ปัญหา...ไม่ได้อยู่ที่มีดโกนคม-ไม่คม!!!

คุณพี่ ชวน หลีกภัย คนจังหวัด ซรัง (ตรัง) บ้านเดียวกับ อันตัวข้าพเจ้าเอง แม้ว่าอายุ-อานามจะปาเข้าไป 80 กว่าๆ ใกล้จะ 90 อีกไม่ใกล้-ไม่ไกล แถมเส้นเลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจยังไม่ถึงกับแข็งแรงอีกต่างหาก แต่ก็คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยว่า มีดโกน ของคุณพี่ท่าน ยังคง คมกริบ วาววาม ระดับสามารถผ่าขน ผ่าเส้นยาแดง ออกเป็นแปดส่วน สิบส่วน ได้สบายๆ...

ดูง่ายๆ...จากการ ออกอาวุธโต้ ใครก็ไม่รู้? ที่ไปเปรียบเทียบ เปรียบเปรย ว่าท่านคล้ายๆ ไม้แก่ดัดยาก อะไรประมาณนั้น เลยมีอันต้องเจอกับการ ตวัดมีดโกน ว่าถึงแม้จะแก่ จะดัดยาก แต่ก็เป็น ไม้ตรง ไม่ใช่ ไม้โก่ง หรือ ไม้โกง ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาดัด แบบบรรดาพวกไม้ที่ต้องติดคุก ติดตะราง ต้องอาศัย ช่องทาง

ธรรมชาติ หนีไปเป็นสัมภเวสีชนิดสุดขอบโลก ขอบฟ้า ทำนองนั้น อันนี้นี่แหละ...ที่พอถือเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่า มีดโกน ของคุณพี่ ชวน ไม่ได้บิ่น ไม่ได้ทื่อ ไม่ได้ขึ้นสนิม ยังสามารถผ่า สามารถกรีด อะไรต่อมิอะไรก็ย่อมได้ ไม่ว่าจะแบบชนิดสะพายแล่ง หรือแบบเฉือน แบบหั่น ออกไปเป็นชิ้นๆ...

แต่ก็อย่างที่ว่าเอาไว้แล้วนั่นแหละว่า...โดยสภาพการณ์ สภาพแวดล้อม ของยุคนี้-สมัยนี้ มันได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมระดับ หน้ามือ-เป็น-หลังตีน เหมือนอย่างที่อภิมหาการ์ตูนนิสต์ มือวางอันดับหนึ่ง คุณพี่ บัญชา คามิน ท่านได้เขียนการ์ตูนในหนังสือพิมพ์ ผู้จัดการ ประมาณว่า เหตุที่ช่วงหลังๆ มีดโกน ของพี่ชวน กรีดใครต่อใครแทบไม่เข้า ไม่ใช่เพราะมีดไม่คม แต่เป็นเพราะใบหน้าของผู้ที่ถูกกรีด มันเกิดการพัฒนาการ วิวัฒนาการ จนทั้งแข็ง ทั้งหนา ซะยิ่งกว่าหนังแรด หนังตะกวด ฯลฯ ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า หรือเพราะสภาพการณ์ สภาพแวดล้อม ของยุคนี้-สมัยนี้ มันผิดแผกแตกต่างไปจากเดิมไม่ว่าในแง่ของ หิริ-โอตตัปปะ หรือความละอายต่อบาป ในแง่ กาละ-เทศะ หรือความรับรู้โดยสัญชาตญาณถึงความเหมาะ-ไม่เหมาะ ควร-ไม่ควร ไปจนแม้แต่ ความดี-ความชั่ว ก็ยังถูกตีความ แปลความ ให้ผิดเพี้ยนไปคนละเรื่อง-ละม้วน ฯลฯ ภายในแค่ช่วงชีวิตของคนรุ่นเดียวเท่านั้นเอง...

และก็คงไม่ใช่แต่เฉพาะ สังคมไทย เท่านั้น...แต่ไปไกลถึงระดับ สังคมโลก เอาเลยก็ว่าได้ บรรดาผู้มีอำนาจ ผู้ปกครองในแต่ละชาติ แต่ละประเทศ เลยมักมีลักษณะอาการแบบที่ พระฤาษี ไวยสัมปายนะ ได้บรรยายไว้ถึงห้วงระยะเวลาที่เรียกขานกันในนาม กลียุค ให้เจ้าชาย ยุธิษฐิระ ได้มีโอกาสรับทราบ รับฟัง นั่นแล คือ... “แม้แต่ปวงกษัตริย์ในโลก ที่หัวใจเต็มไปด้วยบาป ปราศจากความรู้ความเข้าใจใดๆ แต่กลับคุยโว โอ้อวดภูมิปัญญาของตนเอง จะกลายมาเป็นผู้ครอบครองโลกทั้งโลก เป็นผู้ซึ่งพร้อมจะท้าทาย เอาชนะ มุ่งครอบครองผลประโยชน์ของอีกฝ่ายโดยไม่มีที่สิ้นสุด พวกเขาจะเต็มไปด้วยความโลภ อวดดี เย่อหยิ่ง จองหอง และความไร้สาระ ปราศจากความมุ่งมั่นที่จะปกป้องผู้อื่น แต่กลับพึงพอใจที่จะเห็นผู้คนตกอยู่ในทัณฑ์ทรมาน พร้อมที่จะโจมตีคนดีและคนสัตย์ซื่อ โดยปราศจากความเมตตาสงสารใดๆ แม้แต่น้อย ฯลฯ...”

นี่...ด้วยลักษณะอาการทำนองนี้นี่เอง ที่ทำให้ไม่ใช่แค่ มีดโกน ด้ามหนึ่ง-ด้ามใด กระทั่งมีดทุกๆ ด้าม ทั้งเลื่อย ทั้งขวาน หรือจะไประดมเอารถแทรกเตอร์ รถไถ ฯลฯ ของผู้คนมาแทบทั่วทั้งโลกก็ตาม แต่ก็ยังมิอาจทำให้ผู้นำบางประเทศอย่างเช่น ผู้นำอิสราเอล เกิดความรู้สึกเมตตา สงสาร ต่อเด็ก ผู้หญิง คนชรา ที่ถูกเข่น ถูกฆ่า ตายไปถึง 4 หมื่น 5 หมื่นรายในเขตฉนวนกาซาได้เลย แถมผู้มีอำนาจบางรายในประเทศนี้ ยังถึงกับคิดจะปล่อยให้ผู้คนประมาณ 2 ล้านคน ต้อง อดตาย เพื่อใช้เป็นข้อต่อรองในการบีบบังคับให้ปล่อยตัวประกันอีกต่างหาก ด้วยเหตุนี้...โอกาสที่ผู้ที่มีอำนาจ หรือหวังจะมีอำนาจในบ้านเรา จะเกิดความเจ็บ ความปวด เพราะโดน มีดโกน พี่ชวนกรีด จึงแทบเป็นไปไม่ได้เอาเลย โอกาสที่จะฟื้นฟู อุดมการณ์พรรคประชาธิปัตย์ หรืออุดมการณ์ใดๆ ก็แล้วแต่ เลยน่าจะ ลำบาก เอามากๆ...

แต่ก็นั่นแหละ...ถ้ามองกันในแนวของปรัชญา หรือศาสนา ความเป็นไปในทำนองนี้ มันก็คือความปกติ ธรรมดา ของ วงรอบแห่งกาลเวลา นั่นเอง ที่มันย่อมต้องมีการหมุนขึ้นหมุนลงไปในแต่ละยุค แต่ละสมัย มีมืด-มีสว่างเหมือนดั่งกลางวันกลางคืนที่เราสามารถพบเห็นกันเป็นประจำ จนพอสรุปถึงแนวโน้มความเป็นไปในลักษณะดังกล่าวได้ไม่ยาก ว่ายิ่งมืดยิ่งขึ้นไปเท่าไหร่ ก็หมายถึงน่าจะใกล้สว่างยิ่งขึ้นไปเท่านั้น หรือแรงเหวี่ยงที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างต้องจมดิ่งลงไป เอาเข้าจริงๆ แล้ว ก็คือสิ่งที่ก่อให้เกิดแรงเหวี่ยงในด้านตรงกันข้ามอันจะก่อให้เกิดการหมุนขึ้นไปสู่ความเจริญ งอกงาม อย่างมิอาจผันแปรไปเป็นอื่น เพียงแต่ว่าจะเมื่อไหร่? ตอนไหน? อันนั้น...อาจต้องไป เกิดใหม่ อีกที จนกว่าจะเบื่อ จะหน่าย กันไปข้าง ไม่งั้น...ก็อาจต้องหันมา ปล่อยวาง เพื่อไม่ให้ต้องเกิด ต้องตาย ให้หลุดพ้นไปจาก วัฏสงสาร ชนิดไม่ต้องมีมีด มีกระบี่ หรือมีเราอีกต่อไป อันนั้นนั่นแหละ...ถึงจะเรียกว่าถึงขั้น กระบี่อยู่ที่ใจ กันจริงๆ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม จะทำให้ส้มชนะ

หลายคนเป็นห่วงประเทศไทยและตั้งคำถามว่าประเทศไทยของเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร และหลายคนก็หวั่นไหวว่า ถ้าหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ เห็นทีเลือกตั้งคราวหน้าเราคงจะได้พรรคส้มเป็นรัฐบาลพรรคเดียว

'อินทรี ตร.' โดนปลด!

การแต่งตั้ง "สีกากี" แม้จะเข้าสู่เดือนกันยายน เดือนสุดท้ายตามปีงบประมาณที่จะมีผู้ครบเกษียณอายุราชการวันที่ 30 ก.ย. 2567 โดยเฉพาะระดับ "แม่ทัพ" บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล

ระยะอุบัติเหตุ-เรื่องร้ายใหญ่รอบนี้

ตามที่ได้ทำนายไว้ในไทยโพสต์และหลายสื่อตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว รวมทั้งล่าสุดในรายการคนดังนั่งเคลียร์ ดำเนินรายการโดย ดร.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์

ฤๅประเทศไทยจะไร้ทางเลือก

เวรกรรมอะไรของประเทศไทย นักการเมืองไดโนเสาร์บางคนยังคงทำงานการเมืองแบบน้ำเน่า แย่งกันเป็นรัฐมนตรีโดยไม่สนใจความรู้ความสามารถของตน

โลกกับบ้านเรา...ใคร 'เละ' กว่าใคร???

มันก็น่าคิด น่าสะกิดใจ อยู่ตามสมควรเหมือนกัน...ที่เมื่อไหร่ที่ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา เกิดมีผู้นำประเทศมีนายกรัฐมนตรีเป็น ผู้หญิง

สัญญาใจเก้าอี้ ผบ.ทร.

มีข้อสงสัย มีข้อถกเถียง ว่าเก้าอี้ "ประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ" หรือ "ประธาน ก.ตร." นั้น นายกฯ อิ๊งค์-แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี