รัฐบาลงัดทุกทางพยุงตลาดหุ้น

หลังจากปล่อยให้ตลาดหุ้นซึมมาอย่างช้านาน จนปัจจุบันอยู่ต่ำกว่า 1,300 จุด เรียกได้ว่าสำหรับนักลงทุนถือเป็นความเจ็บปวด เพราะดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาไม่ได้ไปไหน โดยมีหลายฝ่ายมองว่าการที่ตลาดหุ้นไทยเป็นแบบนี้ ส่วนหนึ่งเพราะสภาพเศรษฐกิจของไทยโดยรวมไม่มีความคึกคัก ขณะเดียวกัน ตัวหุ้นหรือตัวธุรกิจของไทยก็ขาดเสน่ห์ เป็นธุรกิจแบบยุคเก่า ที่มองอนาคตแล้วดูเหมือนจะไม่สามารถทำกำไรได้ ทั้งหมดทำให้เงินลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ ต่างก็หนีและหันไปลงทุนในตลาดที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า

แน่นอนปัญหาเหล่านี้กระทบความเชื่อมั่นต่อภาพเศรษฐกิจโดยรวม ทำให้รัฐบาลไม่อาจนิ่งนอนใจ ปล่อยให้ตลาดเป็นไปตามยถากรรมได้ โดยนับตั้งแต่ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้ามากุมบังเหียนดูแลเศรษฐกิจ

ก็พยายามงัดหลายมาตรการออกมาเพื่อพยุงตลาดหุ้น โดยเฉพาะการสร้างแรงจูงใจทางภาษีผ่านการซื้อกองทุน ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการปรับเกณฑ์การลงทุน กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG Fund) โดยจะมีการปรับเงื่อนไขลดหย่อนสูงสุดได้ 3 แสนบาท (เดิม 1 แสนบาท) และลดเวลาการถือครองเหลือ 5 ปี (เดิม 8 ปี) รวมถึงไม่มีข้อจำกัดเรื่องการลงทุนทุกปี และวงเงินขั้นต่ำในการซื้อขาย

โดยจากผลการศึกษาพบว่า เงินลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาวทุก 1 หมื่นล้านบาท จะส่งผลต่อดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) 25-27 จุด ก็ถือเป็นอีกความหวังที่จะมาช่วยพยุงหุ้นไทยโดยรัฐบาลและคนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาหลังเปิดขาย 4-5 เดือนสุดท้ายไม่ต่ำกว่า 3-4 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับ Thai ESG ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งมีระยะเวลาการดำเนินการเพียง 1 เดือน และมีเม็ดเงินลงทุน 6,000 ล้านบาท

ซึ่งหากเทียบแบบบัญญัติไตรยางศ์ หากเงิน 1 หมื่นล้านบาท หนุนหุ้นโต 25-27 จุด การที่เม็ดเงินใหม่เข้ามา 3-4 หมื่นล้านบาท น่าจะผลักดันให้หุ้นโตได้เกิน 100 จุด

แต่ล่าสุดรัฐบาลยังไม่หยุด เพิ่งชงขยายกองทุนวายุภักษ์รอบใหม่เข้า ครม. วางเป้าระดมทุน 1-1.5 แสนล้านบาท เพื่อนำเงินใหม่มาพยุงตลาดทุน และเป็นการเชื้อเชิญให้นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในไทยด้วย โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนรวมถึง 5 แสนล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินจากการเสนอขายให้ผู้ลงทุนทั่วไปอีก 1.5 แสนล้านบาท เข้ามาช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยให้ฟื้นตัวได้

 เรื่องนี้ บล.กสิกรไทย คาดว่าผลกระทบเชิงบวกสุทธิต่อดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ( SET Index) อยู่ที่ราว 130-200 จุด หรือประมาณ 10-15% หากเม็ดเงินใหม่ที่ระดมมานำไปใช้ซื้อหุ้นในตลาด โดยกลุ่มพลังงานและธนาคารจะได้ประโยชน์สูงสุดจากการเพิ่มทุนใหม่ของกองทุนวายุภักษ์ในครั้งนี้

เบื้องต้นกระทรวงการคลังเตรียมเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. วงเงิน 100,000-150,000 ล้านบาท สำหรับนักลงทุนทั่วไป และจะเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงเดือน ก.ย.นี้ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการออมแก่ประชาชน

 และแน่นอนว่า หลังจากเงินก้อนนี้ไหลเข้าไปในตลาด น่าจะมีส่วนไม่มากก็น้อยในการช่วยผลักดันให้ตลาดหุ้นกลับมาดีดตัวขึ้นอีกครั้ง.

 

ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดันอุตฯไทยไปอวกาศ

แน่นอนว่าในยุคที่โลกต้องก้าวหน้าไปสู่อุตสาหกรรมที่ทันสมัยมากขึ้น และต่อไปไม่ได้มองแค่ในประเทศหรือในโลกแล้ว แต่มองไปถึงนอกโลกเลยด้วยซ้ำ เพราะจะเป็นหนึ่งในกลไกในการพัฒนาอุตสาหกรรมภาคพื้นที่มีความแข็งแกร่งส่งผ่านไปยังอุตสาหกรรมอวกาศได้

แบงก์มอง ASEAN ยังมาเหนือ

ยังคงมีอีกหลายประเด็นที่ต้องจับตามองกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งในสถานการณ์โลกและภายในประเทศ ที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจและการค้า โดยมุมมองของ อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ระบุว่า

ปัญหาฝุ่น PM2.5 ต้องแก้ต่อเนื่อง

ต้องยอมรับว่า อ้อยเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย ที่ทำรายได้แก่ภาคเกษตรกรปีละ 1 แสนล้านบาท แต่ต้องยอมรับว่ากระบวนการเก็บเกี่ยวอ้อยนั้นส่งผลให้เกิดฝุ่นละอองในอากาศ โดยเฉพาะ PM2.5 ที่เกิดจากเกษตรกรเผาอ้อยก่อนที่จะมีการตัด ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่รัฐบาลได้ออกมาตรการเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว แต่ยังไม่บรรลุผล

ดิจิทัลวอลเล็ตตะกุกตะกัก

วันนี้เวลา 08.00 นาฬิกาตรง รัฐบาลจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิ์ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ผ่านระบบสมาร์ทโฟน

ยกระดับปฏิบัติการโลจิสติกส์

โลกของอุตสาหกรรมที่ก้าวหน้าไปไกลอย่างมากทุกวันนี้ ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งมาจากการพัฒนาด้านโลจิสติกส์ หรือการคมนาคมขนส่งสินค้าให้สามารถเชื่อมโยงพื้นที่ต่างๆ เข้าด้วยกัน

ความสำเร็จของแบรนด์กับการใช้Meta

ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีประชากร 700 ล้านคน และมี GDP รวมประมาณ 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เป็นตลาดที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก