
ต้องยกนิ้วให้ “โทนี่ วู้ดซัม” บิดาของนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 เสียจริงๆ เพราะในวันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม 2567 นี้ก็จะเป็นเวลาที่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ คนที่ 23 กลับไทยมาอย่างเท่ครบวาระ 1 ปีพอดิบพอดี ที่สำคัญในรอบ 1 ปีนี้เราจะเห็นความความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่พลิกคว่ำคะมำหงายกันเป็นแถบๆ โดยเฉพาะบรรดาคู่ต่อสู้อย่าง “ส้ม” ที่ทั้งถูกยุบพรรคและตัดสิทธิ...๐
หรือแม้แต่คนในคาถาของน้องสาว “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ก็ยังถูกเชือดนิ่มๆ กลายเป็นอดีตไปแล้ว เพราะ สุดท้าย “พี่แม้ว” ก็ยังยึดถือคติว่า “เลือดข้นกว่าน้ำ” อยู่นั่นแล “รัฐสมบัติ” ตามที่ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” แกนนำคณะก้าวหน้าบัญญัติไว้เลยต้องส่งต่อไปยังลูกสาวสุดสวาท คำถามคือ นี่ขนาดแค่ 1 ปีที่ “พ่อนายกฯ” เข้ามาในประเทศไทย แล้วอย่างนี้นับเนื่องไปอีกเท่าไหร่ที่การกัดเซาะบ่อนทำลายจะสิ้นสุดลง...๐
ดูง่ายๆ นอกจาก “ส้ม” ที่ต้องเปลี่ยนเข่งแล้ว บรรดาพรรคการเมืองทั้งหลายที่เคยเป็นคู่แค้นเก่าและใหม่ รวมถึงก้างตำคอทั้งหลายก็ถูกเด็ดปีกกันร่วงระนาว โดยยกเรื่องของ “อำนาจ” และ “เก้าอี้รัฐมนตรี” เข้าหลอกล่อ โดยเฉพาะในรัฐบาลแพทองธาร 1 อย่างน้อยก็ทำให้ 2 พรรคการเมืองถึงคราวแตกยับไม่มีชิ้นดี โดยหนึ่งนั้นก็เป็นก้างตำคอตำใจอย่าง “พลังประชารัฐ” ของลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะแน่ใจแล้วว่า “นายใหญ่” สั่งปิดสวิตช์ตระกูลวงษ์สุวรรณไม่ให้มีรายชื่อในรัฐบาล...๐
ส่วนอีกพรรคก็คือไม้เบื่อไม้เมามาอย่างช้านานอย่าง “ประชาธิปัตย์” เพราะสุดท้ายภายใต้บังเหียนการคุมพรรคของ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” และแม่บ้านพรรคอย่าง “เดชอิศม์ ขาวทอง” ก็ถูกตะล่อมกลายเป็นพรรคร่วมรัฐบาลจนได้ ซึ่งไม่น่าแปลกใจแต่ประการใด เพราะอาการมันออกมาตั้งแต่ตอนเริ่มตั้งรัฐบาลที่พาเหรดกลับจับมือถีบส้มแล้ว แต่เรียกว่ารอเวลาอันดีเท่านั้น “เฉลิมชัย” จึงจะเปิดตัว...๐
ส่วนพรรคไทยรักษาชาติที่เคยบอกว่าเป็นพรรคลุงตู่ และเป็นอีกแขนงหนึ่งของกลุ่ม กปปส.นั้น ก็ต้องบอกว่ากลายเป็นอดีตให้กำนันเทือก “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ได้แต่ต้องเจ็บช้ำทรวงในไปนั่นแล เพราะสุดท้ายแล้วเก้าอี้เสนาบดีก็เย้ายวนใจใช่ย่อย จึงไม่แปลกที่ “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” ก็ปรับลุกส์จากเลขาฯ กปปส.และเลขาส่วนตัวกำนัน มาเป็นรัฐมนตรีในระบอบทักษิณที่ปิดถนนชัตดาวน์กรุงเทพฯ อีกราย งานนี้ก็ไม่รู้บรรดาแฟนานุแฟนทั้ง “ปชป.-กปปส.” จะรู้สึกรู้สาอย่างไรบ้าง...๐
ก็ต้องบอกว่าเป็น “อมตวาจา” เสียจริงๆ ของ “บรรหาร ศิลปอาชา” อดีตนายกฯ คนที่ 21 เคยบอกไว้ว่าเป็นฝ่ายค้านอดอยากปากแห้ง เราเลยได้เห็นแต่ละพรรคแต่ละฝ่ายที่เคย “ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ” จะมาจับมือจับไม้เสวยสุขเค้กอำนาจและเงินงบประมาณกันเหมือนรัฐบาลจับฉ่ายในยุคนี้...๐
แล้วที่ช้ำชอกเข้าไปอีก เมื่อเห็น การอวดโอ่บารมีของ “ทักษิณ” ตั้งแต่การใส่ชุดขาวพาลูกรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ จนมาถึงการไปโผล่ที่ตึกชินวัตร 3 ในการหารือของ “อุ๊งอิ๊ง” แล้วออกมาให้สัมภาษณ์ทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ เพราะเล่นเอา “รังสิมันต์ โรม” สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชนถึงกับตั้งข้อสังเกตว่า “เห็นได้ว่านายทักษิณตอบคำถามผู้สื่อข่าวราวกับว่าเป็นนายกฯ เสียเอง ทำให้ไม่มั่นใจว่าใครเป็นนายกฯ ตัวจริงกันแน่ ก่อนหน้านี้ ในยุคของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ เรามีนายกฯ สองคนแย่งกันส่องแสง แต่วันนี้นายกฯ เหลือคนเดียว แต่ใช่ที่พรรคร่วมรัฐบาลลงมติหรือไม่” แหม! งานนี้ไม่มีใครกล้าตอบคำถามของทั่นผู้ทรงเกียรติเลย...๐
พูดถึงพรรคประชาชนแล้วก็ต้องเอ่ยถึงกรณี “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” ที่ส่งหนังสือบี้คณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการให้สัมภาษณ์ของนายทะเบียนพรรคการเมืองอย่าง “แสวง บุญมี” เลขาธิการ กกต.ว่าด้วยการรับประกันความถูกต้องของพรรค ปชช.ที่เปลี่ยนรูปมาจากพรรคถิ่นกาขาวชาววิไลไม่ได้ เพราะข้อสังเกตสังกาของ “เรืองไกร” นั้นต้องบอกว่ามีหลักฐานว่าด้วยราชกิจจานุเบกษาเป็นแบ็กอัป ยิ่งเมื่อกางไทม์ไลน์ตามที่พรรค ปชช.และพรรคถิ่นกาขาวฯ รวมถึงของราชกิจจาฯ ก็ต้องบอกว่าออกอาการหัวสั่นหัวคลอนกันได้ทีเดียว ซึ่งหากเรื่องดังกล่าวลามไปถึงการเลือกนายกฯ คนที่ 31 แล้ว งานนี้เราอาจได้เห็นอภินิหารว่าด้วยการวิ่งฝุ่นตลบระลอกใหม่เพิ่มขึ้นอีกก็เป็นได้...๐
ท.ศํกดิ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
บันทึกจันทร์สุดท้ายของปี 2568 อีกไม่กี่เพลาก็จะขึ้นศักราชใหม่ 2569 ...ประเทศไทยจะก้าวไปทางไหน?!?.. ก็ขอบันทึกสะกิดเตือน @ บรรทัดนี้เลยว่า ใจเย็นๆ ค่อยๆ พินิจพิจารณา ประมวลข้อมูล ทบทวน ไตร่ตรองให้ละเอียดรอบคอบแล้วจึงค่อยตัดสินใจว่า เลือกตั้งใหม่ในเร็วๆ นี้ เราอยากได้ใครมาเป็น "ผู้นำ" พาชาติบ้านเมืองไปสู่ทิศทางที่เหมาะที่ควร!!
บันทึกหน้า 4
จาก "หนู" หนึ่งเดียว กลายเป็นสอง ก่อนหน้านี้ถามกันทุกวันถึง 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของภูมิใจไทย ในงานแถลงนโยบาย "พูดแล้วทำพลัส" เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ชัดเจนว่า "อนุทิน ชาญวีรกูล" ฉายเดี่ยว โฆษกพรรคย้ำแล้วย้ำอีก
บันทึกหน้า 4
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงคุกรุ่นอยู่ต่อเนื่องอย่างไม่มีที่ท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ แม้วันที่ 24 ธ.ค.2568 จะเป็นวันแรกในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ จีบีซี ในวาระพิเศษ
บันทึกหน้า 4
การสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ไทยยังเหนือกว่าทุกด้าน สมรภูมิตามแนวชายแดน ทหารกล้าของเราบุกยึดพื้นที่คืนกลับมาเกือบเบ็ดเสร็จ ในเวทีสากล นานาชาติก็เข้าใจสถานการณ์ดี
บันทึกหน้า 4
บรรยากาศการเมืองไทยเวลานี้ ถ้าใครยังคิดว่าเป็นช่วงพักหายใจ บอกเลยคิดผิด เพราะสนามจริงของการเลือกตั้งปี 2569 เปิดเกมกันแล้วแบบไม่ต้องรอเสียงนกหวีด ใครมีของก็เริ่มโชว์ ใครยังตั้งหลักไม่ทันก็เริ่มเห็นทรงชัดขึ้นทุกวัน พรรคใหญ่ พรรคเล็ก ต่างขยับกันคึก แต่พรรคที่ถูกสปอตไลต์ส่องแรงสุด นาทีนี้หนีไม่พ้น “เพื่อไทย”
บันทึกหน้า 4
บันทึกในวันที่การเมืองเรื่องศึกเลือกตั้งใหญ่ 8 ก.พ.2569 คึกคักๆ ไม่มีการกั๊กกันอีกต่อไป ...0

