ฤๅประเทศไทยจะไร้ทางเลือก

เวรกรรมอะไรของประเทศไทย นักการเมืองไดโนเสาร์บางคนยังคงทำงานการเมืองแบบน้ำเน่า แย่งกันเป็นรัฐมนตรีโดยไม่สนใจความรู้ความสามารถของตน กระทรวงไหนก็ได้ขอให้ได้เป็น ทั้งๆ ที่ไม่มีความรู้ความสามารถพอที่จะกำกับการทำงานของกระทรวงได้ บางคนนอกจากจะไม่มีความรู้ความสามารถพอแล้ว ยังตั้งใจเข้าไปเป็นเจ้ากระทรวงเพื่อหาโอกาสในการโกงกินกอบโกยผลประโยชน์ กัดกร่อนงบประมาณของประเทศ พอไม่พอใจกัน มีความขัดแย้งกัน ก็ออกมาสาวไส้กันเองแบบไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ที่ฟังแล้วสรุปได้ว่าศีลเสมอกัน คือเลวเหมือนกัน

ในวันที่มีการจัดตั้งรัฐบาลแบบข้ามขั้ว มีการคืนดีกันระหว่างพรรคต่างๆ ที่เคยเป็นอริกัน เป็นไม้เบื่อไม่เมากันแบบผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ เขาอ้างว่าเป็นการลด 

ความขัดแย้ง เป็นการทำเพื่อประเทศชาติกลับเข้าสู่ภาวะของความปรองดอง แต่แท้ที่จริงแล้วพวกเขาก็ทำเพื่อประโยชน์ของตน คือ จะต้องเป็นรัฐบาลให้ได้ จะต้องมีตำแหน่งรัฐมนตรี ใช้วาทกรรมว่า “ทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน” เป็นข้อความเท่ๆ ที่ทำให้คนพูดดูดี แต่แท้ที่จริงข้อความว่า “ทำเพื่อประโยชน์สำหรับตนกู ตัวกู” น่าจะเป็นข้อความที่เป็นจริงมากกว่า คนที่เบื่อความขัดแย้ง อยากเห็นความปรองดอง ก็ทำใจยอมรับการร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคการเมืองคนละขั้ว เวลานั้นด้อมของแต่ละฝ่ายไม่พอใจการรวมตัวกันครั้งนี้ มองว่าพรรคการเมืองที่เขารักทรยศเขา ตระบัดสัตย์ ในขณะที่พรรคที่กลับมาคืนดีกันพูดเท่ๆ ว่าตอนนี้เก็บอุดมการณ์ไว้ก่อนเพื่อชาติ ฟังดูดี แต่มันก็ดูปลอมนะ เพราะน่าจะรวมกันเพื่อตำแหน่งมากกว่า

พฤติกรรมของนักการเมืองไดโนเสาร์ที่เล่นการเมืองแบบน้ำเน่าแบบนี้ ประชาชนจำนวนหนึ่งเริ่มออกมาพูดกันแล้วว่า ถ้าหากสถานการณ์ของรัฐบาลที่รวมตัวกันอยู่ในเวลานี้เป็นเช่นนี้ พวกเขาอาจจะหันไปเลือกพรรคส้ม หรืออาจจะ vote no แต่พอมาคิดดูอีกที ไม่ว่าจะ vote เลือกพรรคส้ม หรือ vote no ก็จะเป็นประโยชน์กับพรรคส้ม นั่นคือทำให้พรรคส้มชนะ ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นก็จะเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะหัวหน้าพรรคส้มคนใหม่เขาพูดแล้วว่าเขาจะไม่ลดละเรื่องการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 เขาจะถอดบทเรียนจากการที่พรรคถูกยุบในครั้งนี้ แล้วเคลื่อนไหวในการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 ให้มีความรอบคอบมากขึ้น ฟังหัวหน้าพรรคคนใหม่พูดแบบนี้ สลิ่มก็ต้องวิตกกังวลอย่างแน่นอน แล้วจะทำอย่างไร ซีกหนึ่งของนักการเมืองไดโนเสาร์ที่ทำงานการเมืองแบบน้ำเน่า อีกซีกหนึ่งก็ทำงานการเมืองเพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์

แล้วเราจะโทษใครที่ประเทศไทยเป็นเช่นนี้ นักการเมือง? หรือนักวิชาการ? หรือสื่อมวลชน? หรือมือคีย์บอร์ด? หรือประชาชนที่เห็นแก่ได้? หรือจะบอกว่าก็ด้วยกันทั้งนั้น นักการเมืองบางคนก็คิดชั่วทำชั่ว กอบโกยผลประโยชน์ นักวิชาการบางคนก็ขายวิญญาณรับใช้นักการเมืองเลว สื่อมวลชนบางรายก็รับผลประโยชน์จากนักการเมืองชั่วอย่างไรจรรยาบรรณ ประชาชนบางพวกก็เลือกผู้แทนด้วยความเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัว อยากได้ผลประโยชน์จากโครงการประชานิยม คิดแต่ว่าตัวเองจะได้อะไร แต่ไม่เคยพิจารณาว่าพรรคการเมืองที่เอาผลประโยชน์มาให้นั้นเลวหรือชั่วอย่างไร และไม่เคยคิดว่าโครงการประชานิยมที่ตัวเองจะได้ประโยชน์นั้น จะสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติอย่างไร ถ้าหากหลายๆ ฝ่ายเป็นกันแบบนี้ ผลการเลือกตั้งก็จะทำให้เราได้รัฐบาลที่โกงกิน ประเทศชาติก็จะต้องเผชิญกับความเสียหายไปเรื่อยๆ

พรรคอนุรักษนิยมที่เคยทำสิ่งดีที่มีประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน สามารถทำให้ประชาชน (ส่วนน้อย) ชื่นชอบ ในเวลานี้ก็กำลังสร้างความผิดหวังให้สลิ่ม เพราะพวกเขามีการกระทำหลายอย่างที่สนับสนุนคนเลว พวกเขาไม่มีความกล้าหาญพอที่จะทัดทานการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสมของพรรคที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ด้วยการอ้างว่าเป็นมารยาทของการเป็นพรรคร่วมที่จะต้องทำงานด้วยกัน สนับสนุนกัน ช่างเป็นคนมีมารยาทดีเสียเหลือเกิน

หลายคนมองว่าจะบ่นไปทำไม สถานการณ์บ้านเมืองในเวลานี้มันต้องเป็นแบบนี้ ถ้าหากจะไม่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แล้วจะเอาพรรคส้มมาเป็นรัฐบาลกระนั้นหรือ

มันก็คงไม่ใช่เช่นนั้น อย่างไรเสียตอนนี้มันก็คงเป็นอย่างที่ว่า คือถ้าหากพรรคอนุรักษนิยม ถ้าอยากทำงานก็ต้องรวมกับพรรคเพื่อไทย ดีกว่าให้แดงกับส้มรวมกัน แต่ที่บ่นนั้นไม่ได้หมายความว่านิยมส้มจนต้องการล้มแดง แต่มันทำให้เรารู้สึกว่าเราอยู่ในสภาพที่ไม่มีทางเลือกดีๆ ตามที่เราต้องการ ดังนั้นที่บ่นอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อให้ประชาชนมองเห็นบทเรียนจากการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมา อยากให้พิจารณากันให้ดีกว่านี้ และอยากให้ช่วยกันให้โอกาสพรรคอนุรักษนิยมที่เคยสร้างผลงานดีๆ ให้แก่ประเทศชาติ จะได้ไม่ลงคะแนนเลือก สส.อย่างที่ผ่านมา จนทำให้พวกเราตกอยู่ในสภาพไร้ทางเลือก ต้องตกอยู่ในสภาพจำยอมด้วยความขมขื่น

ถ้าพวกเราที่มีช่องทางในการสื่อสาร หรือเป็น KOL (Key Opinion Leader) หรือเป็น Digital Influencer ช่วยกันสื่อสารกับประชาชนให้พวกเขาได้บทเรียนบ้าง เลือกตั้งคราวหน้าเราก็พอจะมีความหวังในการจะช่วยให้ประเทศไทยไม่ให้ถูกทำลายจนกลายเป็นรัฐล้มเหลว (Failed state) ที่จะมีชาติอื่นที่ต้องการผลประโยชน์จากประเทศของเรา ต้องการยึดครองทรัพยากรของเรามาแสดงบทบาทเป็น Deep state คือผู้ที่เข้ามาครอบงำรัฐบาลของเราให้ทำตามที่เขาต้องการ เวลานี้เราก็พอจะมองเห็นเค้าลางแล้วว่ามีบางประเทศอยากให้ประเทศไทยเราเป็น Failed state เพื่อที่พวกเขาจะได้เข้ามาเป็น Deep state บงการประเทศเราแล้ว และดูเหมือนจะมีพรรคการเมืองบางพรรคที่ทำตัวเป็นแนวร่วมของต่างชาติที่จะเปิดโอกาสให้ต่างชาติยึดครองอธิปไตยของประเทศไทยด้วยยุทธศาสตร์ทางการเมืองและเศรษฐกิจ โดยไม่ต้องใช้อาวุธในการทำสงคราม

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากต้องการให้ประชาชนเปลี่ยนพฤติกรรมในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง เพื่อให้คนไทยยังพอมีทางเลือกว่าจะให้นักการเมืองพรรคใดมาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ พรรคอนุรักษนิยมก็ต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหลายๆ อย่างที่จะทำให้สลิ่มสบายใจกว่านี้ เพราะเวลานี้พฤติกรรมบางอย่างของพรรคอนุรักษนิยมกำลังทำให้สลิ่มที่เป็น FC ของพรรคผิดหวัง เพราะหลายเรื่องขาดความกล้าหาญทางจริยธรรม ไม่กล้าทักท้วงการกระทำที่ไม่เหมาะสมของพรรคที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยอ้างการมีมารยาทของการเป็นพรรคร่วม ที่ทำให้สลิ่มมองว่าเป็นการห่วงตำแหน่ง หวงเก้าอี้ กลัวจะถูกถอดออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ยิ่งตอนนี้พรรคเพื่อไทยได้เชือดไก่ให้ลิงดู ด้วยการเขี่ยพรรคพลังประชารัฐออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว อาจจะทำให้พรรคร่วมอื่นๆ ระวังตัวมากขึ้นที่จะไม่ทำอะไรขัดใจนายใหญ่ของพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

ถ้าหากพรรคหนึ่งมี DNA ของการโกง อีกพรรคหนึ่งมี DNA ของการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ และพรรคอีกกลุ่มหนึ่งขาดความกล้าหาญทางจริยธรรม เพราะอยากร่วมรัฐบาล ประเทศไทยคงหนีไม่พ้นการเป็น Failed state และคนไทยผู้รักชาติก็จะต้องอยู่ในสภาพไร้ทางเลือกต่อไปอีก เศร้าใจกันต่อไป เครียดกันต่อไป ท้อแท้กันต่อไป จนไม่ช่วยกันแก้ไข แบบนี้แย่นะคะ อย่าไปไกลจนสลิ่มถอดใจไปให้ส้มนะคะ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หมดปัญญา...เทวดาต้องรอด

เวลานี้ มีคนบางคนทำผิดกฎหมาย ไม่ให้ค่ารัฐธรรมนูญ บดขยี้กระบวนการยุติธรรมจนป่นปี้ แล้วปรากฏว่าเขาไม่มีความผิดใดๆ ไม่มีหน่วยงานใด ไม่มีกฎหมายมาตราใดจะเอาโทษเขาได้

ว่าด้วยความสำคัญของ 'จังหวะ' และ 'โอกาส'

อาทิตย์นี้...ก็ 22 ธันวา.เข้าไปแล้ว อีกแค่ไม่กี่วันก็ถึงช่วงจังหวะ คริสต์มาส ที่คงมีโอกาสได้ยิน ได้ฟัง บทเพลงอันสุดจะซาบซึ้ง ตรึงใจ ไม่ว่าประเภท จงกระเบน-จงกระเบน (Jingle Bells)

ตั้ง'นายพล'ไปต่อ

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ จำนวน 41 นาย ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา ที่เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี

นักการเมืองไม่ทำชั่ว...ไม่ต้องกลัวรัฐประหาร

นายกรัฐมนตรี 2 คนที่มาจากตระกูลชินวัตรต้องถูกยึดอำนาจจากการทำรัฐประหารในปี 2549 และ 2557 ทำให้นายใหญ่ของพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นหมายเลข 1 ของตระกูลชินวัตรมีความประหวั่นพรั่นพรึงการทำรัฐประหารของทหารเป็นอย่าง

'หิริ-โอตตัปปะ'คือวาระแห่งชาติ!!!

คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยว่า...ไอ้สิ่งที่เรียกว่า ความอาย หรือจะเรียกภาษาพระ ภาษาบาลี ประมาณว่า หิริ-โอตตัปปะ ก็คงพอได้ นับวันมันชักเป็นอะไรที่ ขาดแคลน