เข้าสู่สัปดาห์ของการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของ รัฐบาลมาดามแพ กำหนดไว้ระหว่างวันที่ 12-13 กันยายน มีนโยบายเร่งด่วนทั้งหมด 10 ประการ แต่ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษคือ นโยบายที่ 4 รัฐบาลจะสร้างรายได้ใหม่ของรัฐด้วยการนำเศรษฐกิจนอกระบบภาษี หรือ Informal Economy และเศรษฐกิจใต้ดิน Underground Economy เข้าสู่ระบบภาษี ที่คาดว่าจะมีมูลค่าสูงกว่าร้อยละ 50 ของ GDP เพื่อนำไปจัดสรรสวัสดิการด้านการศึกษา สาธารณสุข และสาธารณูปโภค รวมทั้งอุดหนุนค่าใช้จ่ายขั้นพื้นฐานของประชาชน ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ทันสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
นโยบายที่ 5 รัฐบาลจะเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ควบคู่กับการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพโดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรก
และผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) ซึ่งจะเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล และพัฒนาศูนย์ข้อมูลภาครัฐที่มุ่งการพัฒนานโยบายที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน พร้อมเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชน และการประกอบอาชีพ
นโยบายที่ 7 รัฐบาลจะเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว ด้วยการสานต่อความสำเร็จในการปรับโครงสร้างการตรวจลงตราทั้งหมดของประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ขอวีซ่า เช่น กลุ่มผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ และกลุ่มชาวต่างชาติที่ทำงานทางไกล หรือ Digital Nomad ซึ่งสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวถึง 1.892 ล้านล้านบาท ในปี 2566 โดยส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-made Destinations) เช่น สวนน้ำ สวนสนุก ศูนย์การค้า สถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) นำคอนเสิร์ต เทศกาล และการแข่งขันกีฬาระดับโลกมาจัดในประเทศไทย รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยว เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและเม็ดเงินมหาศาลที่จะกระจายลงสู่ผู้ประกอบการภายในประเทศได้อย่างรวดเร็ว
ก็สรุปได้ว่า มีความละม้ายคล้ายคลึงกับ วิสัยทัศน์ของ ทักษิณ ชินวัตร ในเวที Vision for Thailand 2024 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมา หลักใหญ่ใจความคือการเดินหน้านโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่เคยทำให้รัฐบาลเศรษฐาเข้าสู่ทางตัน การยืนยันเดินหน้านโยบายนี้ หากไม่ปรับหลักเกณฑ์เป็นการช่วยเฉพาะกลุ่ม สุดท้ายอาจเป็นระเบิดเวลา ที่จะทำให้รัฐบาลมาดามแพพ้นจากอำนาจ ทั้งจากสาเหตุความโปร่งใสในโครงการ รวมทั้งความเสียหายทางการเงินการคลังที่จะเกิดขึ้่นตามมา
ดูเหมือนว่ารัฐบาลมาดามแพจะชดเชยด้วยการดึงเงินจากเศรษฐกิจนอกระบบเข้าสู่ระบบ ซึ่งเป็นวิธีคิดเดียวกันกับที่รัฐบาลทักษิณเคยใช้ในอดีต คือนโยบายหวยบนดิน (หวย 2 ตัว 3 ตัว) ต่อมามีการรัฐประหารปี 2549 ก็ได้ยกเลิกการจำหน่ายหวยบนดิน และได้ให้คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ที่ตั้งโดยคณะรัฐประหารเข้ามาตรวจสอบโครงการดังกล่าว ก่อนจะส่งต่อให้ ป.ป.ช.ดำเนินการ
และเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.2562 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษาจำคุก 2 ปี นายทักษิณ ในคดีดังกล่าว เนื่องจากสร้างความเสียหาย ไม่คำนึงถึงวัตถุประสงค์การออกสลาก เป็นไปลักษณะเดียวกับหวยใต้ดิน เป็นการมอมเมาประชาชน
เมื่อวันนี้ระบอบทักษิณจะกลับไปใช้นโยบายเดิม ความเสี่ยงทางการเมืองจึงเกิดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ บวกกับการแต่งตั้ง ภูมิธรรม เวชยชัย ไปเป็นรัฐมนตีกลาโหม ก็ถูกมองว่าเป็นการยั่วยุกองทัพ เพราะอดีตของภูมิธรรม หรือ สหายใหญ่ เคยหนีเข้าป่าอยู่ใต้ชายคาพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ต่อสู้กับกองทัพล้มตายกันไปจำนวนมากมาก่อน
รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) มองเรื่องนี้ว่า การทำเช่นนี้เป็นการแสดงความไม่สนใจว่ากองทัพหรือทหารจะรู้สึกอย่างไร หรือจะเรียกว่าเป็นการหยามกองทัพก็คงไม่ผิด ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม
"การส่งคุณภูมิธรรมไปนั่งเป็นผู้บังคับบัญชาของกองทัพทั้ง 3 เหล่า เหมือนกับเป็นการบอกว่า อำนาจอยู่ที่ฉัน ฉันจะเลือกใครเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็ได้ ไม่มีใครหยุดฉันได้ ดังนั้นจะไม่ให้มีทหารคนใดเลยมีความรู้สึกไม่ดีต่อเรื่องนี้คงเป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยก็มีความรู้สึกไม่สนิทใจที่จะทำงานภายใต้การบังคับบัญชาของคนคนนี้
ลองดูกันต่อไปว่า การส่งคุณภูมิธรรมไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไรบ้าง หวังว่าจะไม่เป็นตัวเร่งให้เกิดการทำรัฐประหารในอนาคตอันใกล้อย่างที่หลายคนกลัวกัน หรือบางคนเรียกร้องกัน เพราะการปัดกวาดบ้านเมืองให้สะอาด ไม่ควรจะต้องใช้การรัฐประหารเป็นเครื่องมือ แต่ควรเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ชนิดที่ผู้ถูกปัดกวาดแทบไม่รู้ตัวเลยทีเดียว"
วันนี้รัฐบาลมาดามแพกำลังทำในสิ่งที่รัฐบาลทักษิณเคยทำมาก่อน และเกิดปัญหาขึ้น การรัฐประหารจะเกิดขึ้นหรือไม่ยังไม่มีใครทราบได้ แต่อย่างน้อยนักการเมืองควรมีบทเรียน รัฐบาลคอร์รัปชัน บริหารประเทศผิดพลาด ล้วนเป็นเหตุให้เกิดการรัฐประหารแทบทั้งสิ้น.
นายชื่น ประชา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
"นายหัวชวน" ออกโรงตวัดใบมีดโกนกรีดปาก "นายใหญ่" เจ้าของตำแหน่ง สทร. "คุณทักษิณบอกว่าเขาคือนักการเมืองรุ่นใหม่ แต่ผมเป็นนักการเมืองรุ่นเก่าที่ไม่โกง ไม่ซื้อเสียง
บันทึกหน้า 4
ต้องยกนิ้วให้ “โทนี่ วู้ดซัม” เสียจริงๆ เพราะขยับปากแต่ละทีนอกจากสร้างความฮือฮาให้สังคมแล้ว ยัง สร้างภาระให้กับลูกสาวอย่าง “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีอีกด้วย โดยล่าสุดก็ในการไปหาเสียงให้ “สลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช” ศรีภรรยา “ยงยุทธ ติยะไพรัช” ที่จะลงชิงเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ อบจ.เชียงราย เมื่อวันที่ 5 ม.ค.นั่นแล ...๐
บันทึกหน้า 4
เมื่อวันอังคารมีการประชุม ครม.ครั้งแรกในปี 2568 หลังจากผ่านวันหยุดยาวช่วงปีใหม่ 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องมาแก้ตัวแทน พ่อนายกฯ นายทักษิณ ชินวัตร
บันทึกหน้า 4
” นึกว่าจะอยู่ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง อบจ.เชียงราย แต่ที่ไหนได้ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับมาในฐานะเป็นเจ้าของรัฐบาล โชว์บทบาทกำหนดทิศทางการทำงานของประเทศ การปรับ ครม. แถมยังด่ากราดคนเห็นต่างในหลายประเด็น
บันทึกหน้า 4
เปิดบันทึกด้วยความตะลึงตึงตึงกับตำแหน่ง "ที่สุด" อีกครั้งของนายกฯ หญิงอายุน้อยที่สุด แพทองธาร ชินวัตร เพราะมีทรัพย์สินอยู่ถึง 13,846 ล้านบาท และตัวเลขที่ออกนี้ วิเคราะห์วิจารณ์กันยกใหญ่ว่า อาจจะเป็นนายกฯ ที่มั่งคั่งที่สุดในโลกนะเออ!! ...0
บันทึกหน้า 4
หลังกลับเข้าสู่โหมดการทำงาน-การใช้ชีวิตประจำวันแบบปกติ ตามปฏิทินประจำปี 2568 กันแล้ว ตลอดปี 2568 ที่เป็นปีมะเส็ง นักวิเคราะห์การเมืองหลายสำนักก็ยังมองว่า การเมืองไทยปีหน้า ก็ยังมีหลายเรื่องให้น่าติดตาม เช่น การเลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัดทั่วประเทศ ในวันที่ 1 ก.พ.2568