คืนวานซืน (๑๑ ต.ค.๖๔)
วันนี้ ผมอยากประกาศ หนึ่งก้าวเล็กๆ .........
แต่เป็นก้าวที่สำคัญ
ที่เรากำลังจะเดินหน้า บนเส้นทางที่จะช่วยให้พี่น้องประชาชน สามารถกลับมาทำมาหาเลี้ยงตัวเองกันได้อีกครั้ง
ในช่วงหนึ่งถึงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
ประเทศที่เป็นนักท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย ต่างค่อยๆ เริ่มอนุญาตให้ประชาชนของเค้าเดินทางได้ โดยไม่มีเงื่อนไขที่ยุ่งยากมากมาย
อย่างเช่น อังกฤษ ตอนนี้เพิ่งจะอนุญาตให้ประชาชนเดินทางมาประเทศไทยได้โดยไม่ยุ่งยาก หรืออย่าง สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ก็เพิ่งเริ่มผ่อนคลายเงื่อนไข ในการเดินทางไปต่างประเทศของประชาชน
ความคืบหน้าที่เกิดขึ้นแบบนี้ เราเอง แม้ยังต้องระมัดระวัง แต่ก็ต้องเดินหน้าให้ไว เพื่อไม่ให้เสียโอกาส ที่อย่างน้อย เราจะสามารถดึงนักท่องเที่ยวมาได้บ้าง ในช่วงเทศกาลเดินทางท่องเที่ยววันหยุดสิ้นปี ใน ๓ เดือนข้างหน้านี้
เพื่อสนับสนุนส่งเสริมการทำมาหากินของประชาชนนับล้านๆ คน ในภาคการท่องเที่ยว การเดินทาง และภาคธุรกิจพักผ่อนหย่อนใจ และบันเทิง รวมถึงภาคธุรกิจอื่น อีกมากมายที่เกี่ยวข้อง
เพราะฉะนั้น วันนี้ ผมได้สั่งการให้ ศบค. และกระทรวงสาธารณสุข ร่วมพิจารณา
โดยตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน เป็นต้นไป
ประเทศไทยจะเริ่มเปิดรับการเดินทางเข้าประเทศไทย โดยไม่ต้องกักตัว สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว
และเดินทางเข้าประเทศไทยโดยทางอากาศ โดยมาจากประเทศที่เรากำหนดว่า เป็นประเทศความเสี่ยงตํ่า
.......................
ในเบื้องต้น เราเริ่มต้นกำหนดรายชื่อประเทศความเสี่ยงตํ่า ที่จะสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ โดยไม่ต้องกักตัว ไว้ที่อย่างน้อย ๑๐ ประเทศ
อย่างเช่น อังกฤษ สิงคโปร์ เยอรมนี จีน และอเมริกา โดยเราตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนประเทศให้มากขึ้นอีก ภายในวันที่ ๑ ธันวาคม
และหลังจากนั้น ภายในวันที่ ๑ มกราคม เราจะเพิ่มจำนวนประเทศให้มากขึ้น อย่างกว้างขวาง
ผู้ที่มาจากประเทศที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อประเทศความเสี่ยงตํ่า เรายังให้การต้อนรับเข้าประเทศไทย แต่จำเป็นต้องมีการกักตัว ตามเงื่อนไขและข้อกำหนด
ภายในวันที่ ๑ ธันวาคม
เราจะพิจารณาอนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารได้ และจะพิจารณาอนุญาตให้สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และสถานบันเทิง เปิดให้บริการได้ ภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุขที่เหมาะสม
เพื่อสนับสนุนและกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว การพักผ่อนและบันเทิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เรากำลังจะเข้าสู่เทศกาลเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสปีใหม่
ผมรู้ว่าการตัดสินใจแบบนี้มีความเสี่ยง....
ที่เกือบจะแน่นอนเลยว่า เมื่อเราเริ่มต้นการผ่อนคลายต่างๆ จะทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นการชั่วคราว
ซึ่งเราต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และประเมินดูว่า เราจะรับมือกับสถานการณ์นั้นอย่างไร
เราต้องไม่ปล่อยโอกาสนี้ ....
เพราะถ้าเราต้องเสียโอกาส ในช่วงเวลาทอง ของการทำมาหากินไปอีก เป็นปีที่ ๒ ติดต่อกัน ผมคิดว่าประชาชนคงรับมือไม่ไหวอีกต่อไป
.......................
นี่...
บางช่วง-บางตอนคำ "รายงานประชาชน" ของนายกฯ ประยุทธ์ ทางโทรทัศน์ทุกช่อง ตอน ๒๐.๓๐ น.ของคืน ๑๑ ตุลา.๖๔
ทันทีที่จบ ผลตอบรับเป็นอย่างนี้ครับ ผมจะหยิบมาให้ดูเท่าที่ผ่านตา
Amarat chokepamikul อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล
เห่าจบรึยังจะได้เปิดทีวี
..........................
นารากร ติยายน
วันนี้ผมขอประกาศก้าวเล็กๆ แต่เป็นก้าวที่สำคัญ ถ่ายกี่ Shot ก็ได้รูปแบบเดียว สายตาทานจ้องมองที่ตัวหนังสือที่เขียนให้อ่าน ไม่มี eye contact กับผู้ชมเลย
มิสเตอร โต เข้ามาคอมเมนต์ ว่า
สาระสำคัญอยู่ที่เนื้อหา ไม่ใช่เรื่องสบตากับกล้อง
ตลกว่ะ มันจับผิดเรื่อง ๕ บาท ๑๐ บาท
....................
Anchalee Paireerak
ถึงอายจะไม่คอนแท้คกับเทอ แต่แอคชั่นนะเออ เทอดูจิ สวัสดีวันสีชมพู
......................
Shoo Kumpi
#หุ้นดีดขึ้นเขียวยกแผงค่าเงินแข็งตัวทันที ตลาดหุ้นและตลาดการเงินไทยหลังนายกฯ ประกาศเปิดประเทศ
1 พ.ย.นี้! ส่งผลให้หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวดีดนำตลาด AOT +4% AAV +10% ERW +4% CENTEL +3.5% MINT +4%//คัดลอกมา
.............................
Pasakorn Ton Kongsakorn
· "ม้าตีนปลาย" คือ ออกตัวช้า รักษาสปีด เร่งเครื่องขึ้นช้าๆ แบบมีแผน พอเข้าโค้งสุดท้าย คือแซงขาดทุกตัว
#ประเทศไทยต้องชนะ
.........................
เว็บไซต์ Post Today
นักวิเคราะห์ชี้เงินบาทแข็งค่ารับนโยบายเปิดประเทศ นักท่องเที่ยวต่างชาติแห่แสดงความคิดเห็น
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทแข็งค่าที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม
อันเป็นผลมาจากการผ่อนปรนข้อกำหนดการเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวคึกคัก
จากผลสำรวจของ Bloomberg คาดว่าค่าเงินบาทจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 32.6 ต่อดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้ หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 2% จากระดับปัจจุบัน....ฯลฯ.....
............................
"Anan Jongkaewwattana” ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา
“ถ้านักท่องเที่ยวมาวันละ 1 แสน เราจะตรวจ RT-PCR เขายังไง เพราะเราไม่เคยทำได้ถึง”
"ฟังเขา-ฟังเรา" พอเป็นสังเขปเท่านี้ นำทั้งด้านบวก-ด้านลบมาหักกลบกันแล้ว ผลลัพธ์ เป็นบวกหรือเป็นลบ
ผมว่า ตัดความเห็นพวก "ตัณหาส่วนตัว" ออกไป เอาเฉพาะทัศนะเป็นเหตุ-เป็นผล
การเปิดประเทศ เสียงตอบรับจะเป็นบวก
และในบวกนั้น เป็นบวกที่ทุกคนรู้ว่า "ยังต้องเสี่ยง" กับการระบาดของโควิดรอบใหม่
แต่ทำไงได้....
ถ้ารอให้โควิดสูญพันธุ์ไปจากโลกนี้ก่อน ค่อยเปิดประเทศ ผมว่า หาทางไปสำรวจดาวดวงไหนซักดวง แล้วย้ายไปอยู่ "โลกใบใหม่"
ง่ายกว่า เร็วกว่า รอโควิดสูญพันธุ์ไปจากโลกใบนี้!
โควิดนี่ ซักพักเถอะ เสร็จมนุษย์ ถูกจับมาทำเป็น "โควิดร้า" ใส่ขวดไปให้ไพรวัลย์-สมปองช่วยโฆษณาพักเดียวแหละ ขาดตลาด
ผมออกความเห็นบ้าง ตอนท่องเที่ยวไทยเฟื่องสุด ต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวไทยมากสุด คือชาติอาเซียน-เอเชียด้วยกัน
ระดับปีละ ๑๐ ล้าน+ มี ๒ ชาติ คือ
จีนกับมาเลย์ เพื่อนบ้านชานเรือนติดกันนี่แหละ!
นอกนั้น แค่ล้านกว่าๆ พวกยุโรปด้วยแล้ว บางประเทศเข้ามาระดับไม่กี่แสน
ฉะนั้น การเปิดประเทศ เปิดเลย อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด แต่ต้องบอกให้ร้านค้า-ร้านขายที่เน้นนักท่องเที่ยวได้เข้าใจ
หวังมาก จะผิดหวังมาก ลูกค้ารายใหญ่ อย่างจีน เขาอยากมา แต่มาไม่ได้หรอก!
เพราะจีนตอนนี้ ไม่มีนโยบายให้คนเขาออกไปท่องเที่ยว ใครอยากออก ก็ได้ แต่กลับเข้ามา ลื้อต้องถูกกักตัว ๑๔-๒๑ วันนะ!
มาเลย์นั่นเหมือนกัน อยากมาใจจะขาด แต่ก็รู้ๆ กันอยู่ติดโควิดกันชนิด "งอมพระราม" มาก็ต้องกักตัว กลับไปก็ต้องกักตัว งั้่น "กกตัวเอง" อยู่บ้านดีกว่า
ธันวา-มกรา.ปีเก่า-ปีใหม่ มีนักท่องเที่ยวทุกชาติเข้ามารวมแล้วระดับแสนถึงล้านคน นั่นก็ "พระเจ้าช่วย" สุดๆ แล้ว
ผมฟังที่นายกฯ แถลงและฟังรัฐมนตรีท่องเที่ยวรวมทั้งผูู้ว่าฯ ททท. เผยทิศทาง มุ่งเน้นนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก
แต่ผมกลับเห็นตรงข้าม
ควรเน้น "ไทยท่องเที่ยวไทย" กันเอง นั่นแหละ เป็นการเปิดประเทศที่ช่วยสร้างสีสันบรรยากาศ สร้างการกระจายรายได้ ลบความง่วงเหงาเศร้าซึมให้ประเทศและพี่น้องไทยด้วยกันได้ดีที่สุด
ในโลกนี้ ใครกระเป๋าเบา แต่ "กินหนัก-จ่ายหนัก" เรียกว่าเที่ยวแล้วเปย์ไม่อั้นเหมือนคนไทยบ้างล่ะ?
จัดโปรแกรม หนุนคนไทยเที่ยวนำร่องกันเองให้หนัก "ดีสุด" เชื่อเถอะ เห็นจีนมั้ย เขาปิดประเทศ คนในห้ามออก-คนนอกห้ามเข้ามานานแล้ว
แล้วสะเทือน (มาก) มั้ย?
ไม่เท่าไหร่เลย เพราะลำพังจีนเที่ยวจีนกันเองก็แน่นเอี้ยดทุกที่อยู่แล้ว นักท่องเที่ยวต่างชาติ เป็น "ส่วนเกิน" ด้วยซ้ำ
ประเด็น "ควรมอง" ตรงนี้ คืออะไร?
คือ ที่เป็นอยู่ เศรษฐกิจประเทศไทยเรา ฝากกำลังฉุด "เครื่องจักรประเทศ" ไว้ที่ "ส่งออก" กับ "ท่องเที่ยว"
พอ ๒ ตัวนี้ มีปัญหา
เครื่องจักรประเทศ "ดับวูบ" ทันที!
สิ่งควรคิดแก้คือ เราต้องหันมาสร้าง "กำลังซื้อ" ภายในให้มีพลังมากขึ้นเป็น "กำลังฉุด" ตัวที่ ๓ นอกเหนือจากนวัตกรรมอุตสาหกรรม ที่ยังต้องใช้เวลาอีก ๕-๑๕ ปี
ระดับ "กลาง-บน" เครื่องยังพอเดินได้
แต่ระดับ "ล่างสุด" มีแค่ ติดๆ ดับๆ กับ "ดับสนิท" เลย!
รัฐบาล กับระดับฐานบน ต้องทำหน้าที่เป็น "เบนซินผสม" ไปเติมถังระดับล่างซึ่งมีมากกว่า ๕๐% ของประเทศ ให้เกิดพลังฉุด
ฉุดอะไร...?
ก็ฉุดเครื่องจักรในระบบธุรกิจ-อุตสาหกรรม การผลิต การแปรรูป การจับจ่ายใช้สอย กิน เที่ยว เพื่อคนระดับบนและรัฐบาล โดย "กำลังซื้อ" ชาวบ้านนั่นแหละ
๒-๓ ปีต่อจากนี้ นโยบายฉุดเศรษฐกิจประเทศดีที่สุด คือนโยบาย
"อัฐยายซื้อขนมยาย"!
ใช้ระบบการคลัง สร้างวิธีจูงใจ ให้ระดับบน "เทเงิน" ที่ไปอัดอยู่ล้นแบงก์-ล้นเซฟ จนไม่เกิดระบบหมุนเวียน ซึ่งผิดหลักเศรษฐทรัพย์ ให้มันไหลเป็นน้ำไปสู่ชาวบ้าน
ไม่กี่ซู่หรอก และไม่ต้องกลัวจะหายไปไหน
การกิน-การใช้ แป๊บเดียว ก็ไหลกลับแบงก์-กลับเซฟ-กลับคลังในรูปภาษี เหมือนเดิม!
ฉะนั้น ผมจึงเห็นว่า การสร้างกำลังซื้อให้คนในประเทศเรากันเองนี่แหละ คือบทเรียนที่เราได้และควรทำ
เหมือนตอน "ต้มยำกุ้ง" จากบทเรียนนั้น ทำให้แบงก์เกิดระบบ "สำรองเงินกู้" การเงินประเทศไทยจึงแข็งเป็นดุ้นพระศิวะ ถึงทุกวันนี้
ความจน แก้ง่ายนิดเดียว
คลายงก แล้วทำให้คนไม่มี-ได้มีบ้าง มันก็หายจน!
เมื่อคนส่วนใหญ่ของประเทศไม่จน แล้วมีคนไหนบ้างล่ะ ที่ไม่ใช่ลูกค้า ตราช้าง, ตราสิงห์, ซีพี, เซ็นทรัล, ปูนซิเมนต์ไทย, ปตท. และ ฯลฯ
สรุป..ไทยช่วยไทย "ไทยใช้-ไทยรวย" ประเทศไทยของเราทุกคนนี่แหละ
รวยแบบ "ร่วมด้วย-รวยด้วยกัน"!
คนปลายซอย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'Grab rider ต้วง'
ดู "นาฬิกากรรม" แล้ว ก็อยากบอกว่า.... ช่วงนี้ ใครมีธุระอะไร ก็ไปทำซะให้เสร็จ ยังพอมีเวลา
'เลิกแล้วค่ะ...หนูเลิกแล้วค่ะ'
ตกลง "ขึ้น-ไม่ขึ้น" VAT จาก ๗% เป็น ๑๕% ตามแนวคิดรัฐบาลเพื่อไทย?
รัฐบาล (ไม่ใช่) บริษัทชิน
"กู้มาแจก-กู้มากิน-กู้มาโกง" ผลก็คือ "รัฐบาลถังแตก"!
'วันพ่อ-วันชาติ-วันดินโลก'
รู้มั้ย..... "๕ ธันวาคม" ของทุกปี เป็นวันอะไร? ทุกคนรู้.....
ไทย 'กะล่อนทอง'
ช่วย "คิด-วิเคราะห์" กันดูซักนิดซิว่า..... ทำไมชายแดนด้าน "ไทย-พม่า" จึงเกิดกรณียั่วยุขึ้นไล่เลี่ยกันถึง ๒ จุด
ไหนล่ะ "เกียรติ-ศักดิ์ศรี"?
ต้องบอกกันตรงๆ ว่า.... "ด้านในประเทศ" "รัฐบาลเพื่อไทย" ประชาชน "ไม่มีกิน-ไม่มีใช้" มีแต่หนี้ที่รัฐบาลสร้างให้ "บนความเหลื่อมล้ำ"