติเตือนใจในการทำงาน นั่นคือความหวังของผมที่อยากจะทำให้เกิดผลสำเร็จในขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็น รมต.อุตสาหกรรม ซึ่งหัวใจสำคัญท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกวันนี้คือ การปฏิรูปอุตสาหกรรมไทยเพื่อเก็บเกี่ยวโอกาสที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของโลก สิ่งสำคัญที่ต้องทำ จะมีเรื่องการกำจัดขยะพิษ ส่งผลกระทบทำร้ายชีวิตพี่น้องประชาชนหลายพื้นที่ ซึ่งการเซ็นลงนามเป็นการเตือนตัวเองว่างานทุกอย่างจะทำเดี๋ยวนี้ ทำทันที ทำทุกวินาที และจะไม่ยอมจนกว่างานที่ตั้งใจไว้จะสำเร็จ” เอกนัฏ กล่าว

หลังมอบนโยบายก็ฟิตจัดเดินหน้าลุยงานเร่งแก้ไขปัญหามลพิษ โดยเฉพาะปัญหาการลักลอบทิ้งกากของเสียอุตสาหกรรมและการจัดการกากพิษที่ไม่ถูกต้อง นำไปสู่การรั่วไหลแพร่กระจายของสารมลพิษปนเปื้อนในหลายพื้นที่ ก่อให้เกิดความเสียหายและส่งผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของประชาชน

เอกนัฏ ระบุว่า ได้สั่งการให้เร่งปฏิรูปอุตสาหกรรมด้านการจัดการกากสารพิษ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเดินหน้าแก้ไขกฎหมาย เพิ่มโทษ เพื่อให้เกิดความเกรงกลัวในการกระทำผิด ให้ผู้ลักลอบทิ้งเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น ส่งเสริมให้อุตสาหกรรมเติบโตอย่างยั่งยืน อีกทั้งให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการทำงาน อย่าได้เกรงกลัวต่ออิทธิพลหรือผู้มีอำนาจใดๆ พร้อมกันนี้ได้ชื่นชมภาคอุตสาหกรรมที่ให้ความร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรมในการแก้ไขปัญหาสารเคมีรั่วไหลและสถานการณ์ฉุกเฉิน ลดผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม

 “ผมจะต่อสู้กับปัญหาขยะพิษที่ทำร้ายชีวิตประชาชน ไม่อ่อนข้อให้ผลประโยชน์ ไม่เกรงกลัวต่ออิทธิพล เดินหน้า เร่งคืนนํ้าที่สะอาดและอากาศที่บริสุทธิ์ให้คนไทย” เอกนัฏ กล่าวย้ำ

คงได้แต่ลุ้นกันว่า หลังจากนี้ รมว.อุตสาหกรรมคนใหม่ เอกนัฏ จะปฏิรูปอุตสาหกรรม สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส อย่างไร โดยเฉพาะปัญหาการลักลอบทิ้งกากของเสียอุตสาหกรรมและการจัดการกากพิษที่ไม่ถูกต้อง นำไปสู่การรั่วไหลแพร่กระจายของสารมลพิษปนเปื้อนในหลายพื้นที่ ก่อให้เกิดความเสียหายและส่งผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของประชาชน ที่ค้างคากันมานานกี่ยุคกี่สมัยกี่รัฐมนตรีก็ยังแก้ไขไม่ได้ ทำได้เพียงหมกเอาไว้ คนใหม่มาปัญหาก็ปะทุขึ้นมาที วนเวียนกันอยู่อย่างนี้มาหลายทศวรรษแล้ว.

 

บุญช่วย ค้ายาดี

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เศรษฐกิจปี68เติบโตไม่ง่าย ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง

สำนักวิจัยหลากหลายสำนัก ฟันธงไปในทิศทางเดียวกันว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 นี้ยังต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน และการเติบโตที่เป็นไปได้มากที่สุดก็อยู่ระดับ 2.7-2.9% ซึ่งน้อยกว่าที่รัฐบาลมีการวางแผนเอาไว้ว่าจะผลักดันจีดีพีไทยปีนี้โตถึง 3%

ปี68สินเชื่อระบบแบงก์ไทยหืดจับ

ปี 2568 ยังเป็นอีกปีที่ต้องจับตากับทิศทางของเศรษฐกิจไทย เพราะยังมีปัจจัยหลายอย่าง ทั้งบวกและลบ ที่จะเข้ามามีผลกับภาคเศรษฐกิจ โดยเฉพาะสถานการณ์กดดันจากปัญหาหนี้ครัวเรือน

แผนดัน ‘เกษตรครบวงจร’

อุตสาหกรรมเกษตร เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศไทย และที่ผ่านมาเศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนไปได้ด้วยสินค้าเกษตร แต่ก็มีบางช่วงที่ติดขัดและไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ จากปัจจัยกระทบต่างๆ

เคาต์ดาวน์ปลอดภัยส่งท้ายปี

เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข เป็นวาระแห่งการเริ่มต้นใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยพลังและความหวัง โดยในปีนี้สถานที่จัดงาน Countdown ทั่วประเทศไทยหลายหน่วยงานได้เตรียมกิจกรรมไว้ให้ทุกคนได้ร่วมสนุกและสัมผัสความงดงาม

แชร์มุมมอง‘อินฟลูเอนเซอร์’ในตลาดอาเซียน

การตลาดอินฟลูเอนเซอร์ถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มายาวนาน แต่กลยุทธ์การทำการตลาดของแต่ละแบรนด์นั้นล้วนแตกต่างกันไป ล่าสุด วีโร่ ได้เปิดตัวเอกสารไวต์เปเปอร์ฉบับใหม่ในหัวข้อ “ผลกระทบ

ของขวัญรัฐบาล

อีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ก็จะเข้าสู่ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แล้ว ก็เป็นธรรมเนียมของรัฐบาลและ ครม.ที่จะมีมาตรการเป็นของขวัญมอบให้กับประชาชน ซึ่งการประชุม ครม.ล่าสุดเริ่มมีการเคาะมาตรการต่างๆ ออกมาช่วยเหลือประชาชนกันแล้ว