ผลงานเผด็จการ

นับเป็นคุณูปการอันใหญ่หลวงจริงๆ ครับ

คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดีถอดถอนนายกฯเศรษฐาออกจากตำแหน่ง ได้สร้างบรรทัดฐานทางการเมืองให้คนไทยได้ลิ้มรสมิติใหม่ในการแต่งตั้งรัฐมนตรี

จะทำแบบลวกๆ ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

คุณสมบัติผู้จะมาเป็นรัฐมนตรี นอกจากคุณสมบัติด้านอายุ การศึกษาแล้ว ที่ต้องเน้นหลังจากนี้คือ...

มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

การตั้ง "รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง ๑" จึงกลายเป็นเรื่องท้าทายว่า จะปลอดบุคคลที่มีความเสื่อมเสีย ไร้จริยธรรมเป็นที่ประจักษ์หรือไม่

ก่อนนี้มีนักการเมืองหลายๆ พรรคบอกว่ารัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ เป็นรัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจเผด็จการ ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน

ตั้งหน้าตั้งตาจะแก้ทั้งฉบับ  

ก็ดูเอาไว้ครับ มันเป็นอย่างที่นักการเมืองยัดเยียดข้อมูลให้หรือไม่

มาตรฐานใหม่นี้ กำลังจะสร้างปัญหาให้รัฐบาลอุ๊งอิ๊งตั้งแต่แรกเริ่ม

และนายกฯ อุ๊งอิ๊งเองก็รู้ดีว่าไม่ใช่งานง่าย

 “...ยืนยันครั้งนี้ต้องดูเรื่องคุณสมบัติเป็นพิเศษ เพราะไม่อยากให้มีอะไรที่ต้องมาผิดพลาด และไม่อยากให้ต้องใช้เวลานานด้วย

เพราะฉะนั้นจะรีบทำเรื่องของคณะรัฐมนตรีให้เสร็จ และส่งไปตรวจสอบคุณสมบัติ เพราะทุกคนก็แนะนำมาว่าตรวจสอบคุณสมบัติรอบนี้จะนานขึ้น เนื่องจากทุกคนเป็นห่วงเรื่องนี้...”

หากเกิดความผิดพลาด มันจะยิ่งกว่า นายกฯ เศรษฐาครับ

การตั้ง "พิชิต ชื่นบาน" เป็นรัฐมนตรี นายกฯ เศรษฐา ยังพอมีข้ออ้างได้ว่า มีภูมิหลังจากการประกอบธุรกิจ มีประสบการณ์ทางการเมืองที่จำกัด ไม่มีความรู้ทางด้านนิติศาสตร์หรือรัฐศาสตร์ จึงไม่อาจวินิจฉัยว่า "พิชิต" เป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญหรือไม่

แม้ข้ออ้างนี้จะไม่มีน้ำหนักพอที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับฟัง

แต่ก็เป็นบทเรียนสำหรับ นายกฯ อุ๊งอิ๊ง ว่าในฐานะผู้นำฝ่ายบริหาร แทบไม่มีข้ออ้างใดๆ มาลบล้างการตั้งบุคคลที่ ไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไร้จริยธรรมเป็นที่ประจักษ์ ได้เลย

และความจริงเชิงประจักษ์วันนี้ เริ่มมีการตั้งคำถาม คุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นรัฐมนตรีบางคนว่าอาจซ้ำรอย "พิชิต ชื่นบาน" หรือไม่

ที่เป็นทางการหน่อยก็โพสต์ของ "เชาว์ มีขวด" จากค่ายประชาธิปัตย์

"...ก่อนเคลียร์คุณสมบัติ รมต. คืนที่ธรณีสงฆ์ก่อนมั้ย

กรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจัดตั้ง คณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในช่วงสัปดาห์นี้จะมีการประสานคุยกับพรรครัฐบาล เพื่อดูโควตาในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล และเรื่องของการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี จะพยายามทำให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ แต่ต้องคุยกันหลายฝ่าย และยืนยันครั้งนี้ต้องดูเรื่องคุณสมบัติเป็นพิเศษ เพราะไม่อยากให้มีอะไรที่ต้องมาผิดพลาด และไม่อยากให้ต้องใช้เวลานานด้วย

เพราะฉะนั้นจะรีบทำเรื่องของคณะรัฐมนตรีให้เสร็จ และส่งไปตรวจสอบคุณสมบัติ เพราะทุกคนก็แนะนำมาว่าตรวจสอบคุณสมบัติรอบนี้จะนานขึ้น เนื่องจากทุกคนเป็นห่วงเรื่องนี้

โดยเฉพาะมีกระแสข่าวว่า จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติเพิ่มเติมของ ร.อ.ธรรมนัส และรัฐมนตรีอีกบางคน เพราะเกรงว่าจะมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน และอาจจะเกิดเหตุซ้ำรอยกับอดีตนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้วางบรรทัดฐานในการใช้ดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี ในการคัดสรรผู้ที่จะมาเป็นรัฐมนตรี ไว้ว่า

'นายกรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดในฝ่ายบริหาร ทุกการตัดสินใจมีผลกระทบต่อบ้านเมือง จึงต้องมีความรับผิดชอบในทุกการกระทำ ประกอบกับหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเกี่ยวกับความซื่อสัตย์สุจริตและความน่าเชื่อถือหรือไว้วางใจต่อสาธารณชนนั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่ประจักษ์ชัดในลักษณะภาวะวิสัย'

ผมคิดว่าเป็นมิติดีที่ น.ส.แพทองธาร ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ แต่ขอให้ทำในทันทีในทุกตำแหน่ง โดยเฉพาะคุณสมบัติส่วนตัวของผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ที่เคยมีปัญหาเรื่องข้อสอบเอนทรานซ์รั่ว

แม้ทั้งนายทักษิณ และ 'นายอดิศัย โพธารามิก' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในยุคนั้น ต่างยืนยันขันแข็งว่า 'ข้อสอบไม่รั่ว'

แต่สวนทางกับผลสอบของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงชุดที่ 'นายสุเมธ ตันติเวชกุล' เป็นประธาน ที่สรุปว่า  'ข้อสอบรั่ว' เรื่องนี้จึงยังเป็นที่กังขา และไม่เป็นที่ประจักษ์ชัดต่อสาธารณชนโดยทั่วไป

นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ถือหุ้นในบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์​ตคลับ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่บนที่ธรณีสงฆ์

เมื่อนายกฯ อยากเคลียร์คุณสมบัติรัฐมนตรีให้ชัด ก็ต้องคลี่คุณสมบัติตัวเองออกมาให้สิ้นข้อสงสัยเหมือนกัน ที่ของวัดคืนวัดไป ไม่อยากให้มีคดีความตามมาจนเขย่าเก้าอี้นายกฯ ก็ให้ 'จริยธรรม' อยู่ 'เหนือกฎหมาย' เสียแต่แรก

ไม่ใช่ถูกจับได้ไล่ทันแล้วจะมาบอกว่าโดนกลั่นแกล้ง..."

กรณี "ธรรมนัส" เหมือนสายล่อฟ้าจริงๆ ครับ ด้วยมาตรฐานใหม่นี้นับว่ามีความสุ่มเสี่ยงสูง

แต่ก็ไม่น่าจะยากอะไรครับ เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลปี ๒๕๖๓ ปีซึ่งพรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านนั้น "ธรรมนัส" ถูกถล่มอย่างหนัก

จนเป็นที่มามันคือแป้ง

ครั้งนั้นพรรคเพื่อไทยน่าจะเห็นข้อมูลจากออสเตรเลียแล้วว่า เท็จจริงเป็นอย่างไร

ฉะนั้นหาก นายกฯ อุ๊งอิ๊ง มีข้อมูลชัดเจนว่า "ธรรมนัส" มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไม่ผิดจริยธรรมร้ายแรง ก็ลงนามตั้งเป็นรัฐมนตรีได้ครับ

แต่หากไม่แน่ใจ ก็อยู่ที่พร้อมจะเสี่ยงหรือไม่

สำหรับตัว นายกฯ อุ๊งอิ๊ง เองมีคำตอบเดียว คือเดินหน้าต่อ

ไม่มีทางเลือกอื่นเพราะเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว การจะมีคุณสมบัติต้องห้ามหรือไม่ แค่รอว่าจะมีใครไปร้องหรือเปล่า

เรื่องราวในอดีต ไม่ว่าเรื่องข้อสอบรั่ว เรื่องธรณีสงฆ์ ล้วนมีข้อเท็จจริงที่สามารถพิสูจน์ทราบได้

ที่จริงรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๖๐ นี้ ก็ใช่ว่าจะสกรีนคนทุจริตได้ทั้งหมด เพราะต้องยอมรับความจริงว่า คนที่มีความเสื่อมเสีย ทุจริต ไร้จริยธรรม แต่ไม่เป็นที่ประจักษ์นัก ก็มีอยู่

เพราะยังจับไม่ได้!

ดูได้จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจในอดีต แทบทั้งหมดได้ไปต่อเพราะชนะโหวต ไม่ใช่เพราะมีหลักฐานมาหักล้างจนเป็นที่หายสงสัย 

แต่...เอาเถอะครับ...

แค่ "เป็นที่ประจักษ์" ก็ขี้หดตดหายกันแล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เป็น 'พระ' หรือ 'มาร' ให้ลูก

นับหนึ่งรัฐบาลระบอบทักษิณ ภาค ๕ มีทั้งคนชอบ และคนไม่ชอบนายกรัฐมนตรีคนใหม่ "แพทองธาร ชินวัตร" แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาๆ ของการเมือง

ผู้สืบสันดาน

เรียบร้อยนักโทษชายครับ สภาผู้แทนราษฎร ลงมติเลือก "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

'สินบน' หายไปไหน

ช่างมันเถอะครับ! ใครจะมาเป็นนายกฯ คงไม่ต่างไปจากที่้เป็นอยู่สักเท่าไหร่ ไอ้พวกที่แหกปาก อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน สุดท้ายลิงหลอกเจ้า

นายกฯ ใหม่เป็นใคร

จบแล้วครับ! ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยด้วยคะแนน ๕ ต่อ ๔ เสียง ให้ "เศรษฐา ทวีสิน" พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นการเฉพาะตัว

ไพร่พลอนุรักษ์นิยม

เป็นเรื่องจริงที่ว่า... หากนักการเมืองถอดหัวโขนการเมือง แล้วมายืนดูการเมืองอยู่ข้างนอก ภาพที่มองจะคล้ายๆภาพที่ประชาชนทั่วๆไปมอง