ว่าด้วยการ'ฟันธง'ของนักวิเคราะห์ทั้งหลาย

ถึงเคยคลุกคลีอยู่กับการ วิเคราะห์ การบ้าน-การเมือง มาร่วมกว่าๆ 2 ทศวรรษเห็นจะได้ แต่ด้วยอายุปูนนี้และด้วยสภาพแวดล้อมที่ทำให้ตัวเองใกล้ๆ เป็น มนุษย์ต่างดาว ยิ่งเข้าไปทุกที เลยไม่ได้คิดจะวิเคราะห์ สังเคราะห์ใดๆ ต่อไปอีกแล้ว ได้แต่นั่งเงี่ยหูฟัง บรรดา ผู้รู้ หรือกูรู-กูรู้ทั้งหลาย ซึ่งหลังๆ นี้...ออกจะมีเยอะแยะมากมายเสียเหลือเกิน ออกมาชี้โน่น-ชี้นี่ ฟันธง-ฟันเฟิร์ม อะไรต่อมิอะไรไปตามสภาพ...

ด้วยเหตุนี้...เลยออกจะเวียนหัว-มึนเฮด อยู่พอสมควร โดยเฉพาะต่อกรณีการ ไปต่อ-ไม่ไปต่อ ของท่านนายกฯ เศรษฐา ที่ขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรียังไม่ถึงกับครบปีโดยสมบูรณ์ อันเนื่องมาจากการแต่งตั้ง รัฐมนตรีถุงขนม ดังที่ทราบๆ กันไปแล้ว เพราะบรรดา นักวิเคราะห์ แต่ละราย ท่านชี้โน่น-ชี้นี่ไปแบบคนละ

ทาง-สองทาง อย่างรองศาสตราจารย์และดอกเตอร์อะไรซักอย่าง ที่มีสถานะเป็นถึง ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมือง โน่นเลย ท่านดูจะมั่นอก-มั่นใจ หรือเชื่อเอาจริงๆ ว่า ท่านนายกฯ เศรษฐา ย่อมต้อง ไปต่อ ได้แน่นอน ระดับออกมารับประกัน การันตี ไว้ถึง 30,000 ล้านเปอร์เซ็นต์ เอาเลยถึงขั้นนั้น แต่ไปๆ-มาๆ...อย่างที่ทราบๆ ไปแล้วนั่นแหละว่า มันกลายเป็นคนละเรื่อง-คนละม้วน กับการวิเคราะห์-วิแคะ ของดอกเตอร์ท่านนี้ แบบหน้ามือเป็นหลังตีนเอาเลยก็ว่าได้...

ส่วนคุณพี่ สำราญ รอดเพชร ของหมู่เฮา...ยังดีอยู่หน่อย ที่ออกไปทาง กลางๆ ตามอุปนิสัยและวัตรปฏิบัติของคุณพี่เขาแม้ทำท่าว่าจะโน้มๆ ไปทาง ไปต่อ อยู่บ้างเล็กน้อย แต่ก็ยังเปิดทางเอาไว้ว่าน่าจะประมาณ 50-50 อะไรทำนองนั้น ขณะที่คุณน้อง ต้อย-สนธิญาณ ที่คงไม่ได้แค่คิดจะ ฟันธง แบบใครต่อใคร แต่หนักไปทางกะจะ ฟันสะพายแล่ง ใครคนหนึ่ง-คนใดซะมากกว่า ท่านเลยมองข้ามช็อตไปถึงขั้นว่า ถ้า เศรษฐาไม่รอด โอกาสที่ ทักษิณจะกลับไปติดคุก อาจเป็นไปได้เอาเลยก็ไม่แน่!!! อย่างไรก็ตาม...ยังโชคดีที่มีคุณน้อง สุรวิชช์ วีรวรรณ นักวิเคราะห์แห่งสำนักข่าวผู้จัดการอยู่อีกหนึ่งคน แม้ว่าหลังๆ นี้...ชักจะออกงานโน่น-งานนี่ มีพรรคพวกเพื่อนฝูงเป็นคนใหญ่-คนโตเยอะแยะยั้วเยี้ยไปหมด แต่ท่านก็ได้ ฟันธง ไว้ล่วงหน้าประมาณวัน-สองวัน ว่ายังไงๆ ก็ ไม่รอด แน่ๆ แถมยังฟันต่อไว้อีกด้วยว่า นายกฯ คนใหม่ จะมี หน้าตาคล้ายๆ ทักษิณ ซะอีกต่างหาก...

สรุปรวมความเอาเป็นว่า...ขณะนี้ก็คงเป็นที่รับรู้-รับทราบอย่างเป็นที่ชัดเจนแล้ว ว่าใครธงหัก-ธงไม่หัก ใครหน้าแหก-หน้าแตก หมอรับเย็บ-ไม่รับเย็บ กันไปในแต่ละราย ซึ่งว่าไปแล้ว...คงจะไปโทษนักวิเคราะห์-นักวิแคะแบบเหมาหมด-เหมารวม ไม่น่าจะได้ อันเนื่องมาจาก สภาพแวดล้อม หรือความเป็นไปทางสังคม-เศรษฐกิจ-การเมือง ไม่ว่าระดับ สังคมไทย หรือ สังคมโลก ก็แล้วแต่ มันออกจะซับซ้อน พิสดารพันลึก หรือเผลอๆ...ออกไปทาง วิตถาร เอาเลยก็ว่าได้ อันเป็นอะไรที่ยากเอามากๆ ต่อการนำมาใช้เป็น มาตรฐาน หรือนำมาตั้งเป็นข้อ สมมุติฐาน ในการคาดคำนวณ คาดคะเน อะไรต่อมิอะไรได้ง่ายๆ อย่างที่เคยหยิบมาปรารภ รำพึง ไว้เมื่อไม่นานมานี้นั่นแหละว่า แค่ สาวไทย รายหนึ่ง ออกมานั่ง นับเลข 1-2-3-4-5-6-7-8-9 โดยมีดนตรีไฟฟ้าประกอบเล็กๆ-น้อยๆ แต่กลับส่งผลให้ผู้คนทั่วทั้งโลกแห่เข้ามาดู มาชม กันถึง 60 ล้านวิวเอาเลยถึงขั้นนั้น...

คือ มาตรฐาน ความเป็นไปของโลกในยุคนี้-สมัยนี้...มันออกจะเป็นอะไรที่แทบไม่มีมาตรฐาน หรือไม่ได้มี ความรู้สึกร่วม ในระดับที่ ตกผลึก จนกลายเป็นที่ยอมรับกันโดยกว้างขวาง แบบที่เคยทำให้สิ่งที่เรียกว่า ความดี-ความจริง-ความงาม เป็นสิ่งที่พอรับรู้ได้ สัมผัสได้ โดยไม่ยาก โดยเฉพาะนับแต่ช่วงที่พวก โพสต์ โมเดิร์น มันได้เพียรพยายามออกมาแปลความ ตีความ ว่าอะไรคือ ความดี กันแน่??? หลายต่อหลายสิ่งหลายอย่าง ก็ดูจะเริ่ม เละตุ้มเป๊ะ ขึ้นมานับแต่บัดนั้น ถ้าจำไม่ผิดดูเหมือนว่า...ท่านอดีตนายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นี่แหละ ท่านเลยต้องออกมาอรรถาธิบาย ด้วยถ้อยแบบคำสั้นๆ ง่ายๆ แต่ตรงไป-ตรงมาว่า ก็คือการ ไม่คิดจะทำอะไรที่ชั่วๆ นั่นเอง!!!

ยิ่งเมื่อความก้าวหน้า-ก้าวไกลในทาง เทคโนโลยี มันได้สร้างความ ย่อยแยก-แตกกระจาย ในสังคมแต่ละสังคม แบบชนิดต่อยังไงก็แทบต่อไม่ติด บรรดา มาตรฐาน ต่างๆ เลยยิ่งหาความเป็นมาตรฐานต่อไปแทบไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเหมาะ-ไม่เหมาะ ควร-ไม่ควร หรือเรื่อง กาละ-เทศะ เรื่องความกลัวบาป ละอายต่อบาป อย่าง หิริ-โอตตัปปะ ไปจนแม้แต่เรื่องความรู้คุณ-ไม่รู้คุณ หรือเรื่อง กตัญญูกตเวทิตา ฯลฯ ก็ยังไปไกลถึงขั้นครูบาอาจารย์ ต้องหันไปกรอกหัวนิสิต-นักศึกษา ว่าการเกิดลูกออกมาของพ่อๆ-แม่ๆ นั้น ไม่ได้ถือเป็น บุญคุณ ใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย...

นี่...มันไปไกล เตลิดเปิดเปิงไปได้ถึงขั้นนั้น ด้วยเหตุนี้...โอกาสที่จะวิเคราะห์ผิด-วิเคราะห์ถูก ฟันธงจนธงหักกันไปเป็นด้ามๆ จึงเป็นสิ่งที่พอเข้าใจได้ หรือไม่ได้ถือเป็นความผิดพลาดของนักวิเคราะห์ทั้งหลายไปซะทั้งหมด เนื่องจากสภาพแวดล้อมแต่ละด้าน มันเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จากมาตรฐานเดิมๆ แบบชนิด พลิกหน้ามือ-เป็นหลังตีน เอาเลยก็ว่าได้ แต่ก็โดยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปในลักษณะดังกล่าวนี่เอง ที่น่าจะทำให้สามารถ ฟันธง ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ว่า ไม่ว่าสังคมไทย หรือสังคมโลกก็แล้วแต่ โอกาสที่จะออกไปทาง ฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย น่าจะเป็นไปได้สูงเอามากๆ หรือน่าจะเป็นไปดังที่ อภิมหาพระ ท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านสรุปรวบยอดไว้ด้วยถ้อยคำสั้นๆ ว่า “ศีลธรรมไม่กลับมา-โลกาจะวินาศ” นั่นแล!!!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เลือกผู้แทนกันยังไง...เมืองไทยจึงเป็นเช่นนี้

หลังจากรู้ผลการเลือกตั้งในคืนวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 บ้านเมืองไทยก็ดูพิกลพิการ อยู่ในสภาพที่ไม่อาจจะเดินหน้าเพื่อการพัฒนาที่จะสร้างความเจริญก้าวหน้า

วัดใจดาบสอง 'โจ๊ก'

คลี่คลายไปอีกหนึ่งปม เมื่อราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง ด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีคำสั่งให้

จะดิ้นอย่างไรก็ไปไม่รอด

ก่อนถึงวันที่ 7 สิงหาคม 2567 ซึ่งเป็นวันที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยชี้ชะตาพรรคก้าวไกลว่าจะถูกยุบหรือไม่ พวกเขามีการดิ้นรนกันมากในลักษณะหมาจนตรอก

ว่าด้วย 'ความเปลี่ยนแปลง' ที่กำลังจะเกิดขึ้น???

ขณะที่ บ้านเรา กำลังรอลุ้นว่าจะ ยุบพรรค-ไม่ยุบพรรค ในกรณี พรรคก้าวไกล เมื่อช่วงวันพุธที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้งอาจลุ้นต่อไปถึงเรื่องการ ไปต่อ-ไม่ไปต่อ

ตำรวจโอลิมปิก

ปลื้มใจกันทั้ง "กรมปทุมวัน" สำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โพสต์แสดงความยินดีและภาคภูมิใจข้าราชการตำรวจทั้ง 7 นาย ที่ได้สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย