หลังจากได้รับเทียบเชิญจากพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ก็มีมติเข้าร่วมรัฐบาลไปเมื่อ 29 สิงหาคม 2567 ในแบบ ไม่มีมิตรแท้ หรือ ศัตรูถาวรทางการเมือง
ส่วนลีลาชีวิตพรรคพรรคประชาธิปัตย์นั้น โชคดีที่มีครูโหรผู้ล่วงลับ พลูหลวง ท่านให้ข้อมูลกำเนิดพรรคคือ เกิดศุกร์ที่ 5 เมษายน 2489 จากการประชุมของสมาชิก 50 คน ณ คฤหาสน์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เวลา ใกล้ค่ำ
เมื่อนำมาผูกเป็นดวงชะตาพรรคประชาธิปัตย์แล้วลัคนาสถิตราศีกันย์ ตามรูป
ด้วยมีดวงกำเนิดพรรคแล้ว จึง ไม่ต้องไปตรวจดูดวงชะตาคุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน ซ้ำ ส่วน โหรบางท่านอาจใช้ฤกษ์กำเนิดอื่น ก็ไม่ว่ากัน
พรรคประชาธิปัตย์อายุครบ 78 ย่างเข้า 79 ปี เป็นพรรคการเมืองที่อายุยืนยาวที่สุดในเมืองไทย ผ่านมาทั้ง ความรุ่งเรือง และ ร่อแร่รุ่งริ่ง แถม ฆ่าไม่ตาย เพราะถือกำเนิดขณะพระจันทร์เสวยฤกษ์กฤติกา ในกลุ่มโจโรฤกษ์ ขนาดผ่านการยุบมาแล้วสองครั้งโดยจอมพลถนอม กิตติขจร และจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
อีกทั้ง พระเกตุ (๙) ดาวอายุยืนตามหลักโหรกุมพุธ (๔) ดาวประจำชีพ-และกิจการงานของพรรคด้วย เลยตายแล้วฟื้น-ฟื้นแล้วฟุบ หมุนเวียนไปตามโลกธรรมแปด
เพียงแต่ดาวคู่นี้ไปกุมกันในดินแดนที่เสียคือราศีกุมภ์ ซึ่งเป็นภพอริ-ปัญหาอุปสรรค ถ้าอ่านในแง่ดีคือ เป็นนักสู้-แข่งขัน แต่ ด้านลบคือ มักจะสร้างปัญหา-หาเรื่องเดือดร้อนสร้างปัญหาอุปสรรคให้ตัวเอง
ราศีกันย์เป็นราศีหญิงสาวหรือนางงาม ผู้นำของพรรคที่ถูกโฉลกจึงออกแนวดูสุภาพเรียบร้อยมากกว่านักเลง จึงน่าเสียดายที่พรรคยังไม่มีหัวหน้าพรรคเป็นหญิง
ประกอบพระจันทร์ (๒) เป็นตัวแทนแม่ หรือการปกปักรักษาตามหลักโหร ลอยเด่นในราศีพฤษภ ได้มาตรฐานอุจจ์-สูง สัญลักษณ์ของพรรคจึงเป็นเพศหญิงคือ พระแม่ธรณีบีบมวยผม ฯลฯ
ทีนี้มาดูลีลาดาวจรที่ทำกับดวงชะตาระยะนี้
1.ด้านบวกมากกว่าลบ เป็นมาตั้งแต่ 1 มีนาคม 2566-14 กุมภาพันธ์ 2569 ที่ สู้กับปัญญหาอุปสรรคแล้วมีโอกาสได้โชคใหญ่ตามโฉลก…ได้ลาภใหญ่ก็ต้องใจอันสำราญ…(พระเสาร์จร 7 เดินในราศีภุมภ์ภพอริ)
โชคจากการต่อสู้นี้มาถึงทั้งพรรคเองและด้านงานด้วย และศัตรูคู่แข่งขันจะพ่ายแพ้ตามโฉลก..ดุจนั้นโฉลกเห็น โชคลาภจะพูลเพ็ญ และศัตรูจะปรา…(พระเสาร์จร 7 ทับพระพุธ ๔ ดาวประจำชีพและตัวแทนการงาน)
เกณฑ์นี้ท่านที่ลัคนาสถิตราศีกันย์ทั้งหลายก็ได้รับด้วย เฉกเช่นพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง แต่สุดท้ายก็ได้ร่วม
2.ด้านบวกเติมมา เริ่มมาตั้งแต่ 30 เมษายน 2567 และจะเป็นไปถึง 13 พฤษภาคม 2568 ที่จะ….ได้ฐานาลุลาภาอยู่นองเนือง..(พฤหัสบดีจร 5 เดินอยู่ในราศีพฤษภ ภพที่เก้าของดวงชะตา)
อีกทั้งมีโอกาสได้โชคใหญ่ ถ้าเป็นคนมีโอกาสได้แต่งงาน ศัตรูพ่ายแพ้…ตามโฉลก…ครุต้องศศิโชค จะลุโยคยุวภา ผิว์หญิงจะลุสา-มีเหมือนดุจปอง ปรปักษ์จะปรา ชยโชคจะสนอง…. (พฤหัสบดีจร 5 ทับพระจันทร์ดวงเดิม ๒)
สรุปจากเกณฑ์ 1 และ 2 รวมกันคือ หลังจากหลังเลือกตั้งลุ้นเป็นฝ่ายรอร่วม (รัฐบาล) มานาน ขันหมากจากพรรคเพื่อไทยส่งเทียบมาเชิญเข้าร่วมรัฐบาล เป็นไปตามตำราเป๊ะ
3.ด้านบวกแต่พ่วงด้านลบเพียบ เพราะเต็มไปด้วย ความอาเพศ คือ 7 ปี ระหว่างกลางกรกฎาคม 2565-กรกฎาคม 2572 ด้วยลางว่า ดาวอาเพศ-การปฏิวัติ-เปลี่ยนแปลงใหญ่ (มฤตยูจร 0) เข้าไปเดินใน ดินแดนความเชื่อ-ศาสนา-อุดมการณ์-อุดมคติ-ความฝันในห้วงสำนึก-ทางชีวิตของพรรค (มฤตยูจร 0 เดินในราศีพฤษภ-ภพที่เก้า-ศุภะ) ผลคือ
3.1 ด้านบวกหากใฝ่ฝันอะไรต้องตามหาและลงมือทำให้ได้ เช่น อยากเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องสู้และตามหา-ทำให้ได้ เหมือนที่ได้-เลือกทำไปแล้ว
3.2 ด้านลบเกิด ปัญหาอุปสรรค-ขัดแย้ง-ปะทะ เพราะมีเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ด้าน วิธีคิด-ความเชื่อ-อุดมการณ์ในพรรค และ เกิดแบบอาเพศชวนตกตะลึง (มฤตยูจร 0 ดาวภัยอาเพศ-ตัวแทนภพอริ เดินในราศีพฤษภทับพระจันทร์ดวงเดิม ๒-ตนุเศษ-วิธีคิด)
ถ้าเป็นคน ระยะเจ็ดปีนี้จะเปลี่ยนวิธีคิดรุนแรงมาก เช่น เปลี่ยนศาสนา ก็มี
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ก็ตัดสินร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยคู่แข่งเก่า
เกณฑ์ข้อสามนี้มุมของดาวจร คล้ายๆ สื่อล่อให้เกิดเหตุขัดแย้งความคิดช่วงเกิดกลุ่มสิบมกรา (คราวนั้นมฤตยูจร 0 เดินในราศีพิจิก ทำมุมเล็งราศีพฤษภ-ภพศุภะ คราวเจ็ดปีนี้มฤตยูจร 0 เดินในราศีพฤษภ มีผลเหมือนทับกันเพียงสลับฝ่าย) มาคราวนี้ก็เรื่อง ร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย
4.เทียบเชิญ-การร่วมรัฐบาลเกิดขึ้น ขณะพรรคเหมือนคนอกแตก-ร้าวภายในอยู่ก่อนแล้ว ที่เริ่มเป็นมาตั้งแต่ 18 ตุลาคม 2566 และจะเป็นไปถึง 5 พฤษภาคม 2568 (พระราหูจร 8 เล็งลัคนา-ดวงแตกหรือพินทุบาทว์)
ดวงแตก-ร้าวนี้มีโอกาสกระทบถึงผู้นำ-บุคคลระดับต่างๆ ในพรรคด้วย เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง วิวาทกันตามโฉลก..จะประทุษฐลาภา ศัตรูจะเมียงมาตร์ จะวิวาทวิวาทา จากบุตรภรรยา จะตะโกรงกะโทงกาย..(พระราหูจร 8 ทับพระอาทิตย์ดวงเดิม ๑)
ลีลาพรรคแตก-ร้าวข้อนี้แหละที่เป็นตัวตัดสินให้แตกหักระหว่างกลุ่มสิบมกราและพรรคประชาธิปัตย์ ในที่สุดกลุ่มสิบมกราก็แยกตัวออกไปสู้- ไปตะโกรงกะโทงกายนอกพรรค
คราวนี้เสียงส่วนใหญ่ในพรรคให้ร่วมรัฐบาล และเสียงส่วนน้อยแต่ล้วนเซียนการเมืองเป็นฝ่ายไม่ยอมไปร่วม
สำคัญที่พรรคเพื่อไทยและท่านนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร และเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ต้องระวัง คือ รอบสิบมกรา ส่งผลให้นายกรัฐมนตรีขณะนั้นคือ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ต้องยุบสภา เมื่อ 29เมษายน 2531 เพราะ ปัญหาในพรรคประชาธิปัตย์
หากเทียบปรากฏการณ์ดาวรอบนั้นกับรอบนี้ ให้จับตาปรากฏการณ์เปลี่ยนแปลงใหญ่ทางการเมืองที่จะเกิดรอบนี้ ด้วย ปัจจัยร่วม หรือ หลักจากพรรคประชาธิปัตย์ คือระหว่าง 5 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป ยาวนาน 18 เดือน
ครึ่งหนึ่งเป็นเรื่องของดวงดาว อีกครึ่งเป็นเรื่องของการกระทำ ถ้าใช้ฝีมือก็อาจพลิกผลลบเป็นบวกได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข้าอยากได้อะไร...ข้าต้องได้
เราคนไทยมักจะอ้างว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐ มีการบริหารกิจการต่างๆ ภายในประเทศตามหลักการของนิติธรรม แต่สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเวลานี้ หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐจริงหรือ
เมื่อ 'ธรรมชาติ' กำลังแก้แค้น-เอาคืน!!!
เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาของบ้านเรา...ท่านเคยคาดๆ ไว้ว่า ฤดูหนาว ปีนี้น่าจะมาถึงประมาณปลายสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคม
จ่ายเงินซื้อเก้าอี้!
ไม่รู้ว่าหมายถึง "กรมปทุมวัน" ยุคใด สมัยใคร จ่ายเงินซื้อเก้าอี้ ซื้อตำแหน่ง ในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ตามที่ "ทักษิณ ชินวัตร" สทร.แห่งพรรคเพื่อไทย ประกาศเสียงดังฟังชัดในระหว่างขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก
สส.ปชป. หวดรัฐบาลเร่งเบิกจ่ายงบลงทุน 2568 ฟื้นเศรษฐกิจ
นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ
ช่วงเค้าลางคดีสำคัญของนายกรัฐมนตรีก่อตัวในดวงเมือง
ขอพักการทำนายเค้าโครงชีวิตคนปี 2568 ไว้ชั่วคราว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคิวที่รออยู่คือท่านที่ลัคนาสถิตราศีตุล
ไม่สนใจใครจะต่อว่า เสียงนกเสียงกา...ข้าไม่สนใจ
ถ้าหากเราจะบอกว่านายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีเสียงตำหนิ มีการนำเอาการพูดและการกระทำที่ไม่ถูกไม่ต้อง ไม่เหมาะไม่ควร